PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2561

ยังเปลี่ยนใจทัน

ยังเปลี่ยนใจทัน


อาจารย์สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.คนดัง เสนอสูตรคณิตศาสตร์การเมือง สำหรับพรรคการเมืองใหม่ๆ นำไปคำนวณความคุ้มค่าในการลงทุนตั้งพรรคการเมือง

“แม่ลูกจันทร์” เห็นว่าสูตรการคำนวณคะแนนเลือกตั้ง สูตรคำนวณเก้าอี้ ส.ส.และสูตรคำนวณเงินทุนที่จะใช้หาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ของโรงเรียนสมชัยกวดวิชา มีความน่าสนใจ เข้าใจง่าย และใกล้เคียงความจริงสูงเกิน 90 เปอร์เซ็นต์

จึงขออนุญาตลอกสูตร อจ.สมชัย มาฉายซ้ำอีกทีดังนี้คือ...

สูตรคำนวณคะแนนเลือกตั้ง สำหรับพรรคที่หวังจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน

โดยคำนวณจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ 50 ล้านคน หากมีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 70 เปอร์เซ็นต์ หรือเท่ากับ 35 ล้านคน

ให้เอาจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 35 ล้านคน หารด้วยจำนวน ส.ส.ทั้งสภา 500 คน เท่ากับ 70,000 คะแนน

อจ.สมชัยฟันธงว่าการจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน จะต้องมี ประชาชนไปลงคะแนนเลือกพรรคนั้น 70,000 คนขึ้นไป

ถ้าหวังจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3 คน พรรคการเมืองนั้นจะต้องได้คะแนน เสียงไม่ต่ำกว่า 2.1 แสนคะแนน

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าสำหรับพรรคการเมืองใหม่เปิดซิง ถ้าไม่เจ๋งจริง ไม่แรงจริง การจะได้คะแนนเสียงสนับสนุน 70,000 คะแนน ไม่ใช่ง่ายๆแน่นอน

ยิ่งกติกาเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ที่กำหนดให้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเลือกทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อทูอินวัน

โอกาสที่พรรคใหม่จะได้คะแนน เสียงเป็นกอบเป็นกำจะยากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

อจ.สมชัย กระชุ่นเตือนพรรคการ เมืองใหม่ (บางพรรค) ที่ฝันหวานว่าจะได้ส่วนแบ่งโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 25 คน จากทั้งหมด 150 คน

เพื่อได้สิทธิ์เป็นผู้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากบัญชีพรรคการเมืองของตัวเอง

โปรดระวัง...จะผิดหวังจังเบอร์!!

เพราะการจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 25 คน พรรคนั้นจะต้องได้คะแนนรวมทั่วประเทศสูงถึง 1.75 ล้านคะแนน

หรือต้องได้คะแนนเฉลี่ยจากเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ 350 เขต ไม่ต่ำกว่าเขตละ 5,000 คะแนนขึ้นไป

ทีนี้มาถึงสูตรคำนวณงบลงทุนที่ใช้ลงทำศึกเลือกตั้ง ส.ส. ที่ “อจ.สมชัย” บวกลบคูณหารมาแล้วเป็นอย่างดี

งบก้อนแรกที่พรรคการเมืองต้องจ่ายคือ ค่าสมัครเลือกตั้ง ส.ส.เขตที่ขึ้นราคาจาก 5,000 บาท เป็น 10,000 บาท ต่อผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 คน

หากตั้งเป้าจะได้โควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อหลายคน ก็ต้องส่งผู้สมัครลงครบทั้ง 350 เขต ต้องใช้เงินค่าสมัคร 3.5 ล้านบาทขาดตัว

งบก้อนที่ 2 คือ งบหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ถ้าใช้อย่างประหยัดสุดขีด เขตละ 1 แสนบาท รวมทั้ง 350 เขต
ต้องใช้เงินอีก 35 ล้านบาทขึ้นไป

ใครที่บอกว่าตั้งพรรคการเมืองไม่จำเป็นต้องใช้เงินก็คิดผิดเต็มเปา

เพราะต้องใช้เงินแน่ๆ และต้องใช้เงินเยอะทีเดียว

นี่ยังไม่รวมเงินจัดตั้งกองทุนพรรค การเมืองอีกพรรคละ 1 ล้านบาท

ยังไม่รวมค่าสมัครสมาชิกพรรคอีก 500 คน ใน 180 วัน และอีก 5,000 คน ใน 1 ปี และอีก 10,000 คน ใน 4 ปี

ปัญหาใหญ่ที่ต้องคิดให้หนัก ถ้าทุ่มทุนตั้งพรรคการเมืองใหม่แล้วไม่ได้เก้าอี้ ส.ส.เข้าไปนั่งชูคอในสภาแม้แต่คนเดียว

เงินที่ลงทุนไปหลายสิบล้านบาทก็สูญฟรี!!

ยังมีเวลาเปลี่ยนใจได้นะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

ไม่มีความคิดเห็น: