PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561

ท้าแล้วกลัว 'ลุงตู่' ทำไม

ท้าแล้วกลัว 'ลุงตู่' ทำไม



เขียนบทเอง เล่นดราม่าเอง มาเป็นฉากๆเลย
กับลีลาของ “เสี่ยตี๋” นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีต ส.ส.ระยอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาบอกปัดกระแสชิ่งพรรคประชาธิปัตย์ ถูกดูดตามทีมงานค่าย “พลังชล”
โอดครวญร่ายยาวเป็นเรื่องเป็นราว ถ้าย้ายค่ายใครจะเลือกพรรคทหาร เพราะฟังความรู้สึกของชาวบ้านส่วนใหญ่ในจังหวัดระยองสะท้อนความเดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง
เจ็บช้ำน้ำใจจากการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคสช. มายึดอำนาจ
จับไต๋ได้ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ถือโอกาสรับมุกส่งไม้กับ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ที่เหน็บพรรคใหม่รายวัน
จับควันไฟเหมือนปล่อยออกมาจากในพรรคประชาธิปัตย์เอง
ทั้งๆว่ากันด้วยข้อมูลเบื้องหลัง ตามเงื่อนไขการเมืองในพื้นที่ภาคตะวันออก นายสาธิตกับทีมชลบุรีของตระกูล “คุณปลื้ม” ยืนอยู่คนละข้าง เคยต่อสู้กันอย่างหนักมาตลอด
ซึ่งตามรูปการณ์เมื่อ “พลังชล” ถูกดึงมาอยู่ฟากเดียวกับทีมหนุน “นายกฯลุงตู่” จึงไม่มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติที่จะดึงนายสาธิตมาทับซ้อนให้วุ่นวายกันแต่อย่างใด
เรื่องของเรื่อง ถ้ามองกันเงื่อนไขสถานการณ์ เมื่อ “พลังชล” มาอยู่ฟากรัฐบาล โดยรูปเกมน่าจะเป็นนายสาธิตเองที่เป็นฝ่ายหวั่นไหว เพราะเคยเป็นมวยพลาดท่า แพ้ทางกันมาตลอด
โดยเฉพาะเมื่อทีมชลบุรีแข็งแกร่ง และยี่ห้อประชาธิปัตย์ไม่มีตัวช่วย
ตามเหลี่ยมมวย เลยต้องเตะตัดขา “เจาะยาง” ทีมชลบุรี แถมด้วยดิสเครดิตทีมหนุน “ลุงตู่” ตีตั๋วต่อ
ลูกเขี้ยวยี่ห้อประชาธิปัตย์เริ่มอัดมาเป็นชุดๆ
และเท่าที่จับจุดจับทิศทางกระแสต่อต้านพรรคหนุน “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อ เดินอย่างเป็นระบบ
ตามฟอร์ม เริ่มจาก “ป้ายสีเขียว” ให้เป็นพรรคทหาร คสช.
ต่อมาก็เป็นการสร้างวาทกรรม “ดูด–ตกเขียว” สื่อให้เห็นภาพของการกวาดต้อน ส.ส.ของพรรคท็อปบูต ด้วยพลังเงิน อำนาจ ปืน ตามสูตร
จ่อซ้ำรอยทหารเล่นการเมืองไปตายตอนจบ
แต่อย่างไรก็ตาม จากที่เห็นการดึง 2 พี่น้องทีมพลังชล นายสนธยานั่งตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านการเมือง ขณะที่นายอิทธิพล คุณปลื้ม ในฐานะอดีตนายกเมืองพัทยา นั่งเก้าอี้ผู้ช่วยรัฐมนตรีการท่องเที่ยวฯ โดยภารกิจสำคัญยังอยู่ที่ช่วยประสานโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก (อีอีซี)
เอาเนื้องานมาเป็นปัจจัยประกอบเงื่อนไข “มัดจำ” แต้มแบบเนียนๆ
อาศัยเหลี่ยมเซียนเบี่ยงแรงกระแทกแค่นั้น
ยังไม่มีตรงไหนที่ส่อให้เห็นชัดว่ามีการทุ่มเงิน ใช้อำนาจกดดันให้นักการเมืองย้ายพรรค
และสังเกตได้แค่ว่า บรรยากาศความคึกคัก มันเริ่มตั้งแต่นาทีที่ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ “เปิดไพ่” ประกาศหนุน “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อ
โดยที่ “สมคิด” และทีมงานกลายเป็นเป้าล่อทันที
ตามสถานการณ์เหมือน “จอมยุทธ์กวง” แบกรับความเสี่ยงขึ้นไปจุดตะเกียงไฟบนประภาคาร ทำให้เห็นเส้นทางเรือที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ ตีตั๋วไปต่อผ่านสนามการเมืองแน่
ทำให้นักการเมืองที่กำลังสละเรือเก่า ไม่อยากเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับยี่ห้อ “ทักษิณ” ไปเผชิญวิบากกรรมที่รออยู่ข้างหน้า ไร้ความหวังกับการรอ “ตายซาก” กับพรรคประชาธิปัตย์
เห็นแล้วว่า “นายกฯลุงตู่” คือทางเลือกที่ลงตัว
ไม่ต้องกลัวประชาชนด่า นักการเมืองพาบ้านเมืองกลับไปลงเหวอับปาง
นี่คือภาพจริงที่ขาใหญ่ทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทยหวั่นไหว จำเป็นต้องถล่มดักทางเอาให้หัวคะมำให้ได้ และสถานการณ์จะยิ่งร้อนแรงขึ้นภายหลังเดือนมิถุนายน ตามกำหนดที่ “ลุงตู่” แจ้งแล้วจะเปิดตัวแสดงความชัดเจน เป็นหนึ่งในบัญชีนายกฯจากพรรคการเมือง
ต้องโดนแรงกระแทกหนักกว่านี้อีกหลายเท่า
ตามสถานะ “คู่แข่ง” ที่นักเลือกตั้งอาชีพไม่เกรงใจ “รัฏฐาธิปัตย์” อีกต่อไป
แต่ขณะเดียวกัน นักการเมืองด่าไปก็ต้องเสี่ยงกับแรงสะท้อนกลับ เจอคำถามย้อนคอหอย ในเมื่อตอนแรกทุกเสียงก็ท้าให้ “นายกฯลุงตู่” แน่จริง มาสู้กันในสนามเลือกตั้ง
ครั้นพอถึงเวลาเจ้าตัวกระโดดลงมา เพื่อยกระดับความชอบธรรมกลับพากันรุมด่า
อาการมันจับไต๋ได้ สะท้อนความหวั่นไหวของนักการเมืองเจ้าถิ่น
“ลุงตู่” คือคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของจริง.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: