PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2560

‘7 เสือ กกต.’ มารอก่อน

‘7 เสือ กกต.’ มารอก่อน


ไม่ฮือฮา ไม่เรียกเรตติ้งสักเท่าไหร่

กับว่าที่ “7 เสือ” กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) “สเปกเทพ” ในรัฐธรรมนูญฉบับ “ซือแป๋” มีชัย ฤชุพันธุ์
แยกเป็นในส่วนของคณะกรรมการสรรหา กกต. ประกอบด้วยนายเรืองวิทย์ เกษสุวรรณ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมายบริษัทเอกชน และนายประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย

คัดจากผู้สมัครทั้งหมด 41 คน และมีผู้ผ่านคุณสมบัติเพียง 15 คน

รวมกับผู้ที่ผ่านการคัดกรองจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติเลือกนายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และนายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ให้เป็นผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต.สายศาล จำนวน 2 คน

ครบ 7 คน ส่งต่อให้ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ

คำตอบสุดท้ายยังอยู่ที่ สนช.อีกด่าน

แต่เท่าที่เปิดโฉมหน้าออกมาเบื้องต้น ต้องยอมรับว่ามีแค่นายประชา เตรัตน์ กับนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ที่ชื่อคุ้นหู จัดอยู่ในข่ายคนเด่นดังในวงการระดับประเทศ

มาตรฐานภารกิจหน้าที่เก่า พอขึ้นชั้นเป็นกรรมการการเลือกตั้งได้

กับโควตาของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคือ นายฉัตรชัย จันทร์พรายศรี และนายปกรณ์ มหรรณพ ที่เชื่อมือได้ในเรื่องของมาตรฐานความเที่ยงธรรมทางข้อกฎหมาย

นอกนั้นจัดอยู่ในข่าย “โนเนม” ไม่ปรากฏประวัติเนื้องานระดับชาติ

ที่แน่ๆเชื่อได้เลยว่า โอกาสนี้นักการเมืองอาชีพ ป้อมค่ายต่างๆคงไล่เจาะข้อมูล วิ่งสืบหาเส้นทางเข้าถึงตัวว่าที่ กกต.ชุดใหม่กันให้ควั่กแล้ว

ตามแนวโน้มจะต้องเคลียร์ด่านเลือกตั้งล่วงหน้า

เผื่อสถานการณ์ต้องเจอใบเหลือง ใบแดง

เรื่องของเรื่อง แม้จะขัดๆกับเงื่อนไข “สเปกเทพ” ของยี่ห้อ “ซือแป๋มีชัย”

แต่ในสมัยหนึ่งก็มีการเปรียบ กกต. ไม่ว่าแมวขาว แมวเทา ขอให้จับหนูได้ก็พอแล้ว

และจริงๆมันก็ไม่มีอะไรชี้วัดมาตรฐานคำว่า “สเปกเทพ” เพราะบางทีคนไม่ดัง อาจเป็นคนดีก็ได้ ตรงกันข้ามคนดี เด่น ดัง แต่พฤติกรรมน่าผิดหวัง ก็มีให้เห็นมาแล้วใน กกต.ชุดที่ผ่านๆมา

ถ้าไม่เอาอารมณ์เบิ้ลบลัฟ อาการของพวกหมั่นไส้ยี่ห้อ “มีชัย” มาเป็นที่ตั้ง

มันก็ยังเร็วเกินไปที่จะติเรือทั้งโกลนกับโฉมหน้าว่าที่ “7 เสือ กกต.” ประเดิมรัฐธรรมนูญใหม่

ถึงเวลาจริงอาจเป็นชุด “ปราบเซียน” ก็ได้

ที่สำคัญมาถึงตรงนี้ ถือว่าเงื่อนไขสถานการณ์ในการเตรียมการเลือกตั้งคืบหน้าไปอีกขั้น จ่อมี กกต.ชุดใหม่เข้ามาประจำการแล้ว

รองรับกระบวนการตามโรดแม็ปที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ย้ำสัญญาประชาคม จะประกาศเลือกตั้งในเดือนมิถุนายนปี 2561 และเข้าคูหากาบัตรกันในเดือนพฤศจิกายนปลายปีเดียวกัน

หมดปัญหาลักลั่นในส่วนของคนจัดเลือกตั้ง

เหลือที่ยังต้องลุ้นก็คือ กระบวนการจัดทำกฎหมายลูก ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่อยู่ในการพิจารณาของ สนช. โดยเฉพาะโฟกัสไปที่ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่มีผลแปรผันโดยตรงต่อการจัดเลือกตั้ง

ถ้ามีจุดพลิกผัน ก็มีผลต่อเงื่อนเวลาที่ “บิ๊กตู่” ประกาศทันที

ตามเงื่อนไขสถานการณ์แบบที่แว่วๆฝ่ายคุมเกมอำนาจบางส่วนก็ยังเห็นว่า จะรีบเลือกตั้งเร็วไปทำไม ในเมื่อแรงเสียดทานจากต่างประเทศที่เป็นเงื่อนไขสำคัญก็เบาบางไปแล้ว แนวโน้ม “ลุงตู่” ก็ยังตีประคองได้ น่าจะจัดระเบียบประเทศให้เสร็จไปเลยทีเดียว

ดีกว่าเสี่ยงปล่อยเลือกตั้งแล้ววุ่นวาย วิกฤติการเมืองวนกลับไปจ่อปากเหวซ้ำ

ทหาร คสช.ก็กลัวเสียของ กลุ่มทุนก็แหยงเสียเงินฟรี นักเลือกตั้งเองก็เหนื่อยเปล่า

หนีไม้พ้นต้องแอ่นแอ๊นกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่เลิก.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: