PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561

เปิดช่องเผื่อ ‘ทดเวลา’

เปิดช่องเผื่อ ‘ทดเวลา’



ถ้าไม่มองถึงเรื่องแค้นฝังหุ่น จากที่โดนผลพวงจากคิวเซ็ตซีโร่อรหันต์ กกต.ชุดเดิม มองในสายตาของนักการเมือง ถ้าเป็นฝ่ายค้าน-ฝ่ายต้าน ก็ต้องถือว่า “สมชัย ศรีสุทธิยากร” กกต.ทำการบ้านมาได้ดีทีเดียว
ในการคำนวณโปรแกรม หากมีการยื่นตีความร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.–ร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว. ที่ล่าสุดเริ่มชัดแล้วว่า สนช.เอาแน่ เตรียมส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปมขัดแย้งในกฎหมาย 2 ฉบับ
“สมชัย” สรุปชัด งานนี้สะเทือน “โรดแม็ป” ดีเดย์เลือกตั้งส่อขยับออกสูง

โดยรายละเอียดจากที่ “อรหันต์สมชัย” ชี้ว่าตามมาตรา 148 ของรัฐธรรมนูญ มี 2 ช่องทางในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ยื่นเอง หรือ สนช. 25 คนเข้าชื่อเสนอต่อประธาน สนช.ยื่นตีความ

ขึ้นอยู่กับใครจะเป็น “จำเลย” ให้สังคม หากโรดแม็ปต้องเลื่อนไป

ฟันธง ใครที่ว่าไม่กระทบโรดแม็ป ให้ไปเรียนบวกเลขกันใหม่ เพราะกรณีที่ยื่นศาลต้องทดเวลาเพิ่ม 2 เดือน เผื่อการวินิจฉัย และนำกฎหมายกลับมาแก้ไข การนับเวลาใหม่จึงบวกเพิ่มเป็น 390 วัน หรือ 13 เดือน

วันเลือกตั้งจะเคลื่อนจากเดือน ก.พ. เป็นเดือน เม.ย.2562

ไม่เท่านั้น นายสมชัยมองว่า ที่ตื่นเต้นกว่าคือ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ข้อความที่ขัดหรือแย้งนั้น
เป็นสาระสำคัญให้ร่าง พ.ร.บ.นั้นตกไป จะต้องมีการยกร่างกฎหมายลูกใหม่ทั้งฉบับ ตั้งต้นกันใหม่
ยืดเวลาไปอีกราว 6 เดือน คิวเลือกตั้งยืดยาวกันอีก

และแน่นอน อีกร่างกฎหมายลูกอย่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว.ที่นายสมชัยระบุ กระทบคิวเลือกตั้ง ส.ส.แน่ เพราะต้องมีการเลือก ส.ว.ให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง ส.ส. 15 วัน จึงเกี่ยวพันกันอย่างหนีไม่พ้น
“สมชัย” อ่านทั้งกระดาน “หมากนี้ลึกซึ้ง”

แล้วก็เลยเป็นอะไรที่ แม้ทั้งต้นแม่น้ำ แม่น้ำสายรอง หรือ วิป สนช.จะยืนยัน

คิวตีความกฎหมายลูก ไม่กระทบโรดแม็ปเลือกตั้ง แต่คนทั่วไปก็เริ่มไม่เชื่อแล้ว ถึงแม้อีกทางหนึ่ง
บรรยากาศการเมืองจะเริ่มคึกคัก ล้อตามลีลาผ่อนสั้น–ผ่อนยาวของ “นายกฯลุงตู่” ในโปรแกรมไฟเขียว เปิดคิวจดแจ้งจองชื่อพรรคการเมือง

แห่กันเตรียมเปิดค่ายเกินครึ่งร้อย บวกค่ายเก่าที่มี ก็ทะลุ 100 กันไปแล้ว

ล่าสุดเป็นคิวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานบริหารเครือบริษัทไทยซัมมิท ร่วมกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ พร้อมแกนนำ ยื่น กกต.ขอจดแจ้งจัดตั้ง

จับจองชื่อพรรค “อนาคตใหม่”

โดยผู้ร่วมอุดมการณ์ มีทั้งนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว นักกิจกรรมเพื่อสังคม คนรุ่นหนุ่มสาว ฯลฯ

ถึงจะถูกจับตา โดยเฉพาะแกนนำอย่างนายธนากร ทั้งโยงเครือญาติ พรรคใหญ่ แต่นั่นไม่เท่ากับแนวทางพรรค ที่หากยังเร่งเร้ารุนแรง แต่ไม่รอบคอบเป้าหมายปลายทางอนาคต

เปิดตัวหรู แต่ถ้าจะแจ้งเกิด ต้องฝ่าพายุกันเหนื่อย

แล้วก็คงเหนื่อยไม่แพ้กันกับแผนอำนาจพิเศษ ในคิวเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน ตุนแต้มพรรคเก่า ค่ายใหม่ บางส่วนงานเดินเข้าล็อก บางส่วนก็ต้องพลิกแผน

รวมทั้งที่ส่งผลโดยตรงต่อการเดินช็อตต่อไป น่าจะเป็นกรณีกระทรวงมหาดไทยเร่งปั่นนโยบายไทยนิยมยั่งยืน ส่งทีม 7 พันกว่าชุดปูพรมลงพื้นที่ พ่วง “วาระแฝง” โดยแท็กทีม กอ.รมน.สำรวจตลาดเบื้องต้น
สรุปผลยังไม่เข้าเป้านัก โดยเฉพาะแต้มต่อค่ายคู่แข่งหลัก ยังอยู่ในจุดที่ “ไม่น่าไว้วางใจ”

ในโจทย์อำนาจพิเศษ ต้องเก็บงานเนี้ยบ

แน่นอนอย่างไรก็ต้องไม่เล่นตามเกมถนัดฝ่ายตรงข้าม

หากเปิดสนาม มีเปอร์เซ็นต์เข้าทางค่ายนายใหญ่ โรดแม็ปย่อมไม่นิ่ง

มีโอกาสขอทดเวลา ขยับโปรแกรมกันตลอด.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: