เคาะแต่แรก สาแหรกการเมือง
อย่างหนึ่งที่เห็นและเป็นอยู่การเมืองก่อนเลือกตั้ง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องของบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง
นั่นคือการย้ายพรรคกันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนว่ามากถึงขนาดนี้ โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค คือ เพื่อไทยและประชาธิปัตย์
แม้จะมากน้อยต่างกันก็ตาม
แต่ความหมายสำคัญคือนักการเมืองจากพรรคใหญ่ย้ายออกไป โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้าม
เท่ากับว่าพรรคฝ่ายตรงข้ามอย่างพลังประชารัฐ ซึ่งได้นัก การเมืองจากเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ไปมากพอสมควร
“เพื่อไทย” ไหลออกมากที่สุด...
ทำให้พลังประชารัฐได้เปรียบแบบไป-กลับ อธิบายความก็คือการได้นักการเมืองคู่แข่งแล้วยังเป็นการลดนักการเมืองอีกฝ่ายไปในตัว
นี่กระมังที่ทำให้ “นายใหญ่” เพื่อไทย ถึงกับร้องไปเหมือนกัน ว่ากันว่าบางรายที่อยู่กันมานานและถือว่าอยู่ในหมู่คนวงในที่เคยได้ตำแหน่งรัฐมนตรีทุกสมัย
ถึงกับต้องโทร.ไล่จิกเพื่อไม่ให้ย้ายไปอยู่พรรคอื่น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรั้งตัวได้และยังนำลูกพรรคคนอื่นๆไปด้วยแบบยกจังหวัด
ดูกำหนดการคร่าวๆที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ “พี่ใหญ่” ที่ระบุว่าจะมีประชุมแม่น้ำ 5 สาย คสช. กกต. และพรรคการเมืองในวันที่ 7 ธ.ค.61
11 ธ.ค.61 จะปลดล็อกการเมือง 14-18 ธ.ค.61 เปิดรับสมัครให้ผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.62
มีเวลาหาเสียง 60 วัน ซึ่งถือว่ามากพอสมควร
นอกจากนั้นยังประกาศแบบแผ่นเสียงตกร่องอีกว่าต้องการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “น้องเล็ก” ให้เป็นนายกฯต่อไปเพื่อสานงานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ว่าไปแล้ว “น้องเล็ก” นี่ดูเหมือนจะเป็นคนโชคดีมากที่มีผู้ใหญ่ให้การ “อุ้มสม” มาตลอดโดยเฉพาะ “พี่ใหญ่” ที่เอ็นดูเป็นพิเศษ
อย่าไปแปลกใจว่านับแต่ คสช.เข้ามาควบคุมอำนาจการปกครองประเทศจนถึงปัจจุบันจึงได้เห็นการแสดงออกระหว่าง 2 คน ในความสัมพันธ์ที่มีต่อกันอย่างต่อเนื่อง
พูดง่ายๆว่าไม่มีทางแยกกันอย่างเด็ดขาด
มาถึงตอนนี้ยิ่งเห็นชัดเจนว่า “พี่ใหญ่” นั้น ทำให้ “น้องเล็ก” ทุกอย่างจะเป็นนายกฯต่อไปก็ทำหน้าที่เป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” สร้างพรรคการเมืองเพื่อหนุนหลัง พล.อ.ประยุทธ์ทุกรูปแบบ
“พลังประชารัฐ” จึงเด่นดังในขณะนี้
แม้กระทั่งกฎหมายก็ยังช่วยค้ำจุนอีกต่างหาก แม้กระทั่งไม่ต้องสังกัดพรรคการเมืองก็ยังมีพรรคการเมืองเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ
รัฐธรรมนูญได้กำหนดเอาไว้ว่า “ให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.ต้องแจ้งรายชื่อบุคคลที่จะเสนอให้เป็นนายกฯ 3 คนต่อ กกต.ก่อนวันปิดรับสมัครเลือกตั้ง และ กกต.ต้องประกาศให้ประชาชนรับทราบก่อนการเลือกตั้ง”
พรรคที่จะเสนอชื่อต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อต้องไม่ขาดคุณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดและต้องไม่เสนอชื่อบุคคลใดซ้ำกัน 2 พรรค
“ลุงตู่” ก็เลยไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากเซ็นชื่อยินยอมเท่านั้น และยังสามารถวางตัวได้ว่าไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองแต่เป็นการมาขอชื่อไปเสนอสภาเท่านั้น
การเมืองวันนี้จึงเป็นเกมของคนสองคนคือ “พี่ใหญ่” กับ “นายใหญ่”.
“สายล่อฟ้า”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น