PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2561

ลุ้นให้ผ่านพฤษภาคม

ลุ้นให้ผ่านพฤษภาคม



สังเกตว่าจากนี้ไป นักการเมืองอาชีพจะรักและห่วงใยเกษตรกรมากเป็นกรณีพิเศษ
อาการแบบที่นายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ “ตั้งธง” ออกมาอัดสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) มั่วข้อมูลให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลตีปี๊บสร้างภาพ จากการระบุภายหลังใช้ระบบการตลาดนำการผลิต ทำให้จีดีพีภาคเกษตร ไตรมาสแรก ปี 2561 เพิ่มขึ้น 3.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ทั้งๆที่เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนการผลิต ขาดทุน มีหนี้สินเดือดร้อน
ประชาธิปัตย์กระโดดอุ้มชาวนา ชาวไร่ จี้จุดไปที่ปัญหาพืชผลทางการเกษตร
ตามฟอร์มแบบรู้ๆกัน มันคือจุดอ่อนไหวในห้วงเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาต้องทุ่มสรรพกำลังในการประคองภาวะราคาข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา อ้อย ให้อยู่ในระดับที่เกษตรกรฐานเสียงใหญ่ของประเทศพึงพอใจ
นั่นก็เพราะมันมีผลโดยตรงต่อทิศทางการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ก็ยังดีที่นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ มาจากกระทรวงมหาดไทย เข้าใจพื้นฐานชาวบ้าน บวกกับสไตล์การทำงานแบบ “เข้าชน” ก่อนปัญหาจะถึงนายกฯ
แบบที่เห็นการจัดการปัญหาได้จบก่อนที่ม็อบประมงจะบุกประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาล
งานนี้นักการเมืองทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทยก็คงไม่ได้ด่าตีกินรัฐบาลง่ายๆ
กระทรวงเกษตรฯไม่ใช่บ่อน้ำมันเหมือนที่ผ่านมา
อีกจุดที่หนีไม่พ้นโดนล็อกเป้าก็คือกระทรวงพาณิชย์ ที่ทำงานสอดคล้องต่อเนื่องกับกระทรวงเกษตรฯในการรับผิดชอบราคาสินค้า ดูแลภาวะปากท้องชาวบ้าน
ตามสถานการณ์ที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ คงต้องโดนตอดเล็กตอดน้อย เป็นเป้าให้นักการเมืองด่าตีกินกระแส กระแนะกระแหนตลอดแน่
แต่ดูจากสไตล์มือบริหารอาชีพ “สนธิรัตน์” ก็ชั่วโมงบินสูงพอตัวอยู่
รู้ทิศทางลมทางการเมืองเหมือนกัน
จุดสำคัญมาถึงตรงนี้ น่าจะอยู่ที่อาการของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ล่าสุดบ่นเป็นนัยเรื่องเล็กๆน้อยๆรัฐบาลต้องคิดทุกวัน และมักจะโดนเล่นงานทั้งสองทาง
ทำก็โดนอีกฝ่ายด่า ไม่ทำก็โดนอีกฝั่งตำหนิ
แต่รัฐบาลนี้จำเป็นต้องใช้กฎหมายและวิธีปฏิบัติที่เหมาะสม
จับอารมณ์ สถานการณ์มาถึงจุดที่ “นายกฯลุงตู่” ต้องโชว์ความเด็ดขาดในการตัดสินใจ ถ้าคิดว่าอะไรถูกต้อง ต้องกล้าใส่เกียร์เดินหน้า ไม่กลับไปกลับมาให้เสียรังวัด
อย่างน้อยก็เป็น “จุดขาย” สไตล์ “ลุงตู่” ผู้ถือธงนำไปสู่การปฏิรูป
มีผลต่อกระแสในการรีเทิร์น “นายกฯคนใน” ที่เชื่อว่า เจ้าตัวเอาแน่ รอแค่เปิดตัวชัดเจน
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่เหลือเวลาอีกไม่นาน
ตามบรรยากาศเร้าโหมดเลือกตั้ง กับฉากคึกคัก นักการเมืองแห่เข้าร่วมวงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มี 55 พรรคเก่า ร่วมประชุมชี้แจงแนวทางเกี่ยวกับการดำเนินการยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตามมาตรา 141 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ประกอบคำสั่ง คสช.53/2560
ตามกำหนดดีเดย์ คสช.เปิดไฟเขียวให้ในวันที่ 1 เมษายนนี้
ขาใหญ่ทั้งเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา มากันครบหน้าครบตา
กระตุ้นจังหวะปี่กลองเชิดฉิ่งโหมโรงเลือกตั้ง
ท่ามกลางแนวโน้มสถานการณ์ที่น่าจะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ต่อเนื่องจากร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.
แต่จับทางจากเสียงส่วนใหญ่ก็สนับสนุนให้ “นายกฯลุงตู่” ดำเนินการให้เกิดความชัดเจนไปเลยทีเดียว
แม้แต่ทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ยังเห็นด้วย เพื่อไม่เกิดปัญหาวุ่นวายภายหลัง
เชื่อว่าไม่กระทบโรดแม็ปเลือกตั้งมากนัก
ตามรูปการณ์ ทุกฝ่ายเริ่มมั่นใจว่าได้เลือกตั้งแน่
แต่อีกมุมก็ยังมีขบวนการส่อทำให้เกิดความวุ่นวาย สถานการณ์แบบที่ม็อบ “จ่านิว–รังสิมันต์ โรม” นัดระดมม็อบคนอยากเลือกตั้งเคลื่อนไหวในโอกาสครบรอบ 4 ปี คสช.ยึดอำนาจ
นั่นก็ทำให้สถานการณ์ยังต้องรอลุ้นจับตาเดือนพฤษภาคม
ถ้าวุ่นวายมาก ทุกอย่างอาจพลิกผัน.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: