PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ปฏิรูปค้ำคอ รอส่วนผสมใหม่

ปฏิรูปค้ำคอ รอส่วนผสมใหม่



ปรากฏการณ์ดูด “แชร์อำนาจ” ผ่านศึกเลือกตั้ง
ลาจอ ห่างจากเมืองไทยหลายวัน
ตามภารกิจที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. นำคณะใหญ่ เหินฟ้าไป เยือนประเทศอังกฤษ และฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 20-25 มิถุนายน 2561
เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีของผู้นำรัฐบาล คสช. นับตั้งแต่เข้าสู่ตำแหน่ง
แสดงให้เห็นถึงสถานะเครดิตที่ยกระดับขึ้นของ พล.อ.ประยุทธ์ในเวทีสหภาพยุโรป (อียู) จากที่โดนแซงก์ชัน อียูไม่คบค้าสมาคมเลยในช่วงแรกๆของการยึดอำนาจ
แต่เมื่อรัฐบาล คสช.ได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่
โดยเฉพาะการใช้อำนาจพิเศษเชิงบวกในการแก้ไขปมปัญหาที่ฝังรากลึกมานาน ทั้งการค้ามนุษย์ที่โยงกับแรงงานประมง หรือการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านให้เป็นระบบ เปลี่ยนไปแบบเห็นหน้าเห็นหลัง
แก้โจทย์ได้ตรงกับที่ชาติตะวันตกตั้งแง่ใส่ นั่นก็ทำให้แรงต้านลดลงไป ก่อนที่อียูจะประกาศฟื้นความสัมพันธ์ทางการเมืองกับประเทศไทยในทุกมิติ
และโดยการนี้ ก่อนออกเดินทางไป ยังมีชอตสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้แถลงผ่านสื่อมวลชน ยืนยันประเทศไทยจะจัดการเลือกตั้งใหญ่ภายหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ถือเป็นวาระสำคัญของคนไทยที่ต้องทำให้บรรยากาศสงบเรียบร้อย
เป็นการตอกย้ำความชัดเจน เงื่อนไขสถานการณ์โรดแม็ปไปสู่การเลือกตั้งของประเทศไทยที่แปรผันตามห้วงเวลาพิเศษ ภายใต้บริบทการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
อันเป็นที่เข้าใจตรงกันทุกฝ่าย ทั้งในและต่างประเทศ
ด้วยเหตุผลที่อธิบายได้ ผู้นำรัฐบาลไทยได้ตอบโจทย์ของอียูก่อนบินไป นั่นก็เป็นอะไรที่นำมาซึ่งฉากที่นางเทเรซา เมย์ ผู้นำอังกฤษ ได้เปิดทำเนียบ บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง ต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์
จากที่กำหนดเวลาไว้ 30 นาที แต่คุยจริงเป็นชั่วโมง
พร้อมตอบรับการดำเนินความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ เตรียมเจรจาเปิดการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหราชอาณาจักร ยินดีสนับสนุนภาคเอกชนอังกฤษลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และร่วมมือพัฒนาการศึกษาเป็นกลไกพัฒนา ประเทศ
และก็เช่นเดียวกันกับสถานการณ์ที่ประธานาธิบดี “เอ็มมานูเอล มาครง” ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ให้การต้อนรับ คณะผู้นำไทย พร้อมเดินหน้าความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
มันคือโอกาสดีของประเทศไทยที่กลับคืนมาพร้อมกับเครดิตของ พล.อ.ประยุทธ์
แม้จะมีชอตที่สื่อต่างประเทศอย่างไทม์ แมกกาซีน พาดหัวถล่มผู้นำไทย จากการนำบทสัมภาษณ์ “บิ๊กตู่” ไปตัดต่อคำถามนำ เลือกเอาปมลบเขียนบทความโจมตี
“จงใจ” ปล่อยออกมาดิสเครดิตผู้นำไทยในช่วงบินไปยุโรปพอดิบพอดี
มันเป็นอะไรที่น่าสงสัย มีขบวนการคนไทยรู้กับสื่อฝรั่งจ้องบลัฟภาพอินเตอร์ของ “บิ๊กตู่” หรือไม่
อย่างไรก็ดี ตัดฉากกลับมาที่เมืองไทย ก็มีจุดไฮไลต์ที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้นัดตัวแทนพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง บ่ายวันที่ 25 มิถุนายนต้นสัปดาห์หน้า
ณ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีฯ สถานที่เดียวกับวันยึดอำนาจ
ประเมินตามบรรยากาศ จึงถือเป็นรอบสัปดาห์ที่เกิดความชัดเจนมากที่สุด ในการเดินหน้า กระบวนการเลือกตั้ง ตามโรดแม็ปที่ พล.อ. ประยุทธ์ได้ประกาศสัญญาประชาคมไว้
โดยที่ คสช.ยังค่อยๆปล่อยทีละขยัก
ไม่ปลดล็อกพรวดพราดให้เสี่ยงวุ่นวาย ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ฝ่ายความมั่นคงยังต้องเฝ้าจับตาทุกระยะ ภายใต้ภาวะปกติของห้วงอำนาจพิเศษ
แต่นั่นก็ขยับกันคึกคัก นักการเมืองระดับโคตรเซียนขยับตัวพร้อมรับสัญญาณ
เปิดไพ่ หงายแต้มกันแล้ว
ตามปรากฏการณ์ที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ขึ้นเครื่องบินไปทาบทาม “ติงลี่” นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต รมว.ทรัพยากรฯ แกนนำ ส.ส.อีสานพรรค เพื่อไทย ถึงถิ่นจังหวัดเลย
ก่อนที่นายปรีชาจะประกาศตัวเลยว่า นายสุริยะกับนายสมศักดิ์มาเชิญให้เข้าร่วมงานกับพรรคการเมืองใหม่ และพร้อมแถลงเปิดตัวเลยถ้าทุกอย่างเคลียร์
มาเร็ว เคลมเร็ว ออกตัวร้อนแรง
จุดเริ่มต้นปฏิบัติการ “รีเทิร์น” สนามการเมืองของ “สุริยะ” อย่างเป็นทางการ
ในฐานะ “คีย์แมน” ของค่ายพลังประชารัฐ
โดยการเชื่อมโยงกับ “ก๊วนก๋วยเตี๋ยวเนื้อ” ในอดีตพรรคไทยรักไทย อันประกอบด้วย “สมศักดิ์-สุริยะ” และอีกคนที่นั่งหัวโต๊ะก็คือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กัปตันทีมเศรษฐกิจรัฐบาล
ผู้ที่ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ตีตั๋วต่อนายกรัฐมนตรี
ตามมุมที่มองกันได้ว่า “สุริยะ” คือลูกศรธนูดอกที่สามของ “สมคิด” ในปฏิบัติการก่อกำเนิดป้อมค่ายพลังประชารัฐ เป็นฐานการเมืองสนับสนุน “นายกฯ ลุงตู่” ยกระดับความชอบธรรม กลับมาเบิ้ลเก้าอี้ในฐานะนายกฯ คนในผ่านบัญชีพรรคการเมือง
และก็ได้ผลตามเป้า ด้วยยี่ห้อ “สุริยะ” ในสายตาของนักเลือกตั้งอาชีพคือ “หัวจ่าย” พลังสูง มากด้วยประสิทธิภาพและทรงประสิทธิผลสมัยพรรคไทยรักไทย
การเปิดตัวของ “สุริยะ” จึงกระตุกแรงเหวี่ยง สร้างอิมแพกต์ทางการเมืองอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะแรงตกกระทบที่เกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทย
สะท้อนจากอาการที่นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม ออกมายอมรับวิกฤติ “เอาไม่อยู่แล้ว” แนวโน้มพื้นที่อีสานของพรรคเพื่อไทยเลือดไหลออกไม่หยุดแน่
และไม่ใช่วิสัยปกติ กับมวยเบอร์ใหญ่อย่าง “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ต้องออกมางัดมุกเก่า กระแทกแดกดันกันแรงๆเป็นเชิง
พรรคใหม่ของเครือข่าย “สามมิตร” ส่อไม่พ้นโดนชาวบ้านหลอก
“รับเงินหมา กาเพื่อไทย”
สถานการณ์ยังโยงไปถึงช็อตที่ “น้องปู” อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาโพสต์โซเชียลฯเป็นครั้งแรก หลังหนีคดีจากเมืองไทย ขอบคุณกองเชียร์ที่ให้กำลังใจในโอกาสวันคล้ายวันเกิด
ในซีนที่ต่อเนื่องกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่ปราศรัยย่อยๆในงานฉลองเบิร์ธเดย์น้องสาวที่อังกฤษ ปล่อยมุก “อีสานเขียว” คุยโวพรรคเพื่อไทยกวาด ส.ส. หมดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คุยเขื่อง เบิ้ลบลัฟ อ้อน ผวา ฝ่อ ปลุกปลอบใจตัวเอง
สารพัดอารมณ์ ที่สะท้อนอาการหวั่นไหวของแชมป์เก่าอย่างพรรคเพื่อไทย
เมื่อเจอไพ่ใบสำคัญ อดีตคนของ “ทักษิณ” อย่างนายสุริยะมาแท็กทีม “สมคิด” เดินหน้าเครือข่าย “สามมิตร” เจาะฐาน ทอนแต้มของพรรคเพื่อไทยตรงกันข้ามกับสถานการณ์คึกคัก เมื่อมวยตัวจริงอย่าง “สุริยะ-สมศักดิ์” เปิดตัวเป็นแม่ทัพในสนามเดินตามที่ “สมคิด” ยิงลูกศรธนู เปิดเกมเรียกแขกอดีต ส.ส.เกรดเอ
หุ้นพลังประชารัฐดีดขึ้นทันทีทันใด
แต่นั่นก็มาพร้อมเครื่องหมายคำถาม ตามรูปการณ์ที่เห็นกันอยู่ว่ามีแต่นักการเมืองเก่า วิธีการเดิมๆ แล้วมันมีตรงไหนที่แสดงให้เห็นถึงการปฏิรูป
โดยเงื่อนไขสถานการณ์ย้อนแย้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบยาก
ในเมื่อเชิงบริหารจัดการการเลือกตั้ง จำเป็นต้องพึ่งแต้มชัวร์ๆจากนักการเมือง ตามโจทย์บังคับตีตั๋วต่อคุมเกมปฏิรูปไปถึงเป้าหมายปลายทาง
“บิ๊กตู่” ต้องแชร์อำนาจให้นักการเมืองเข้ามามีส่วนร่วมแจม
แม้จะไม่ได้เหนือคาดหมาย โดยระบบนิเวศการเมืองแบบไทยๆ
อีกทั้งไม่ใช่เรื่องใหม่ ย้อนกลับไป มันก็มีตัวอย่างมาแล้วในยุคก่อกำเนิดพรรคไทยรักไทย “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ใช้โมเดลเดียวกันนี้ ดึงไดโนเสาร์ขี่ดาวเทียมมาสู่ยุคคิดใหม่ทำใหม่
เพียงแต่ยุคนี้ยากกว่า ตรงกระแสการปฏิรูปที่ค้ำคอ พล.อ.ประยุทธ์
ความท้าทายมันอยู่ตรงที่ ด้านหนึ่งก็คือความจำเป็นต้องพึ่งคนเก่าเป็นฐาน อีกด้านหนึ่งก็คือความจำเป็นต้องยึดเงื่อนไขปฏิรูปล้อกระแสคนรุ่นใหม่
ภาพเก่าน้ำเน่าเจืออยู่กับเงื่อนไขปฏิรูป
ต้องรอดูส่วนผสมของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้ง
ทีมหนุน “ลุงตู่” จะเขย่าส่วนผสมยังไงให้ลงตัว.

“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: