PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ไฟต์บังคับด้วยกันทั้งนั้น

ไฟต์บังคับด้วยกันทั้งนั้น


ไฟต์บังคับ แบบฟอร์มเดียวกับรัฐบาลของนักการเมืองจากการเลือกตั้ง

กับจังหวะย่างก้าวของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ที่มีคิวเดินสายตรวจราชการภาคอีสาน บินลงพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ติดตามความคืบหน้าโครงการแก้จน ทั้งปัญหาเรื่องน้ำและดิน

ผ้าขาวม้าคาดเอว นั่งรถอีแต๊ก แจกพันธุ์วัวควายให้ชาวบ้าน ย้ำรัฐบาลกำลังทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

และตามฟอร์ม หนีไม่พ้นถูกพวกหมั่นไส้ค่อนขอดว่ากู้สถานการณ์ “ขาลง”

แต่ตามเงื่อนไขสถานการณ์มันก็หนีไม่พ้นฟอร์มนี้ ตามจังหวะที่ทีมงาน “นายกฯลุงตู่” กำลังเดินหน้าเข้าสู่ห้วงสถานการณ์เดิมพันท้ายเทอมรัฐบาล คสช.

ลุ้นไปต่อช่วงเปลี่ยนผ่านตามกลไกที่วางไว้ในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ

ท่ามกลางสภาวการณ์ที่ “ขาค้ำยันหลัก” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เจอแรงกระแทกซ้ายขวา เดี้ยงแล้วเดี้ยงอีก

เหมือนมวยเมาหมัด เป๋ไปเป๋มา ลุ้นแค่อยู่ให้ครบยก ไม่โดนกรรมการจับแพ้ก่อน

และถึงตอนนี้ปืนใหญ่ย้ายมาล็อกเป้า “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล “นายกฯลุงตู่” ตามรูปการณ์แบบที่ “รุ่นเก๋าลายคราม” อย่างนายชวน หลีกภัย ประธานกุนซือค่ายประชาธิปัตย์ เคาะสนิม กระโดดออกมาเล่นเอง

กับมุกร่อนจดหมายเปิดผนึกประจานรัฐบาล “ลุงตู่” ทำคนใต้รายได้หด ทุกภาคเดือดร้อน

ต้อน “สมคิด” เข้ามุมอับ ผลิตวาทกรรมย้ำปมปากท้อง ดิสเครดิตเชิงบริหารด้านเศรษฐกิจ สกัดแผนปั่นแต้มให้ “นายกฯลุงตู่” ติดลมบนลากยาวหลังเลือกตั้ง

แถม “นายหัวชวน” ยังแสดงความเก๋าเกมด้วยการสั่งลูกข่ายประชาธิปัตย์ให้เลิกงอแง โวยวายให้ คสช.ปลดล็อกพรรคการเมือง เพราะจะทำให้ประชาชนรู้สึกเบื่อนักการเมืองและเกิดความรำคาญ
ปล่อยให้รัฐบาล คสช.พิจารณาเอง หากเกิดอะไรขึ้นห้ามบอกปัดความรับผิดชอบ

โชว์รูปมวยเชิงสูงข่มรัฐบาลทหารแบบเนียนๆ ตามเหลี่ยมวิชาของโคตรเซียนทางการเมือง

“เชน คัมแบ็ก–ชวน คัมแบ็ก” จึงเป็นเงื่อนไขสถานการณ์ที่แปรผันตรงกับยุทธศาสตร์เกมอำนาจ
ประเทศไทย กับบทของตัวเลือกที่ลงตัวสุด ตามไฟต์บังคับให้นักเลือกตั้งอาชีพ 2 ขั้วใหญ่อย่างประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยต้องกล้ำกลืนฝืนทนจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล เพื่อตัดเส้นทางของ “นายกฯลุงตู่”
ดูท่าจะไม่ได้มาแค่เคาะสนิมเล่นๆ

ตามความจำเป็นของยี่ห้อประชาธิปัตย์ที่ต้องเบรกประวัติศาสตร์ไม่ให้ซ้ำรอย “กลุ่ม 10 มกรา” ที่กำลังจะเวียนมาครบรอบ 30 ปี ในบรรยากาศแบบที่ทีมอุ้ม “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กับกองหนุน “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ ขาใหญ่กลุ่ม กปปส.ตั้งป้อมหักดิบวัดกำลัง โดยเฉพาะภายหลังตัวแปรอย่างนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ถึงแก่อนิจกรรม

เดิมพันศึกภายในประชาธิปัตย์ยิ่งเร้าจุดแตกหัก

นักการเมืองอาชีพยี่ห้อประชาธิปัตย์รวมไปถึงค่ายเพื่อไทยก็อยู่ในอาการลำบากไม่แพ้รัฐบาล “ลุงตู่”
แต่ดูภาพรวม เทียบกันแล้ว “นายกฯลุงตู่” ก็ยังอยู่ในชัยภูมิที่ดีกว่า ในจังหวะที่ “จอมยุทธ์กวง” ตั้งท่าเดินหน้าอัดฉีดงบประมาณนับแสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แก้ปัญหาปากท้อง อุดจุดบอดที่ถูกนักการเมืองเบิ้ลบลัฟ

เพื่อต่อยอดกับภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคที่กำลังติดลมบน

และบทคนจะเก่งแถมบวกเฮงอีกต่างหาก

ล่าสุด สหภาพยุโรป (อียู) มีมติเห็นพ้องให้ฟื้นคืนการติดต่อทางการเมือง “ทุกระดับ” กับประเทศไทย
หลังจากระงับมานาน 3 ปีเพื่อแซงก์ชั่นกดดันกองทัพ โดย คสช.ที่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

นั่นหมายถึงยุโรปไม่สนเงื่อนไขรัฐบาลทหารไทยอีกต่อไป จึงยอมปลดล็อกแรงเสียดทาน

ยิ่งเอื้อต่อสถานการณ์ที่ “กัปตันสมคิด” กำลังปั้นตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในทุกมิติ

งานนี้คงได้โอกาสพิสูจน์วรรคทอง “ทำให้คนจนหมดไปจากประเทศไทย” กับที่โดนบลัฟ “ทำคนจนหมดประเทศไทย”

ทำเป็นเล่นไป “สมคิด” เข็นครกขึ้นภูเขามาไกลเกินครึ่งทางแล้ว.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: