PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561

'ยุบพรรค' มุกสุดท้าย

'ยุบพรรค' มุกสุดท้าย



“พญาจิ้งจก” ระดับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ออกมาทัก 2–3 รอบ

เตือนให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ชิงยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว.เพื่อให้เกิดความชัดเจน

เพราะถ้าถูกยื่นตีความภายหลังและผลออกมาว่าขัดรัฐธรรมนูญ ถึงตอนนั้นจะสั่นสะเทือนโรดแม็ป

กระบวนการที่อยากให้เร็วมันจะล้มทั้งยืน

กระบี่มือหนึ่งกฎหมายของประเทศไทย “ขู่” แรงซะขนาดนี้ มันก็ไม่แปลกที่จะเห็นอาการลังเลๆของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.

ส่อต้องเดินตามนายมีชัย เอาเสียให้ชัดตั้งแต่ตอนนี้

ส่วนจะทำให้โรดแม็ปเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปอีกหรือไม่ “ลุงตู่” บอกแค่ว่า ก็สุดแล้วแต่ ตอนนี้การเลือกตั้งยังเป็นไปตามกำหนดที่บอกไว้คือเดือนกุมภาพันธ์ 2562

เว้นแต่มีอะไรที่เราบังคับไม่ได้ บังคับศาลได้หรือ

ในจังหวะที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ต้องแตะเบรกชะลอการยื่นร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ตามข้อห่วงใยของ “ซือแป๋มีชัย”

แบไต๋ หากยื่นให้ศาลตีความร่างกฎหมายลูก ส.ส. ก็จะกระทบต่อโรดแม็ปเลือกตั้งแน่นอน

ถึงตอนนี้ ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน

กำหนดเลือกตั้งยังมีปัจจัยแทรกซ้อน อุปสรรคแฝงอยู่ตลอดสองข้างทาง

อย่างไรก็ตาม ว่ากันตามเนื้อผ้า โดยสถานการณ์ที่เห็นได้เลยว่า “นายกฯลุงตู่” กับนายพรเพชร แสดงถึงอาการกระตือรือร้น เร่งจังหวะ อยากให้กระบวนการกฎหมายลูก 2 ฉบับเดินหน้า

ไม่กระทบโรดแม็ปเลือกตั้งที่ประกาศสัญญาประชาคมไว้

แต่เป็นฝั่งของ “ซือแป๋มีชัย” ที่กระตุกขาเตือน สนช. ส่งลูกให้ศาลรัฐธรรมนูญ

ตรงนี้จะโทษ “ลุงตู่” ว่าจงใจยื้อเลือกตั้งเต็มๆไม่ได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ถือว่า “เข้าทาง” สถานการณ์เป็นไปตามเหลี่ยมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่มีเหตุลากเอาไปเป็นชนวนปลุกม็อบเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล “ลุงตู่” แบบรายสัปดาห์

หน้ากาก “ยุทธ์น็อกคิโอ” คงเล่นกันไม่เลิก

ขณะที่นักการเมืองทั้งพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องกระโดดแห่กระแสตามฟอร์ม

เบิ้ลบลัฟกระแทก “นายกฯลุงตู่” ลากเกมยื้อ ไม่กล้าสู้ในสนามเลือกตั้ง

ในจังหวะเนียนๆพรรคเพื่อไทยก็ได้เบี่ยงกระแส ศึกชิง “นอมินีทักษิณ” ที่ฟัดกันกระฉอกออกมานอกพรรค จากรูปการณ์ที่ลูกชายของ “เสี่ยแดง” นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำสายตรงดูไบ เปิดปฏิบัติการชกข้ามรุ่น ฟาดหางใส่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง

ยุ่งตั้งแต่เสียงเคาะกะลาเลือกตั้งดัง ใครชนะ ใครแพ้ ต้องพรรคแตก แยกทางใครทางมัน

ฟากประชาธิปัตย์ก็ได้กลบข่าวศึกสายเลือดระหว่างสาย “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กับทีมของ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขาใหญ่ กปปส.

ส่อล่อกันแรงๆในวันเช็กชื่อ จองคิวลงสมัครในนามพรรค

เพื่อไทย กับ ประชาธิปัตย์ หนีไม่พ้นเกมหักเหลี่ยมชิงอำนาจในพรรค

แต่ด้วยลูกเขี้ยวของนักการเมืองอาชีพ ก็ต้องแสร้งกลบเกลื่อน ลามมาปั่นป่วนวุ่นวายภายนอก

เพิ่มดีกรีความร้อนแรง เร้าเงื่อนไขสถานการณ์เลือกตั้ง

นั่นก็ทำให้ต้องกระชับบท “ยักษ์ถือกระบอง” กำราบไว้

ตามจังหวะตบเท้า เรียงหน้ากระดาน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ชักแถวผู้นำเหล่าทัพ

ออกมายืนกรานจะไม่ยุบ คสช.ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มอยากเลือกตั้ง

เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้อยู่รักษาความสงบจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่

นั่นไม่เท่ากับสัญญาณล่าสุด จากประโยคน้ำเสียงเข้มๆของ “บิ๊กตู่” ในฐานะผู้นำเบอร์หนึ่ง คสช.

เตือนกันนิ่มๆเป็นนัย ไม่ว่านักการเมืองพรรคใด ถ้าเป็นต้นเหตุหรือสาเหตุทำให้เกิดความวุ่นวาย ขัดแย้งรุนแรง หรือความไม่สงบเกิดขึ้น ต้องไปพิจารณาตามกฎหมายว่า ควรดำรงอยู่ต่อไปหรือไม่

วันนี้อย่าลืมว่า คสช.ยังมีอำนาจอยู่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

ชักใบเหลืองขู่ พวกผวา “ยุบพรรค” เสียวสันหลังวาบ.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: