PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เดินหน้าชน : ยื้อก็พัง เลือกตั้งก็แพ้

เดินหน้าชน : ยื้อก็พัง เลือกตั้งก็แพ้



น่าแปลกใจช่วงนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หน้าตาบึ้งตึง อารมณ์เสียใส่นักข่าวอยู่บ่อยๆ ถึงขั้นไล่พ้นทำเนียบ ทั้งๆ ที่ 4 ปีภายใต้การบริหารงานแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สะสมแต้มต่อทางการเมือง ประเทศสงบราบเรียบไร้ความขัดแย้ง เศรษฐกิจรุ่งเรือง ชาวบ้านอยู่ดีกินดีก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่หรือที่จะปลดล็อกการเมือง นำประเทศไปสู่การเลือกตั้ง สานต่อแนวทางเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง
ผมไม่กล้าสันนิษฐานถึงมูลเหตุ ขออาศัยคำพูด จาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่วิเคราะห์ว่า “บิ๊กตู่” กำลังเสียศูนย์เพราะไม่มั่นใจหลังพยายามย้ำอยู่เสมอว่าตนเองมีผลงานมากมาย แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่สามารถหยิบยกผลงานใดให้ประชาชนเห็นและจับต้องได้ ความเป็นไปได้ที่จะเป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งมีไม่มาก เพราะพรรคการเมืองที่จัดตั้งเพื่อสนับสนุนก็ไม่ถึงไหน พรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมก็ไม่แสดงออกว่าสนับสนุน จึงไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าจะกลับมาอีก
มันเหมือนโลกกลับด้าน ช่างแตกต่างจากพรรคเพื่อไทยที่เป็นมวยรอง ถูกกดเป็นเบี้ยล่างมาตลอด 4 ปี ทันทีที่มีสัญญาณเลือกตั้งก็กลับมาคึกคัก เตรียมจัดทำร่างนโยบายเพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งตั้งแต่ไก่โห่
พร้อมชูประเด็นการแก้ไขปัญหาปากท้องเป็นหลัก จัดทำแคมเปญนโยบายเป็นรายกระทรวง ตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกที่มีข้อบกพร่องเป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศ หากได้รับเลือกกลับมาเป็นรัฐบาลจะแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเหล่านี้ทันที
ยิ่งสัญญาณจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรค แสดงความมั่นใจจากผลโพลภายในที่มีต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยยังได้รับความนิยมจากชาวบ้าน น่าจะได้ที่นั่งกลับมามากถึง 260 เสียง เนื่องจากวันนี้ชาวบ้านระดับล่างประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ พร้อมกำชับอดีต ส.ส.ให้หมั่นลงพื้นที่พบชาวบ้าน สอบถามความต้องการอยากให้พรรคช่วยแก้ปัญหานำมารวบรวมเป็นข้อมูลส่งไปให้แกนนำพรรคจัดทำเป็นนโยบาย

ผมว่าที่โลกมันกลับด้าน กลับหัวกลับหางเช่นนี้ เพราะครั้งหนึ่งเราเคยคาดหวังกับการปฏิรูปในยุคนี้ มองว่าประเทศน่าจะเดินไปข้างหน้า แต่ผมมาเห็นความกระจ่างหลังฟังคำพูดจากปากเพื่อนที่นั่งอยู่คณะกรรมการปฏิรูปชุดหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า “ในยุคที่บอกว่าต้องการปฏิรูประบบราชการ แต่เอาเข้าจริงเนื้อในกลับแต่งตั้งอดีตปลัดกระทรวงเกษียณอายุกว่า 10 คนมานั่งเป็นกรรมการ มีแนวคิดรวบอำนาจ เพราะคนพวกนี้จมปลักอยู่กับระบบราชการเก่าๆ มาตลอดชีวิต จึงเสียเวลาและเสียค่าเบี้ยประชุมไปอย่างเปล่าประโยชน์”
คงไม่ต่างจากคำพูด ปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าที่เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่เขียนโดยคนแก่ที่อีกไม่กี่ปีก็เสียชีวิตไปตามอายุขัย แต่เยาวชนคนรุ่นใหม่ต้องอยู่อีกอย่างน้อย 50 ปี ถามว่ายุติธรรมหรือที่คนแก่ๆ เหล่านั้นมากำหนดอะไรไม่รู้ให้เรา แม้คนเขียนกฎหมายตายไปแล้ว แต่ก็ยังมีมือผีของเขามาบีบคอเราเอาไว้ให้ทำตาม
เมืองไทยตอนนี้เปรียบเหมือนท่าเต้นมูน วอล์ก ของไมเคิล แจ็คสัน คือเหมือนจะก้าวไปข้างหน้าแต่แท้จริงแล้วถอยหลัง จำนวนปี พ.ศ.เดินไปข้างหน้า แต่ชีวิตและสังคมของเราเหมือนจะดึงกลับไป ยุค พ.ศ.2520
วันนี้เราจะไปบังคับ “บิ๊กตู่” ไม่ให้อารมณ์บูด หาสาเหตุและปัจจัยคงไม่มีประโยชน์ คงทำได้เพียงขอร้องว่าท่านก็อย่าไปฟังคำพูดพวกปากหอยปากปูที่บอกว่า “ยื้อก็พัง เลือกตั้งก็แพ้”
หากท่านมั่นใจว่า 4 ปีที่บริหารประเทศมีผลงานมากมาย ชาวบ้านท้องอิ่มนอนหลับ ยิ่งมีกลไกรัฐอยู่ในมือก็อย่าไปกลัว หากเป็นของจริงคนไทยพร้อมเทคะแนนให้ท่าน
กลับเข้ามาอีกครั้งอย่างถล่มทลายแน่…

ไม่มีความคิดเห็น: