PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เลือกตั้ง! ‘มาร์ค’เตือนสติ‘บิ๊กตู่’ย้อนดูอดีต ระวังจุดจบ‘พปชร.’ไม่สง่างาม

“มาร์ค” สะกิด “บิ๊กตู่” หากเข้าสู่สนามการเมืองต้องให้มีความสง่างาม  ยกสมัยตนเป็นนายกฯ ให้ รมต. ออกก่อนเลือกตั้งซ่อม เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ  ชี้หากทำแบบเดิมๆ “พปชร.”  อาจจะมีจุดจบไม่ต่างจากในอดีต 
4 ธ.ค. 61 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงท่าทีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่แสดงความชัดเจนว่า จะนำเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.)  อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคว่า ก็ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ยินยอมหรือไม่ ส่วนตัวนายกรัฐมนตรี ก็สมควรที่จะแสดงความชัดเจนทางการเมืองหรือไม่นั้น คงไม่มีใครบังคับได้ แต่นายกรัฐมนตรีคงคิดว่า หากตอบรับก็แสดงว่า มีส่วนได้เสียกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งก็ต้องพิจารณาว่า ตามหลักธรรมาภิบาลควรทำอย่างไร เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะสุจริตและเที่ยงธรรม แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์จะประวิงเวลาออกไปจนถึงวันรับสมัครเลือกตั้ง ก็สามารถทำได้ตามกฎหมาย แต่หากใช้อำนาจเพื่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองก็คงทำอะไรได้อีกหลายอย่าง 
“ผมเชื่อว่า ประชาชนก็จะจับตาดูอยู่ตลอดเวลา และมีคำถามว่า เราต้องการธรรมาภิบาลในประเทศไทยจริงหรือไม่ ซึ่งหากใครที่ต้องการหาเสียงว่า จะบริหารบ้านเมืองอย่างมีธรรมาภิบาลก็ต้องมีมาตรฐานในตัวเอง ทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี และเชื่อว่า คนไทยไม่ชอบคนเอาเปรียบ ซึ่งก็จะเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของ พล.อ. ประยุทธ์ โดยมองว่า ธรรมาภิบาลจะพูดแค่เรื่องกฎหมายไม่ได้ โดยสมัยที่ผมเองดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีที่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ส.ส. ที่ต้องลงสมัคร รับเลือกตั้งซ่อม ผมก็ได้ให้ทุกคนออกจากตำแหน่ง เพราะไม่ต้องการให้ใช้ตำแหน่งเอาเปรียบคู่แข่งขัน ในการหาเสียง แม้กฎหมายจะไม่บังคับก็ตาม ซึ่งการที่ พล.อ. ประยุทธ์ จะก้าวเข้าสู่สนามการเมืองอย่างสง่างามได้อย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพล.อ. ประยุทธ์  ที่จะพิจารณาด้วยตัวเอง” หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าว 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ยืนยันว่า ประชาธิปัตย์ไม่ได้เล่นแง่กับใคร ซึ่งต้องบอกความจริงกับประชาชนว่า หากสนับสนุนการปฏิรูปการเมืองและธรรมาภิบาล เรื่องการใช้อำนาจรัฐเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นจุดที่ทำให้บ้านเมืองขัดแย้งและเกิดวิกฤติ ซึ่งหลังการเลือกตั้งเมื่อบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ก็ขออย่าไปทำอะไรที่จะทำให้ซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต ส่วนในอดีตที่ผ่านมา ที่พรรคที่สนับสนุนคณะรัฐประหาร หรือว่า พรรคทหาร มักจะมีจุดจบทางการเมืองที่ไม่ค่อยดีนั้น มองว่า ทางพรรค พปชร. คงไม่ยอมรับว่า เป็นพรรคทหาร ซึ่งตนเองไม่ค่อยสบายใจกับการใช้คำว่า พรรคทหาร เพราะทหารหมายถึงกองทัพ แต่มีความชัดเจนว่า เป็นพรรคที่อิงอยู่กับผู้มีอำนาจในปัจจุบัน 
“หลายคนก็รับทราบประวัติศาสตร์ทางการเมืองดีอยู่แล้ว แต่หากยังทำอะไรแบบเดิมๆ ก็คงยากที่จะหวังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่ผ่านมา ในฐานะที่ผมเองผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง มองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความพยายามที่จะใช้อำนาจรัฐ และมีการออกคำสั่ง คสช. อย่างน้อย 2 ครั้ง ที่ทำให้เกิดการตั้งคำถามต่อความเป็นอิสระในการทำงานของ กกต. โดยครั้งแรกคือการปลด กกต. ออกจากตำแหน่ง ครั้งที่ 2 คือ การแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งใช้อำนาจตามมาตรา 44 รับรองการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต. โดยไม่พิจารณาว่า สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามกฎหมายหรือไม่”  นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น: