PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560

แผนรุก การเมือง คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 แผน มัดตราสัง

แผนรุก การเมือง คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 แผน มัดตราสัง

หลังคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 57/2557 ก็ต้องถือว่าคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560 เป็นมาตรการ “รุก” ทางการเมืองอีกก้าวใหญ่
เมื่อปี 2557 ห้ามพรรคการเมืองเคลื่อนไหว
ในปี 2560 เป้าหมายคือ มัดตราสังพรรคการเมือง “เก่า” และเปิดทางสะดวกให้กับพรรคการเมือง “ใหม่”
ยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟัน
จากข้อเสนอของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประสานกับข้อเสนอของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป สัมผัสได้ผ่านคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560
เสียงร้องจาก นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เสียงร้องจาก นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เสียงร้องจาก นายชัยเกษม นิติสิริ ชัด
รวมศูนย์ไปยัง “รีเซต” เพื่อ “เซต ซีโร่”
ประติมากรรมอันมาจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560 เท่ากับเป็นการรุกเข้าไปยัง “กล่องดวงใจ” ของพรรคการเมือง
ที่ว่า 2.8 ล้านพรรคประชาธิปัตย์-แหลก
ทั้งๆ ที่เป็นการสะสมปริมาณมาจากเดือนเมษายน 2489 ผ่านร้อนหนาวทางการเมืองมาอย่างยาวนาน ไม่ว่ายุค จอมพลแปลก พิบูลสงคราม ไม่ว่ายุค จอมพลถนอม กิตติขจร
มาพังครืนก็ในยุค “คสช.”
ความเคียดแค้นอันปรากฏผ่านวาทกรรมว่าด้วยบทบาทของ “ลุง” บางคนที่เป็นนกต่อให้กับพรรคทหารจากภายในพรรคประชาธิปัตย์
ถือได้ว่าเป็น “แค้น” อันมี “เป้า”
หากไม่ได้รับการปรึกษาอย่างใกล้ชิดจากคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ยากยิ่ง
ที่จะสามารถสร้างประติมากรรมได้

ในระดับคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560
ไผเป็นไผ แทบไม่ต้องบรรยาย
จากนี้จึงเห็นได้ว่าสถานการณ์นับแต่ก่อนเดือนกันยายน 2549 ต่อเนื่องมายังสถานการณ์ก่อนเดือนพฤษภาคม 2557 มีความสัมพันธ์และต่อเนื่องกัน
บทสรุปที่ว่ารัฐประหาร “เสียของ” นั้นน้ำหนักอยู่ตรงไหน
แท้จริงแล้ว การพยายามรวมศูนย์ความเคียดแค้นชิงชังไปยังพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และ ณ วันนี้คือพรรคเพื่อไทย
อาจสะท้อนนัยยะอะไรได้หลายอย่างในทางการเมือง
มาถึงรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เป้าหมายนี้มิได้เปลี่ยน แต่เมื่อโยงคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 57/2557 กับคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560 เข้าด้วยกัน
ก็จะเผยการขยาย “เป้าหมาย” ที่ใหญ่ขึ้น
มิได้จำกัดแต่เพียงพรรคเพื่อไทยอีกต่อไปแล้ว แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา หรือพรรคการเมืองเก่าอย่างพรรคภูมิใจไทยก็โดน
หากไม่ทำตัวน่ารักเหมือนนักการเมือง “บางคน”
ผลจากคำสั่งนี้จะก่อให้เกิดการแปรเปลี่ยนในทางความคิดและในเชิงการวิเคราะห์หรือไม่ อีกไม่นานย่อมได้คำตอบ
นับวันกระบวนการในทางการเมืองยิ่งเพิ่มความสลับซับซ้อน เพราะความต้องการก็คือการต่อท่อแห่งอำนาจ การดำรงจุดมุ่งหมายนี้จึงสำคัญ
สำคัญต่อพัฒนาการในทางการเมือง
สำคัญต่อแต่ละ “มาตรการ” ที่ออกมาเพื่อทำหมันและมัดตราสังพรรคการเมืองเก่า พรรคการเมืองใหญ่ ให้ค่อยๆ หมดฤทธิ์หมดเดชลง
ทุกอย่างล้วน “ปฏิรูป” ก่อน “เลือกตั้ง”

ไม่มีความคิดเห็น: