PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ไม่ต้องแซะให้เหนื่อย

ไม่ต้องแซะให้เหนื่อย


“ประยุทธ์” คนเดียวอยู่ไม่ได้
เฉลยกันเป็นนัย กับมุก “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. อ้อนคนเมืองจันท์อย่ารักตัวเองแค่คนเดียว ให้รักรองนายกฯและรัฐมนตรีคนอื่นด้วย
ต้องอยู่ด้วยกันทั้งหมด ใครต้องออกไปออกมามันวุ่น
คำตอบชัดเจน เป็นภาษาฟุตบอลก็ต่อขาดแบบลูกควบลูกครึ่ง อย่างไรเสีย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ก็ไม่มีทางหลุดวงโคจรจากรัฐบาล คสช.
โดนล่อเป้าหนักหนาสาหัสแค่ไหน ก็ยากจะแซะ “3 พี่น้องบูรพาพยัคฆ์” ได้
ถึงตรงนี้ ก็ไม่ต้องเสียเวลาลุ้น ตอกลิ่มให้เหนื่อยแรง เพราะไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้วที่กระแสเขย่า เพื่อหวังแยก 3 พี่น้องต้องฟาวล์ สุดท้ายคำตอบก็ออกมาแบบเก่า
“น้องเล็ก” พร้อมกอดคอ “พี่ใหญ่” ไม่ว่าเป็นหรือตาย
ในเมื่อแบบฟอร์ม “อำนาจพิเศษคุมเกมเปลี่ยนผ่านประเทศไทย” ถูกออกแบบมาอย่างนี้
ถ้ามี “บิ๊กตู่” ก็ต้องมี “บิ๊กป้อม” ถ้าไม่มี “บิ๊กป้อม” ก็ไม่มี “บิ๊กตู่”
ทางเดียวถ้าจะเจาะยางขุมอำนาจ คสช.ได้ นั่นคือต้องโค่นทั้งกระดาน
ตามรูปการณ์ เมื่อคำตอบสถานะของ “บิ๊กป้อม” ชัดเจน มันก็เป็นอะไรที่คงต้องไหลโดยอัตโนมัติ อาการรุกของฝ่ายต่อต้านคงต้องลามไปเขย่า “นายกฯลุงตู่”
ยกระดับไล่โละกันทั้งวง เหมาอัปเปหิทั้งรัฐบาล
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ตรงกับธงของพรรคเพื่อไทย ลูกข่าย “ทักษิณ” มาตั้งแต่ต้น
ยิ่งเป็นอะไรที่อ่านไต๋โผล่ชัดๆจากอาการ “ผิดคิว” ที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ “นักร้องอาชีพ” มือกฎหมายประจำพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องให้ พล.อ.ประยุทธ์ตรวจสอบขบวนพาเหรดและการแปรอักษรในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ เข้าข่าย
การชุมนุมทางการเมือง ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.
ตามเหลี่ยมเขี้ยวตั้งใจกดดันปั่นเกมให้ “บิ๊กตู่” เผชิญหน้ากับนักศึกษา
หวังเดินหน้าไล่เบิ้ลผู้นำรัฐบาล ในห้วงกระแส “ทหารทำอะไรก็ผิด”
แต่การณ์กลับพลิกเป็นว่า คนเพื่อไทยตั้งแท่นชงให้รัฐบาล คสช.เล่นงานนักศึกษา ร้อนถึง “เสี่ยโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย “นายใหญ่” ถึงกับออกอาการเม้งแตก
ตอกนายเรืองไกรออกอากาศเลยว่า “แบบนี้ไม่โอเค”
ร้อนถึง “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ต้องทำจดหมายเปิดผนึกอย่างเป็นการเป็นงาน ออกมาย้ำจุดยืนแสดงความชื่นชมนักศึกษาจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ และพรรคเพื่อไทยก็คัดค้านการตั้ง
ข้อกล่าวหาต่อกลุ่มประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยและทวงคืนการเลือกตั้ง
เคลียร์กันเหงื่อตก “เรืองไกร” เกือบทำยุทธศาสตร์พัง
แต่นั่นก็สะท้อนไต๋ชัด กับเกมโหนนักศึกษาปั่นกระแสปัญญาชนประจันหน้ากับทหาร
และก็ยิ่งเด่นชัดกับความพยายาม “เขี่ยหัวเชื้อ” จุดไฟขบวนการนักศึกษา
แม้แต่ล่าสุด จังหวะบังเอิญเกิดข่าวใหญ่สะท้านสะเทือนป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
ตามปรากฏการณ์ที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ได้ทำการจับกุมนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งตั้งแคมป์พักในบริเวณจุดห้ามตั้ง ตรวจสอบบริเวณเต็นท์พัก พบซากสัตว์ป่า อาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก
โดยพบว่าหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวคือนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
ก็มีขบวนการลากสถานการณ์ไปวนกับกงล้อประวัติศาสตร์อาถรรพณ์ป่าทุ่งใหญ่
อันเป็นที่มาของเหตุการณ์ 14 ตุลาวิปโยค ที่นักศึกษาเปิดโปงขบวนการทรราช พฤติการณ์ลุแก่อำนาจของทหารกับนักธุรกิจใช้เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเข้าไปล่าสัตว์ก่อน ฮ.ตกประจาน
แต่เรื่องของเรื่อง งานนี้โชคดี ไม่มีทหาร คสช.เข้าไปเกี่ยวข้อง
แบบที่มือยุทธศาสตร์ด้านกระแสของรัฐบาลประเมินอย่างมั่นใจว่า “ไกลกันมาก” โยงกันยาก
ตรงกันข้ามจากที่จะเป็นปมลบกับรัฐบาล สถานการณ์นี้กลับจะเป็นโอกาสบวกแต้มให้ “บิ๊กป้อม” ที่จะได้โชว์เนื้องานถนัดคือการอนุรักษ์ผืนป่าที่มีโปรไฟล์มาอย่างต่อเนื่องจากป่ารอยต่อภาคตะวันออก
ไม่บอกก็เดาได้ “พี่ใหญ่” ใส่เต็มแม็กซ์แน่.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น: