PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2561

โจทย์บังคับยากทั้งคู่

โจทย์บังคับยากทั้งคู่



ภาพประกอบรายการคุยคำโต “พรรคเพื่อไทยจะชนะแบบหิมะถล่ม”
ควันหลงงานแฮปปี้เบิร์ธเดย์ 69 ปี ที่ลอนดอน อังกฤษ ที่ตามติดมาด้วยกระแสข่าวแนวเซอร์ไพรส์ “นายใหญ่” อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร จ่อดัน “หลานชาย” นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรคนโตของนายสมชาย และ “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่
เคาะโต๊ะ ประทับตราสายตรง “ตระกูลชิน”
“ทักษิณ” ตัดสินใจเลือกคนในสายเลือดใกล้ชิด ให้เหล่าสาวกในพรรคเพื่อไทยและกองเชียร์มั่นใจ
สัญญาณ “นายใหญ่” พร้อมเกหน้าตักสู้
นั่นไม่สำคัญเท่าการทำให้ “เจ๊แดง” ยอมเปิดหัวจ่ายท่อน้ำเลี้ยงได้แบบเต็มที่ จากที่ออกลูกกั๊กไม่มีทางจ่ายให้คนอื่นหยิบชิ้นปลามัน นอกจากสามีและลูกชายเท่านั้น
ลูกชาย “เจ๊แดง” ตอบโจทย์ “ทักษิณ” ได้หลายข้อ
โดยสถานการณ์จึงส่อเค้าใกล้เคียงความจริงมากสุด
ถึงจุดที่น่าจะบวกลบคูณหารกันแล้ว กับมุมบวกในการสยบแรงกระเพื่อม โยนชื่อหลาน “นายใหญ่” สยบปมป่วนการบริหารจัดการบรรดาเจ๊ๆเฮียๆภายในพรรคเพื่อไทย
ที่ต้องแลกกับด้านลบ แรงต้านตระกูลชินแถมพะยี่ห้อ “เจ๊แดง” ประทับหรา
“ทักษิณ” ต้องชิงปิดกล่อง ปิดเกมนอมินีรุ่นสามนำทัพเพื่อไทย
รีบสกัดเลือดไหล เบรกอดีต ส.ส.จ่อย้ายพรรคเพราะไม่แน่ใจในทิศทางที่อึมครึม
และที่จบก่อนใครก็คือ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ถ้าออกมุกนี้ก็เท่ากับจบข่าว “นอมินี” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ต้องเก็บกระเป๋าลาบ้านเก่าไปตายดาบหน้า
คงไม่ต้องรอคำตอบที่ท้าให้ “นายใหญ่” ประกาศชัดๆจะไม่ใช้งานเจ้าแม่เมืองกรุง
ในเมื่อคำตอบสุดท้ายก็เป็นไปอย่างที่เซียนการเมืองแทบทุกวง อ่านไต๋ เดาทางสไตล์ “ทักษิณ” ไม่มีทางไว้วางใจใครมากไปกว่าคนในตระกูลชิน
ยิ่งภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์โจทย์บังคับ เกมอำนาจสลับซับซ้อน
ถึงพรรคเพื่อไทยจะนอนมา ชนะเลือกตั้งไปก็ใช่ว่าจะได้เป็นรัฐบาล
โอกาสเดียวคือต้องกุมความได้เปรียบในเกมเลือกตั้ง รักษาสถานภาพการต่อรองไว้ก่อน
“นายใหญ่” จำเป็นต้องเฟ้นคนในสายเลือดที่ไว้ใจได้ในการประคองความปลอดภัย
เดาทาง “ทักษิณ” เลือกคั่วไพ่หน้าเดียวแล้ว
แต่โดยแนวโน้มสถานการณ์ที่ยากกว่า เทียบกับคนยี่ห้อประชาธิปัตย์ที่ต้องเล่นไพ่หลายหน้า
ภายใต้เงื่อนไขไฟต์บังคับรับศึกหลายทาง
ด้านหนึ่งก็ต้องฟัดกับโจทก์หลัก สกัดเครือข่าย “ทักษิณ” คู่รักคู่แค้น
แบบที่ล่าสุดก็เพิ่งเจอแผนหักเหลี่ยมโหด เมื่ออดีตคนในค่ายอย่างนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก เปิดปฏิบัติการเผาเรือน แฉประจานประชาธิปัตย์มีเอี่ยวกับขบวนการอำนาจนอกกติกา อยู่เบื้องหลังยุทธการ “สมคบคิด” ล้มอดีตรัฐบาลพรรคไทยรักไทยและรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ลอกคราบนักประชาธิปไตยที่อิงแอบอยู่กับเผด็จการ
ตอกย้ำเรื่องเก่าเล่าใหม่ เขี่ยแผลเป็นให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” สะดุ้ง
อีกด้านหนึ่งก็เป็นฉากที่ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส. เสนอชื่อ “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ ขึ้นแท่นหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)
ป้อมค่ายที่จะตัดแต้มยี่ห้อประชาธิปัตย์ในปักษ์ใต้และอีกหลายพื้นที่ฐานคะแนนทับซ้อน
โฟกัสหน้าตา ตัวละครที่เปิดตัวในพรรค รปช. ป้อมค่ายของ กปปส.
ล้วนแต่คนเก่าแก่ที่ออกมาเป็นหอกข้างแคร่ ปชป.
และนั่นก็ยังมีโจทย์ที่เหนื่อยๆ ยากๆ แบบที่ “อภิสิทธิ์” และคนประชาธิปัตย์ต้องเล่นบทนักการเมืองอาชีพ สลับหน้าปรับอารมณ์ไปแตะมือกับพรรคเพื่อไทยในการยื้อกระแสสู้กับทหาร
ตีกัน เตะตัดขา “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่ให้ติดปีก ติดลมบนเกินไป
เผื่อโอกาสต่อรองไว้หลังเลือกตั้ง
ตามโพลที่โดนยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” เบียดตกขอบไปแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: