PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561

วันที่สีเริ่มจางลงเอง



คนรักเป็นหมื่น คนเกลียดเป็นล้าน

อำกันขำๆแบบมุกตลกร้ายที่สายฮาชอบล้อเล่นกัน
เอาเป็นว่า เมื่อรักที่จะกระโดดมาร่วมโรมรันพันตูในโลกสมมติ สังคมโซเชียลมีเดียแล้ว ตามแนวโน้มสถานการณ์นั่นหมายถึง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ก็ต้องมั่นใจใน “ตบะ” แข็งแกร่งพอจะรับแรงกระแทก
ไม่อ่อนไหวกับเกมยั่วแหย่ท้าทาย ไม่สะดุ้งกับพฤติกรรมหยาบคาย
เพราะมันหนีไม่พ้นต้องเจอทุกรูปแบบแน่
ที่แน่ๆคนหนึ่งที่เกาะติด กัดติดแบบไม่ปล่อย ก็คือแฟนเพจที่ชื่อ “เสี่ยโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “นายใหญ่” ตระกูลชิน
รอดักตีกิน คอยแห่กระแสเบิ้ลบลัฟ “โจทก์คนสำคัญของพ่อ” อยู่แล้ว
อาการล่าสุดแบบที่ตามคอมเมนต์แซว “นายกฯลุงตู่” ที่โพสต์รูปหมู่กับทีมหมูป่าฯ
“เวลาลุงไม่ฉุน ลุงก็น่ารักดีนะเนี่ย”
อารมณ์ตามตอด ตามแซะ แหย่ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อเนื่องมาตั้งแต่ช็อตโพสต์ดักคอดักทาง อ้าง “ลุงฉุน” คำราม ก่อนรู้ผลอัยการสั่งฟ้องคดีงาบหัวคิวปล่อยกู้กรุงไทยให้กลุ่มกฤษฎามหานคร
ถึงตอนนี้ “เสี่ยโอ๊ค” ต้องเทียวไล้เทียวขื่อ ออกแรงขุดบ่อล่อ “ลุงฉุน”
หวัง “ไต่บันไดลิง” โหนขึ้นไปเทียบรุ่นกับ “นายกฯลุงตู่”
ถ้าอีกฝ่ายพลาด หลงต่อปากต่อคำ เข้าเหลี่ยมเด็กลากแห่แน่
เหลี่ยมเดียวกันเลยกับมุกที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุงพรรคเพื่อไทย ที่ประดิษฐ์วาทกรรม “อย่าพรากความเท่าเทียมของคนไทยด้วยบัตรคนจน” ยั่วให้ พล.อ.ประยุทธ์ สวนกลับ
เป้าหมายแฝงมันก็อยู่ที่การแสดงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
ไม่ให้โดนยี่ห้อ “ประชารัฐ” กลืนส่วนแบ่งการตลาด
ทีม “นายใหญ่” จ้องลาก “ลุงตู่” มานัวเนียกับเกมชิงกระแสรายวัน
แต่จุดสำคัญมันอยู่ตรงยุทธศาสตร์หลัก ล่าสุดโฟกัสจากคิวที่ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช. เน้นย้ำในที่ประชุมสำนักเลขาธิการ คสช.ในการน้อมนำและสานต่อแนวทางจิตอาสาพระราชทาน เพื่อสร้างประโยชน์ต่อประชาชน ชุมชน และประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง
ความฝ่ายความมั่นคงเน้น “จิตอาสา” เดินหน้าฟื้นความสามัคคีในหมู่คนไทย
ในห้วงที่ขั้วสีเริ่มจางลงตามเงื่อนไขสถานการณ์ความจริงเริ่มโผล่
ตามปรากฏการณ์แบบที่นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำคนเสื้อแดง กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเผยชีวิตความเป็นอยู่ของนายวิสา คัญทัพ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่หลบหนีคดีไปอาศัยในอพาร์ตเมนต์แคบๆในเมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี พร้อมกับนางไพจิตร อักษรณรงค์ ภรรยา ด้วยความยากลำบาก
ป่วยเป็นพาร์กินสัน ซูบผอมลงถนัดตา เดินอย่างเชื่องช้า
สถานการณ์เดียวกับนายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่นอนซมป่วยต้องถือถุงปัสสาวะ
ขณะที่นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่หลบหนีคดีหมิ่นเบื้องสูง ป่วยเป็นเส้นเลือดสมองกำลังฟื้นฟูร่างกายในโรงพยาบาล
ชะตากรรมของแนวร่วมเสื้อแดงที่ระหกระเหินอยู่ต่างแดน
แร้นแค้นลำเค็ญ ไม่ได้มีเครื่องบินเจตส่วนตัวโฉบไปโฉบมา มีถิ่นพำนักอยู่ในคฤหาสน์หรู
ในเครื่องหมายคำถาม เสี่ยงสู้ตาย ถึงเวลามีใครดูดำดูดี
และถึงตรงนี้ มันก็เป็นอะไรที่เป็นคำตอบในที กับจังหวะการขยับของ “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มเสื้อแดง นปช. หันไปเดินหน้าตั้งพรรคเพื่อชาติ เป็นฐานคนเสื้อแดงสู้ในระบบสภา
อารมณ์เดียวกับ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำขาใหญ่ม็อบ กปปส. ก็กลับคำจากที่บอกจะหันหลังให้การเมือง มาเป็นโต้โผใหญ่ตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย
หัวโจกม็อบ แกนนำมวลชนหันไปตั้งป้อมค่ายการเมือง
หาพื้นที่ยืนให้ตัวเองในห้วงกระแสมวลชนถดถอย
ผู้คนในประเทศ เบื่อหน่าย เกลียด กลัวม็อบ.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: