PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2561

โจทย์ การเมือง จาก สุเทพ เทือกสุบรรณ การแบ่ง ‘เค้ก’

โจทย์ การเมือง จาก สุเทพ เทือกสุบรรณ การแบ่ง ‘เค้ก’



ยังไม่ทันที่ผลการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จะปรากฏอย่างแจ้งชัด การต่อรองในเรื่องตำแหน่งทางการเมืองก็เริ่มขึ้นแล้ว
เสียงแรกสุดมาจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย
เป้าหมายที่จับจองเอาไว้เป็น 2 กระทรวงหลัก 1 กระทรวงศึกษาธิการ และ 1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ถามว่าอำนาจในการต่อรองอยู่ที่ไหน
1 เป็นอำนาจจากความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก “มวลมหาประชาชน” ไม่ต่ำกว่า 3.5 ล้านทั่วประเทศ
1 ส่งผลให้ได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออย่างน้อย 50 คน
อย่าลืมเป็นอันขาดว่าคำขวัญอันเปล่งขึ้นอย่างกึกก้องในห้วงแห่งการชัตดาวน์ กทม. ชัตดาวน์ประเทศไทยคืออะไร
คือ ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
การแถลงของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในระหว่างปาฐกถาหัวข้อเรื่อง “ทำไมต้องปฏิรูปประเทศ” จากเชียงใหม่สะท้อนอย่างเด่นชัด
เด่นชัด 1 ว่าอะไรคือการปฏิรูปการเมือง
ขณะเดียวกัน 1 เด่นชัดว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทยอยู่ภายใต้การขับเคลื่อนและต่อรองของใคร
เป็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ไม่ใช่ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค ไม่ใช่ นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เลขาธิการพรรค อย่างแน่นอน
หากมิใช่เป็นเจ้าของพรรคจะมั่นใจได้ขนาดนี้หรือ

มั่นใจในระนาบที่ว่าจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนไม่ต่ำกว่า 3.5 ล้านเสียง มั่นใจในระนาบที่ว่าจะต้องได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อไม่ต่ำกว่า 50 คน
อย่างนี้ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล พูดได้หรือ
ต้องยอมรับว่า ความมั่นใจอันมาจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มิได้เป็นความว่างเปล่าอย่างเลื่อนลอยไร้รากฐานรองรับ
อย่าลืมว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นใคร
ในห้วงดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เขาเคยมีบทบาทเป็นอย่างสูงในฐานะ “ผู้จัดการ” รัฐบาล
นั่นก็คือ บทบาทในการตั้งรัฐบาลใน “ค่ายทหาร”
นั่นก็คือ การดึงเอา นายเนวิน ชิดชอบ เข้ามาโอบกอดและเป็นเหมือนกระดานหกให้กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อเดือนธันวาคม 2551
ความจัดเจนนี้ยังเป็นของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อยู่
เป็นความจัดเจนที่ไม่เพียงแต่จะทำให้ได้ 50 ส.ส.อยู่ในมือ หากแต่ยังเป็นหลักประกันให้กับการสืบทอดอำนาจของ คสช.
เป็นข้อต่อรองที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องยอมรับ
ลํําพังเพียงเสียงจากพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็มองเห็นภาพได้ระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับสัญญาณที่เริ่มส่งจาก “กลุ่มสามมิตร” ซึ่งจะเข้าไปอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ
50 เสียงของพรรครวมพลังประชาชาติไทยเอาไป 2 กระทรวง
70 เสียงอัน “กลุ่มสามมิตร” จะนำไปประเคนให้กับพรรคพลังประชารัฐ จะมีเสียงต่อรองกี่กระทรวงกี่ตำแหน่งก็พอจะได้กลิ่นมาบ้างแล้ว
นี่คือ โจทย์สืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ไม่มีความคิดเห็น: