ปลุกผี โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
ตอนนี้เราก็เห็นภาพเช่นนั้นแล้วจริงๆ
เช่น มีหลายพรรคการเมืองที่ประกาศจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งในช่วงการรัฐประหาร และเตรียมจะเป็นนายกฯอีกสมัยในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ทั้งมีข่าวชี้ว่า พรรคพลังประชารัฐ ที่ไปยื่นจดแจ้งเอาไว้แล้วนั้น จะเป็นพรรคฐานสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ของจริง
ดูได้จากการใช้ชื่อพรรคที่แอบอิงคำว่า “ประชารัฐ” อันเป็นโครงการที่ทีมงานเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช. จับมือกับกลุ่มทุนใหญ่ๆ เพื่อผลักดันโครงการต่างๆ ลงสู่ชุมชน สู่ชนบท ซึ่งมีผู้วิเคราะห์เอาไว้ว่า มีเป้าหมายเพื่อครองใจประชาชนรากหญ้า ให้เหนือกว่านโยบายประชานิยมของรัฐบาลไทยรักไทย เพื่อไทย นั่นเอง
มีความเคลื่อนไหวหลายอย่าง ในการผลักดันพรรคพลังประชารัฐ ที่เห็นถึงความเชื่อมโยงกับรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนี้ แถมการใช้ชื่อซึ่งแอบอิงโครงการของรัฐบาล คสช. ก็ยิ่งเห็นความเป็นไปได้สูงมาก
ขณะเดียวกัน เมื่อมีพรรคการเมืองที่เตรียมผลักดันนายกฯคนนอกให้เข้ามากุมอำนาจหลังการเลือกตั้ง
ก็มีพรรคการเมืองดั้งเดิมคือ เพื่อไทย ที่มีจุดยืนชัดเจนแน่นอน นั่นคือต่อต้านนายกฯคนนอก เป็นพรรคการเมืองที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับรัฐบาลทหารและรัฐบาลที่จะสืบทอดความเป็น คสช.ต่อไปอย่างแน่นอน
รวมทั้งมีพรรคการเมืองแนวทางเลือกใหม่ ตัวแทนของคนหนุ่มสาวเลือดใหม่ ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่แรกเริ่มเปิดตัว นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คนหนุ่มที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจและมีจุดยืน
แนวคิดที่แจ่มชัด ร่วมกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการแห่งกลุ่มนิติราษฎร์
“พรรคอนาคตใหม่” จึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่สำคัญอีกพรรค ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้
นี่คือภาพรวมของการต่อสู้ 2 แนวทางในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
แต่ขณะเดียวกัน มีพรรคการเมืองดั้งเดิมอีกหลายพรรค ที่คนในสังคมสนใจใคร่รู้ว่าจะยืนอยู่ในแนวทางไหน
คำตอบจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงต้องหันไปปลุกคำว่าระบอบทักษิณขึ้นมา เพื่ออธิบายถึงสาเหตุที่จะไม่จับมือกับเพื่อไทย
เท่ากับว่ายังจะหาบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับประชาธิปัตย์ไม่ได้ และไม่สุดท้ายก็คงงัดกลวิธีปลุกผีระบอบทักษิณเพื่อเป็นข้ออ้างในการตัดสินใจนั่นเอง
ทั้งยังน่าคิดว่า การปลุกผีระบอบทักษิณขึ้นมาอีกครั้งก่อนการเลือกตั้งจะมาถึง เหมือนจะสอดคล้องกับคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ว่า
“ขอให้เลือกเอาแล้วกันว่าจะเอาแบบผม หรือจะให้กลับมาที่เดิม”
นี่ก็คือการปลุกผีการเมืองช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งรุนแรง
เชื่อได้ว่า ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง กลวิธีเหล่านี้ก็จะยิ่งโหมประโคมมากขึ้น
ทั้งปลุกผีระบอบทักษิณ ปลุกผีการเมืองขัดแย้งแตกแยก ลงเอยก็ต้องไปปลุกผีเผาบ้านเผาเมืองขึ้นมาอีก
เพื่อสร้างบรรยากาศความเบื่อหน่าย-ความหวาดผวา ไม่ให้หันไปเลือกพรรคขั้วตรงข้าม คสช.นั่นเอง
……………..
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น