PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ได้เวลาบริหารแต้ม

ได้เวลาบริหารแต้ม



ได้จังหวะไปสูดออกซิเจนเข้าปอด หลังเจอม็อบอยากเลือกตั้งทำอากาศเป็นพิษที่กรุงเทพฯ
ตามอารมณ์เหน็บๆลูกติดพันแบบที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ปราศรัยกับชาวบ้าน ระหว่างหนีบพี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พร้อมทีมรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.ราชบุรี ร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้เนื่องในวันต้นไม้แห่งชาติ
แต่ก็ยังหนีไม่พ้นถูกตั้งข้อสังเกตว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรีที่เป็นทหารใน คสช.แทบทั้งหมด แถมยังเข้มงวดกับมาตรการ รปภ.แบบที่ห้ามชาวบ้านเซลฟี่กับนายกฯเหมือนที่ผ่านมา
นั่นแสดงว่ายังไม่ไว้ใจสถานการณ์ม็อบของฝ่ายต่อต้านจะสงบราบคาบซะทีเดียว
เสียว ระวังตัวแจเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ประเมินจากภาพรวม ถ้าตัดฉากป่วนๆของม็อบอยากเลือกตั้งออกไป โฟกัสกระบวนท่าของ “นายกฯลุงตู่” ในโอกาสครบรอบ 4 ปี คสช. เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา
ชัดเจนเลยว่า ต้องการโชว์ไฮไลต์ไปอยู่ที่ฟลอร์ของเศรษฐกิจ
ตามจังหวะขยายผล รับข่าวดีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาสแรกปี 2561
ดีดตัวขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 4.8 โตสูงสุดในรอบ 20 ไตรมาส
แบบที่ “นายกฯลุงตู่” แถลงด้วยความปลาบปลื้มกับตัวเลขที่เป็นผลจากความพยายามทำงานอย่างหนักของรัฐบาล คสช. ลากเศรษฐกิจจากจุดต่ำเตี้ย ระดับ 0 กว่าๆมาถึงร้อยละ 4.8
โดยก่อนหน้านั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการในที่ประชุม ครม.ให้เติมงบฯโครงการไทยนิยมยั่งยืน ลุยอัดฉีดเศรษฐกิจฐานราก เพื่อต่อยอดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตามท้องเรื่องแบบที่เห็นการเทกแอ็กชันของรัฐมนตรี 7 คน ที่รับผิดชอบโครงการไทยนิยมยั่งยืน ประกอบด้วยนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายศิริ จิระพงษ์พันธุ์ รมว.พลังงาน นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ตั้งโต๊ะแถลงข่าวใหญ่ร่วมกัน ตีปี๊บรัฐบาลกดปุ่มเดินหน้าอัดฉีดงบประมาณ 100,000 ล้านบาท ในโครงการไทยนิยมยั่งยืน กระจายลงพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
โดยแยกเป็นในส่วนของกระทรวงการคลัง โครงการบัตรสวัสดิการคนจน 24,000 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย อัดฉีดผ่าน 80,000 หมู่บ้านและชุมชนละ 200,000 บาท เพื่อทำถนนและประปา รวมถึงโครงการพัฒนาศักยภาพสินค้าโอทอป และหมู่บ้านท่องเที่ยว 3,200 แห่ง
ขณะที่กระทรวงเกษตรฯ มีงบฯ 24,000 ล้านบาท ฝึกอาชีพให้เกษตรกรทางด้านพืช ปศุสัตว์และประมง และเพิ่มเงินให้สหกรณ์ 307 แห่ง ไปเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้งบประมาณ 821 ล้าน พัฒนาด้านการท่องเที่ยวเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ เน้นการพัฒนาชุมชนให้เกิดความยั่งยืน
ทั้งหมดทั้งปวงตั้งเป้าให้คนจนลดลงร้อยละ 50 ภายใน 1 ปีจากนี้
ขณะเดียวกันมันก็ยังมีมุมของวิกฤติเร่งด่วนเฉพาะหน้า ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่พุ่งกระฉูด ก่อให้เกิดโรคอารมณ์บูด ผู้คนเหมาด่ารัฐบาล “ลุงตู่” พาลถึงเรื่องเศรษฐกิจ
ทำให้ “ลุงตู่” นั่งไม่ติด ต้องรีบดับอารมณ์คนไทยขี้หงุดหงิด
ล่าสุดกระทรวงพลังงานเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพลังงาน (กบง.) อนุมัติหลักการบรรเทาภาระความเดือดร้อนของประชาชนที่ใช้น้ำมันดีเซล
หากราคาน้ำมันสูงกว่า 80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ก็จะมีมาตรการใช้เงินกองทุนน้ำมัน 30,000 ล้านบาท มาอุ้มราคาน้ำมันดีเซล ลดภาระของประชาชน ประคองราคาขนส่งและสินค้า
เห็นได้ชัดเลยว่า ทีม “ลุงตู่” ต้องประคบประหงมเศรษฐกิจพร้อมๆประคองยุทธศาสตร์การเมือง
“บริหารกระแส” กันแบบสุดกำลัง
ทั้งนี้ ก็เพื่อเคลียร์เส้นทางไปถึงช็อตสำคัญ ตามโปรแกรมเดือนหน้ามิถุนายนนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะโชว์ความชัดเจนทางการเมือง ทั้งเรื่องของกำหนดวันเลือกตั้ง รวมทั้งเส้นทางการลงสนามการเมือง เรื่องของการตีตั๋วต่อเป็น “นายกฯคนใน” ผ่านบัญชีพรรคพลังประชารัฐ
และอย่าได้แปลกใจถ้ายุทธการอัดฉีดฐานราก เงินจะหมุนไปถึงชาวบ้านชุกนับแต่นี้เป็นต้นไป
ซึ่งนั่นก็ว่ากันไม่ได้ กับเหลี่ยมรัฐบาลใช้งบประมาณหลวงหาเสียง
เพราะมุกนี้นักการเมืองก็ทำกันมาทุกยุคทุกสมัย.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น: