PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

การเมืองถึงทางตันหมดหวังเลือกตั้ง : วางไข่รัฐบาลเฉพาะกิจ

เน้นจุดยืนเป็นพรรคเกาะกลาง ไม่สร้างความขัดแย้งให้ประเทศ เป็นสโลแกนของพรรคเพื่อชาติ ใช้ตระเวนหาเสียงในพื้นที่ต่างๆ หลังเกิดเหตุการณ์ 8 ก.พ.62 ตารางหาเสียงของพรรคถูกเก็บพับชั่วคราว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อชาติ อธิบายถึงเหตุผลดังกล่าวว่า ที่ผ่านมาต้องยอมรับความจริงแต่ละฝ่ายพยายามจะหาจุดร่วมเดินไปสู่การเลือกตั้ง

แต่ในวันดังกล่าวช่วงค่ำ ผมขึ้นเวทีปราศรัยที่ จ.ขอนแก่น ประชาชนแห่มาฟังมากที่สุดตั้งแต่เดินสายหาเสียง ปรากฏว่าขึ้นเวทีได้แค่ 10 นาที ฟีลมันไม่ให้ ดูไม่มีชีวิตชีวา

สถานการณ์นั้นมันสร้างบาดแผลใหญ่ให้ลุกลามอย่างมีพลานุภาพ ทำให้สิ่งที่สงบนิ่งกลับเข้ามาเป็นปัญหาใหม่อีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าจะยุติเมื่อไหร่

คนในแวดวงการเมืองรู้ดี เพียงแต่จะพูดหรือไม่ว่า บรรยากาศไม่เหมือนจะมีการเลือกตั้ง เชื่อว่ามันกำลังเดินไปสู่จุดนั้น และทุกฝ่ายต่างมีความวิตก เพียงแต่จะแสดงความคิดเห็นออกมาหรือไม่

ฉะนั้นบรรดานักการเมืองแต่ละพรรคควรตั้งหลักพูดคุยกันหน่อยดีไหม เพราะขณะนี้ไม่มีใครที่คิดว่าทุกอย่างเดินได้สะดวก แม้จะเดินไปถึงการเลือกตั้งก็ตาม

บรรยากาศเหมือนก่อนการรัฐประหารกำลังก่อตัวขึ้นมาใหม่

รู้สึกว่าการเลือกตั้งยิ่งจะห่างไกล

แม้มีการเลือกตั้งปลายทางก็จะเกิดวิกฤติอีกแบบ

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูการรณรงค์หาเสียงของแต่ละพรรคเหมือนฝืนๆ ไม่รู้ว่าที่กำลังเดินอยู่คืออะไร


วันนี้ฝ่ายการเมืองของแต่ละพรรคต้องคิดมากกว่าการเลือกตั้ง แต่ละฝ่ายควรกลับไปคิดใหม่ว่าเราจะทำอะไร ขอให้ยอมรับความจริงว่าเราอยู่ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่ไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่อยู่ในท่ามกลางบรรยากาศของโลกสวยทางการเมือง ซึ่งมันไม่มีอยู่จริง

ขอย้ำอีกครั้งว่าการเดินไปสู่การเลือกตั้งยากมาก เริ่มไกลขึ้นตามลำดับ

ทีมข่าวการเมือง ถามว่า รูปแบบการนัดพูดคุยระหว่างนักการเมืองด้วยกันควรเป็นอย่างไร นายจตุพร กล่าวว่า เราพยายามเรียกร้องมานานว่าควรพูดคุยเพื่อตกลงกัน แต่สถานการณ์ก็เลยเถิด เพราะไม่เคยคิดจะพูดคุยกัน

พอมาถึงจุดนี้และสถานการณ์การเมืองยังตกอยู่ในสภาพนี้ ดูบรรยากาศการเมืองแล้วน่าจะจบภายในไม่กี่วันนี้

การจับเข่าพูดคุยไม่มีคำว่าสาย แต่จะเริ่มต้นอย่างไรเพื่อให้เกิดกระบวนการดังกล่าว

นายจตุพร บอกว่า ควรจะมีใครเป็นตัวตั้งตัวตี แต่ทุกคนก็เคยฝันร้ายเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 บรรดานักการเมืองพูดคุยกันแล้วถูกรวบทีเดียว

ถึงบอกว่าประเทศไทยมีบาดแผลมากเหลือเกิน แตะตรงไหนก็มีบาดแผล ฉะนั้นต้องช่วยกันคิดว่าจะเดินต่อไปอย่างไร เป็นเรื่องใหญ่มาก

การสร้างความปรองดองควรมองข้ามบาดแผลเก่าๆ และมองไปในอนาคตว่าจะไปอย่างไร นายจตุพร บอกว่า แต่ละบาดแผลยังไม่จบ มันก็ลุกลามไปเรื่อยๆ จะทำให้การเลือกตั้งมันเดินต่อไปไม่ได้

วันนี้ทุกฝ่ายควรมองไปข้างหน้าและช่วยกันคิด ขณะนี้ยังคิดไม่ได้ว่าสูตรสำเร็จแก้ปัญหาการเมืองคืออะไร

คิดยากมาก เป็นกระดานการเมืองที่เดินลำบาก เป็นกระดานการเมืองที่เดินมาถึงทางตันอย่างรวดเร็ว

ยิ่งถ้าทุกฝ่ายยังไม่ละเรื่องส่วนตัว ประเทศก็ไปไม่รอดอยู่ดี


ประเทศไทยไม่เคยเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน นายจตุพร บอกว่า เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ บ้านเมืองก็เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง สู้กันระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการสืบทอดอำนาจ

แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น เป็นหนังคนละม้วนเลย ทั้งกระดานการเมืองเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ทุกฝ่ายอยู่ท่ามกลางความมึนงง สับสนกันหมด อย่างน้อยจะต้องขอตั้งหลักดูก่อน

ตอนนี้ก็เริ่มเห็นปรากฏการณ์ของพรรคไทยรักษาชาติ (ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องที่ กกต.ยื่นขอให้วินิจฉัย เพื่อมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาครั้งต่อไปวันที่ 27 ก.พ. เวลา 13.30 น.)

พอพ้นปฏิทินการเมืองในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็พอจะตั้งหลักกันได้ เราไม่ต้องไปเสียดายเวลาว่าจะมีการรณรงค์หาเสียงกี่วัน เพราะขณะนี้กำลังสู้ว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ และเท่าที่เดินลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ พบว่า ประชาชนตัดสินใจพอสมควรแล้วจะเลือกใคร การหาเสียงเป็นเพียงแค่เพิ่มความมั่นใจเท่านั้น

เมื่อถามว่าพ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกพรรคการเมืองจะกำหนดยุทธศาสตร์เริ่มนับ 1 ใหม่ นายจตุพร บอกว่า ฝ่ายประชาธิปไตยหลายคนคิดง่ายๆว่า ถ้าพรรคไทยรักษาชาติโดน พรรคเพื่อไทยโดน อีกไม่นานพรรคเพื่อชาติจะได้ประโยชน์

แต่ผมไม่คิดเช่นนั้น เพราะเวลาฝ่ายเผด็จการคิดต้องคิดทั้งกระดานการเมือง ฝ่ายประชาธิปไตยไม่เคยทบทวนตัวเอง ฝ่ายล้าหลังคือประชาธิปไตย ต่างคนต่างทำ มีดาวละดวง ไปคนละทิศละทาง

ฝ่ายเผด็จการมีการปรับกระบวนท่าและกระบวนทัศน์อยู่ตลอดเวลา คิดเป็นระบบ จังหวะจะโคนแต่ละก้าวเขาคิดทุกขั้นตอน

เหมือนท่วงทำนองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. น่าศึกษา เพราะรู้จักคนไทย ทำอะไรผิดหูผิดตา ประชาชนไม่เอาด้วย ก็ถอยและออกมาขอโทษทันที

เมื่อคนขอโทษแล้ว คนไทยถ้ายังไม่ให้อภัยก็จะกลายเป็นคนผิดทันที มีที่ไหนทฤษฎีที่ผู้นำเผด็จการจะทำอย่างนี้ เป็นผู้นำมาจากการรัฐประหารที่ใช้คำว่าขอโทษมากที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยเคยมีมา

เผด็จการที่ไหนอยู่ได้บ้างถ้าไม่ปรับขบวนทัศน์

ตามสถานการณ์พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อไทย เห็นอนาคตในทางลบก็จะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น นายจตุพร บอกว่า หากพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบตามที่คนคาดการณ์ และต่อไปถึงคิวพรรคเพื่อไทย

ถ้าคนในพรรคเพื่อชาติคิดว่าส้มจะหล่นที่เท้าตัวเอง เป็นการอ่านการเมืองที่โง่เขลามาก เขาจะให้จบแบบนี้หรือ การคิดในมิตินักเลือกตั้งก็จะรอส้มหล่น แต่มันจะกลายเป็นทุเรียนหล่น

ความจริงเมื่อการเมือง 2 พรรคเดินไม่ได้ แม้มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง หลังการเลือกตั้งก็ไม่ได้หมายความว่าจบแล้ว

ทุกเรื่องยังไม่มีวันจบจนกว่าจะได้รัฐบาลชุดใหม่

จากนี้ไปจนถึงการเลือกตั้งมันไม่ใช่คำตอบ

เพราะมีโอกาสกลายเป็นโมฆะ ตามด้วยรัฐประหารทุกครั้ง

และถ้าปล่อยให้เดินไปถึงการเลือกตั้ง ถึงอย่างไรพรรคพลังประชารัฐก็พ่ายแพ้ย่อยยับ ไม่มีทางที่จะสู้ฝ่ายประชาธิปไตยได้

ถึงวันนั้นอารมณ์ของประชาชนก็สุกงอมอีก จะกลายเป็นอีกปัญหาหนึ่ง


ทีมข่าวการเมือง ถามว่า “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ตอกย้ำเสนอรัฐบาลเฉพาะกาล จะเป็นทางออกของประเทศไทยได้อย่างไร นายจตุพร บอกว่า “บิ๊กจิ๋ว” ผ่านโลกมาเยอะ เดินตามวิถีประชาธิปไตยมาตลอด จนได้เป็นนายกรัฐมนตรี

ภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ คนอื่นอาจจะมองแค่เฉพาะตอนต้น แต่ พล.อ.ชวลิตมองทั้งกระดานการเมืองถึงตอนจบ รู้ว่าปลายทางคืออะไร แต่สังคมก็ยังไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วย เพราะระหว่างทางนี้ประเทศไทยยังอยู่ที่ต้นทางกับกลางทาง ยังไม่ถึงปลายทาง

แต่วันนี้มีกระแสข่าวว่าเริ่มเปิดไฟเขียวให้เริ่มเดินหน้ารัฐบาลเฉพาะกาลแล้ว นายจตุพร บอกว่า ข้อเสนอของ พล.อ.ชวลิตสังคมยังไม่เข้าใจ เพราะอาจจะยังไม่ลึกซึ้งพอ ทุกคนจึงมองปรากฏการณ์การเลือกตั้งยังดำรงอยู่

ทั้งที่สถานการณ์ของประเทศคงใกล้ปิดฉากแล้ว

ถ้าจะมีการเลือกตั้งจริงมันไม่ใช่บรรยากาศอึมครึมแบบนี้

จากประสบการณ์การเมืองมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีจุดลงเอยอย่างไร นายจตุพร บอกว่า...

...แม้มีฝ่ายที่เชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งอยู่บ้าง แต่วันนี้ขอฟันธงจะไม่มีการเลือกตั้ง

แต่การจะเดินหน้าประเทศไปอย่างไร ต้องอยู่ภายใต้หลักการไม่ให้มีการสูญเสียเกิดขึ้น

และต้องเลือกวิธีการที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายน้อยที่สุด.

ทีมการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: