PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561

แก้ง่ายนิดเดียว

แก้ง่ายนิดเดียว



“โฆษกไก่อู” ได้นำข้อกังวลของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯและ หน.คสช.เกี่ยวกับภาระงบรายจ่ายโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่เพิ่มสูงขึ้นๆ ทุกปีๆ
โดยฝากให้สื่อมวลชนช่วยสร้างความเข้าใจกับสังคมไทยว่า แม้โครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือโครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรค ช่วยให้คนไทยได้รับบริการสุขภาพทั่วหน้ากัน
แต่สังคมอาจลืมคิดไป ว่างบที่ใช้ในโครงการนี้เพิ่มสูงขึ้นทุกปี
ปีนี้ 2561 ต้องจัดหางบสนับสนุนเพิ่มเป็น 1.7 แสนล้านบาท
คาดว่าปีหน้า 2562 ภาระรายจ่าย จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.9 แสนล้านบาท
แต่การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
อัตราภาษีทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิม
แล้วอย่างนี้รัฐบาลจะมีงบประมาณไปทำอย่างอื่นได้อย่างไร??
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าข้อกังวลของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีเหตุผลน่ารับฟัง
เพราะวงเงินที่รัฐบาลต้องใช้อัดฉีดโครงการนี้เพิ่มขึ้นทุกปีเป็นเรื่องจริง
แต่ไม่ควรมองที่ตัวเลขงบประมาณเพียงด้านเดียว
แม้รัฐบาลต้องใช้เงินสนับสนุนโครงการนี้ถึง 1.7 แสนล้านบาทต่อปี
ถ้าหักค่าใช้จ่ายเงินเดือนหมอพยาบาลอีก 5 หมื่นล้านบาทต่อปี จะเหลือเม็ดเงินค่าใช้จ่ายในโครงการเพียง 1.2 แสนล้านบาท
แต่พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการหลักประกันสุขภาพมากถึง 48.7 ล้านคน
ถ้าเฉลี่ยเป็นรายหัวเพียง 3,500 บาทต่อคนต่อปี
มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มด้วยซ้ำไป
“แม่ลูกจันทร์” จึงไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลอ้างเหตุผลการจัดเก็บรายได้ไม่เพิ่มขึ้น เป็นเงื่อนไขเพื่อลดภาระรายจ่ายของรัฐบาล
เพราะเมื่อรัฐบาลมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวโตวันโตคืน
การส่งสินค้าออกก็เพิ่มขึ้นทั้งมูลค่าและปริมาณ
ดังนั้น การจัดเก็บภาษีควรต้องเพิ่มขึ้นๆเป็นเงาตามตัว น่าจะพอเพียงกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นปีละ 1 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน
ทีนี้มาถึงประเด็นสำคัญ
ถามว่า รัฐบาลจะจัดหาเม็ดเงินไปอัดฉีดโครงการประกันสุขภาพ แห่งชาติที่เพิ่มขึ้นๆทุกปีๆได้อย่างไร??
“แม่ลูกจันทร์” มีข้อเสนอให้ท่านนายกฯ “พล.อ.ประยุทธ์” นำไปพิจารณา 4 ข้อ พอหอมปากหอมคอดังนี้ คือ...
1, ปฏิรูปโครงสร้างภาษี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้สอด คล้องกับภาระรายจ่ายของรัฐบาล
2, หยุดกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีลดภาษีตะพึดตะพือ
เพราะการลดภาษีเป็นตัวการสำคัญทำให้การจัดเก็บรายได้รัฐบาลไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร
3, ทบทวนโครงการสวัสดิการแจกฟรีให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
เช่น การแจกฟรีเบี้ยยังชีพคนชราให้ผู้ที่ไม่มีฐานะยากจน กว่า 4 ล้านคน
4, ทบทวนโครงการลงทุนใหญ่ที่รัฐไม่ควรต้องลงทุนเอง 100 เปอร์เซ็นต์
เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ–โคราช–หนองคาย ควรให้ฝ่ายจีนร่วมลงทุน ไม่ใช่ไทยควักกระเป๋าลงทุนเองทุกบาททุกสตางค์
หาก “พล.อ.ประยุทธ์” เห็นด้วยกับข้อเสนอ 4 ข้อนี้ รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกก้อนโตมโหฬาร
เอาไปอัดฉีดโครงการหลัก ประกันสุขภาพได้อีก 20 ปีอย่างสบายแฮ.
“แม่ลูกจันทร์”

ไม่มีความคิดเห็น: