PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2561

สมชัยสวนบิ๊กตู่ เข้าใจผิดปมกำหนดวันเลือกตั้ง อัดกุนซือกฎหมายอ่อนด้อย แนะต้องปลด

สมชัยสวนบิ๊กตู่ เข้าใจผิดปมกำหนดวันเลือกตั้ง อัดกุนซือกฎหมายอ่อนด้อย แนะต้องปลด



“สมชัย” แนะนายกฯ ปลดกุนซือกฎหมาย ชี้อ่อนด้อย ทำเข้าใจผิดปมผู้มีหน้าที่กำหนดวันเลือกตั้ง จนนำมาสู่การใช้ ม.44 ยืนยันรัฐธรรมนูญให้อำนาจ กกต.กำหนดวัน

วันที่ 23 มีนาคม 2561 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุถึงเหตุผลหนึ่งที่ คสช.มีคำสั่งให้ตนเองยุติการปฏิบัติหน้าที่ กกต.ว่ามาจากการให้สัมภาษณ์จนทำให้ประชาชนสับสนเรื่องผู้มีหน้าที่กำหนดวันเลือกตั้งว่า จากการให้สัมภาษณ์ของนายกฯ แสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยของหน่วยงานกฎหมายของนายกรัฐมนตรี หรือที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนายกฯเป็นอย่างยิ่งในประเด็น 1.ทำให้นายกฯ เข้าใจผิดว่า คสช.และ ครม.เป็นคนกำหนดวันเลือกตั้ง จากประโยคที่ว่า “ทำให้สับสนอลหม่านไปกันหมด เลือกอย่างนั้นอย่างนี้ ขอถามว่าเขาเป็นคนเลือกหรือ เขาเป็นคนกำหนดวันเวลาวันเลือกตั้งหรือ ใครเป็นคนกำหนด รัฐบาลกับ คสช.ไม่ใช่หรือ หรือ กกต.เป็นคนกำหนด”

“ซึ่งข้อเท็จจริงตามกฎหมาย มาตรา 102 และ 103 ของรัฐธรรมนูญ ออกแบบให้มีการแบ่งหน้าที่ระหว่างรัฐบาล และ กกต.คือ รัฐบาลเป็นผู้ออกกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง แต่ กกต.เป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง โดย กกต.ต้องประกาศวันเลือกตั้งว่าเป็นวันใดภายในห้าวันนับแต่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง เหตุผลที่เขียน กฎหมายให้แตกต่างจากในอดีตที่ให้รัฐบาลทำทั้งสองอย่างนั้น เพราะเห็นว่าควรให้ กกต.ที่เป็นอิสระเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง จะสามารถให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งนายมีชัยเป็นผู้ร่างเอง” นายสมชัยระบุ

นอกจากนี้ ในมาตรา 104 ยังให้อำนาจ กกต.ประกาศเลื่อนวันเลือกตั้งได้หากมีเหตุจำเป็น เพื่อแก้ไขปัญหาในอดีต ที่การเลื่อนต้องเห็นชอบร่วมกันระหว่างนายกฯกับประธาน กกต. และรัฐบาลไม่ยอมเลื่อน จนทำให้เกิดความเสียหายจากการเลือกตั้งเป็นโมฆะ อย่างปัญหาเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557


นายสมชัยระบุต่อว่า 2.ทำให้นายกฯ ตัดสินใจใช้มาตรา 44 ในการปลดกรรมการองค์กรอิสระโดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่ตามมา จากประโยคที่ว่า “มันมีความจำเป็น ยอมรับว่ามีหน่วยงานเขาขอมา เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางกฎหมาย ซึ่งเขาบอกว่ามันไม่ไหวแล้ว ทำให้ทุกอย่างสับสนอลหม่าน” ประเด็นดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า หน่วยงานด้านกฎหมายดังกล่าวขาดการพิจารณาถึงผลที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบว่าการที่ชงให้ คสช.ใช้ ม.44 กับองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ กกต. จะทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่มีทางได้รับการยอมรับจากสังคมโลกได้เลย เพราะ กกต.จะขาดความเป็นอิสระ หากผู้มีอำนาจทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเอง คงไม่มี กกต.ใดกล้าที่จะไปตักเตือนหรือชี้ว่า คสช.ทำผิด เพราะเกรงว่า คสช.สามารถใช้อำนาจปลดคนที่เห็นต่างได้ ขณะเดียวกันก็สร้างความรู้สึกเดียวกันนี้ไปยังองค์กรอิสระอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมการสิทธิฯ หากมีกรณีรัฐบาลละเมิดสิทธิมนุษยชนจะไม่กล้าทักท้วง ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจไม่กล้าส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ คตง. ป.ป.ช. อาจไม่กล้าตรวจสอบการทุจริตของรัฐ ไปจนถึงการพิจารณาตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอาจมีความเป็นอิสระน้อยลง เพราะทุกคนรู้ว่า คสช.สามารถใช้มาตรา 44 เพื่อปลดผู้เห็นต่างได้

3.ความไม่ชัดเจนและอ่อนด้อยของหน่วยงานด้านกฎหมายของนายกฯ สะท้อนให้เห็นว่าบุคลากรของหน่วยงานทั้งหมด ไม่มีแม้สักคนที่มีความสามารถในการตอบโต้หลักทางกฎหมายที่ถูกต้องกับคนคนเดียว ที่มิได้จบทางนิติศาสตร์โดยตรง แต่จบปริญญาตรีที่มีวิชากฎหมายแค่ 3 หน่วยกิต ถึงขนาดให้เขาไปสร้างความสับสนแก่สังคม ซึ่งไม่แน่ใจว่าใครสับสนกันแน่ จนต้องไปขอร้องนายกฯ ให้ปลดคนคนนั้นออก

ซึ่งถ้าผมกล่าวผิด ท่านผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเชือดผมกลางอากาศสองสามรอบ แค่นั้นผมพูดไปก็ไม่มีคนเชื่อแล้ว แต่ทุกครั้งดูเหมือนคนของท่านจะพูดผิดมากกว่า ในทางกลับกัน หากผมบอกให้นายกฯ รู้ถึงความอ่อนด้อยและไม่ชัดเจนของหน่วยงานด้านกฎหมายดังกล่าวจนทำให้นายกฯ ต้องเข้าใจผิดและเสียหายแล้ว ก็สมควรใช้มาตร 44 ปลดหน่วยงานนั้นแทน และหากจะตั้งผมเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ผมก็ยินดี” นายสมชัยระบุ

ไม่มีความคิดเห็น: