PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2562

ศรีสุวรรณฉะ กกต.”บัตรเขย่ง”ไม่มีในกฎหมาย/จ่อตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอน 7 กกต.

ศรีสุวรรณฉะ กกต.”บัตรเขย่ง”ไม่มีในกฎหมาย/จ่อตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอน 7 กกต.
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ตัวแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาแถลง เปิดเผยจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์และคะแนนรวมของแต่ละพรรควานนี้ (28 มี.ค.) โดยมีบัตรดีทั้งสิ้น รวมทั้งสิ้น 35,532,647 คะแนน โดยมีผู้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งสิ้น 51,239,638 คน มาใช้สิทธิ์ 74.69% หรือ 38,268,375 คน อย่างไรก็ตามยังระบุว่า บัตรทั้งหมดอยู่ที่ 38,268,366 ใบ น้อยกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ 9 คน และว่าที่จำนวนผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกับยอดบัตรที่ใช้นั้นอาจเกิดจาก “บัตรเขย่ง” และอาจเกิดจากการที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปแสดงตนใช้สิทธิ แต่ไม่ได้รับบัตรเลือกตั้ง แล้วเดินออกจากหน่วยเลือกตั้งไป อาจเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ จากหน่วยเลือกตั้งที่มีกว่า 92,000 หน่วยทั่วประเทศนั้น
ถ้อยแถลงดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า กกต. คิดแต่จะประดิษฐ์ถ้อยคำใหม่ ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ ทั้งๆที่ “บัตรเขย่ง” นั้นไม่มีในกฎหมายใด ๆ หากเกิดกรณีดังกล่าวจริง กกต.ต้องไต่สวนให้ได้ความว่าเกิดขึ้นจากหน่วยเลือกตั้งใด และต้องดำเนินการเอาผิดพนักงานเจ้าหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้งนั้นและต้องจัดให้มีการเลือกตั้งในหน่วยนั้นใหม่ตามกฎหมาย จะมาโบ๊ยแล้วไม่ดำเนินการใดๆไม่ได้ นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ ก็มีการใช้ถ้อยคำแทนคำว่า “บัตรเสีย” ใหม่ว่า “บัตรที่ไม่สามารถนับคะแนนได้” แถมวินิจฉัยกรณีบัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์ไม่ถูกต้องตาม ม.114 แห่งพรบ.เลือกตั้ง สส.2561 แต่อย่างใดเพราะไม่ใช่เหตุที่เกิดจากการไม่สุจริตและเที่ยงธรรมตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการจัดการเลือกตั้งของ กกต.ชุดนี้ผิดพลาด ล้มเหลว ก่อให้เกิดการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรมมากมาย หลายประการ และไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ ทั้งๆที่กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนนับแสนบาทต่อเดือน
ด้วยเหตุต่างๆดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงขอประกาศตั้งโต๊ะเพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนทั่วประเทศและทั่วโลก ได้ร่วมกันเข้าชื่อ 2 หมื่นรายชื่อเพื่อดำเนินการถอดถอน กกต.ทั้ง 7 คนให้ออกจากตำแหน่ง เพราะถือได้ว่าจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายตาม ม. 234(1) แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 โดยสมาคมฯจะเปิดทำการตั้งโต๊ะให้เข้าชื่อกันในวันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค.62 เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป ณ หน้าร้าน Cha Srisuwan ข้างๆประตู 3 ตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ จึงขอเชิญชวนผู้ที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.62ทุกคนมาร่วมเข้าชื่อกัน โดยให้เตรียมนำบัตรประชาชนมาด้วย นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด

นับจบ "งอก" อีก 4 ล้านใบ มึน กกต.แถลง "บัตรเขย่ง"


อ้างแสดงตนแต่ไม่รับบัตร เพื่อไทยจวกผู้มีสิทธิเพิ่มมาอื้อ สุริยะปัดคุย "งูเห่า" เพื่อไทย

กกต.แถลงแล้วผลนับคะแนนเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ตะลึงพ้น 4 วันยอดผู้มาใช้สิทธิพรวด 38 ล้าน หรือร้อยละ 74.69 ทิ้งขาดยอดที่แถลงไว้ร้อยละ 65.96 มึนหนักจำนวนคนกาบัตรไม่ตรงกับใช้บัตรเกิน 9 ใบ “กฤช” อ้างอาจเกิดการเขย่ง คนแสดงตนไม่รอรับบัตร ดันคะแนนป๊อปปูลาร์โหวต พปชร.ทะลัก 8.4 ล้านเสียง พท. 7.9 ล้านเสียง “เจ๊หน่อย” อึ้งอย่างนี้ก็ได้เหรอบัตรงอกเกิดใหม่กว่า 4 ล้านใบ “ภูมิธรรม” สับเลอะ เทอะล้มละลาย “ชูศักดิ์” ฉะไม่บริสุทธิ์ส่งหีบบัตรผิดเขตปั่นยอดบัตรเสีย อนค. เฮได้ลุ้น ส.ส.เพิ่ม มั่นใจไม่มีงูเห่า “ยงยุทธ” ปลุกประชาชนปลดล็อก ตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติภาคประชาชน” “สนธิรัตน์” มั่นใจตั้งรัฐบาลได้ชัวร์ แกนนำฮึ่ม มท.-คค.ห้ามแตะ ให้ ภท.ได้แค่ กษ.-สธ. ปชป. แตกยับ “ถาวร” ระดมพลหัก “มาร์ค” ชงให้ กก.บห.ชุดใหม่กับ ส.ส.เคาะอนาคตพรรค

หลังจากถูกกระแสกดดันอย่างหนักให้ประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ในที่สุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีทั้งสิ้น 51,239,638 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 38,268,375 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 74.69 เพิ่มขึ้นจากที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้อย่างมากมาย จนน่าเป็นที่น่าสงสัยเคลือบแคลงของสังคมหนักยิ่งขึ้น

กกต.ประกาศคะแนน 100%

เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. แถลงผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่า คณะกรรมการ กกต.มีมติที่ 33/ 2562 ลงวันที่ 25 มี.ค. ให้เปิดเผยผลคะแนนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ภายหลังได้รับการรายงานผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ จากสำนักงาน กกต.ทั่วประเทศ เป็นการรายงานเฉพาะ ส.ส.แบบแบ่งเขต และคะแนนรวมของแต่ละพรรค การเมือง ส่วนของ ส.ส.แบบแบ่งเขตมีผู้สมัครทั้งสิ้น 11,181 คน ถูกตัดสิทธิสมัครไป 572 คน คงเหลือผู้สมัคร 10,609 คน และผลคะแนนของพรรคการเมือง 81 พรรค

อ้างแสดงตนแต่ไม่รับบัตร เพื่อไทยจวกผู้มีสิทธิเพิ่มมาอื้อ สุริยะปัดคุย "งูเห่า" เพื่อไทย

กกต.แถลงแล้วผลนับคะแนนเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ตะลึงพ้น 4 วันยอดผู้มาใช้สิทธิพรวด 38 ล้าน หรือร้อยละ 74.69 ทิ้งขาดยอดที่แถลงไว้ร้อยละ 65.96 มึนหนักจำนวนคนกาบัตรไม่ตรงกับใช้บัตรเกิน 9 ใบ “กฤช” อ้างอาจเกิดการเขย่ง คนแสดงตนไม่รอรับบัตร ดันคะแนนป๊อปปูลาร์โหวต พปชร.ทะลัก 8.4 ล้านเสียง พท. 7.9 ล้านเสียง “เจ๊หน่อย” อึ้งอย่างนี้ก็ได้เหรอบัตรงอกเกิดใหม่กว่า 4 ล้านใบ “ภูมิธรรม” สับเลอะ เทอะล้มละลาย “ชูศักดิ์” ฉะไม่บริสุทธิ์ส่งหีบบัตรผิดเขตปั่นยอดบัตรเสีย อนค. เฮได้ลุ้น ส.ส.เพิ่ม มั่นใจไม่มีงูเห่า “ยงยุทธ” ปลุกประชาชนปลดล็อก ตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติภาคประชาชน” “สนธิรัตน์” มั่นใจตั้งรัฐบาลได้ชัวร์ แกนนำฮึ่ม มท.-คค.ห้ามแตะ ให้ ภท.ได้แค่ กษ.-สธ. ปชป. แตกยับ “ถาวร” ระดมพลหัก “มาร์ค” ชงให้ กก.บห.ชุดใหม่กับ ส.ส.เคาะอนาคตพรรค

หลังจากถูกกระแสกดดันอย่างหนักให้ประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ในที่สุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีทั้งสิ้น 51,239,638 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 38,268,375 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 74.69 เพิ่มขึ้นจากที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้อย่างมากมาย จนน่าเป็นที่น่าสงสัยเคลือบแคลงของสังคมหนักยิ่งขึ้น

กกต.ประกาศคะแนน 100%

เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. แถลงผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่า คณะกรรมการ กกต.มีมติที่ 33/ 2562 ลงวันที่ 25 มี.ค. ให้เปิดเผยผลคะแนนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ภายหลังได้รับการรายงานผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ จากสำนักงาน กกต.ทั่วประเทศ เป็นการรายงานเฉพาะ ส.ส.แบบแบ่งเขต และคะแนนรวมของแต่ละพรรค การเมือง ส่วนของ ส.ส.แบบแบ่งเขตมีผู้สมัครทั้งสิ้น 11,181 คน ถูกตัดสิทธิสมัครไป 572 คน คงเหลือผู้สมัคร 10,609 คน และผลคะแนนของพรรคการเมือง 81 พรรค

คนมากาบัตรสุทธิพรวด 74%

นายกฤชกล่าวว่า สำหรับจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีทั้งสิ้น 51,239,638 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 38,268,375 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 74.69 ผู้ไม่ มาใช้สิทธิ 12,971,263 คน หรือร้อยละ 25.31 เป็น ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากการแถลงของนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ในวันที่ 24 มี.ค. เนื่องจากตัวเลขในขณะนั้นเป็นการนับคะแนนที่ 94 เปอร์เซ็นต์ แต่ล่าสุดเป็นตัวเลขที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ไปมีทั้งสิ้น 38,268,366 ใบ แยก เป็นบัตรดี 35,532,647 คิดเป็นร้อยละ 92.85 บัตรเสีย 2,130,327 ใบ หรือคิดเป็นร้อยละ 5.57 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 605,392 ใบ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.58

พปชร.ป๊อปปูลาร์โหวตพุ่ง 8.4 ล้าน

นายกฤชกล่าวอีกว่า คะแนนของพรรคการเมือง 100% จากทุกจังหวัด โดยพรรคที่มีคะแนน ซึ่งอาจนำมาคำนวณเป็นเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อมีประมาณ 30 พรรค อาทิ พลังประชารัฐ 8,433,137 คะแนน เพื่อไทย 7,920,630 คะแนน อนาคตใหม่ 6,265,950 คะแนน ประชาธิปัตย์ 3,947,726 คะแนน ภูมิใจไทย 3,732,883 คะแนน เสรีรวมไทย 826,530 คะแนน ชาติไทยพัฒนา 782,031 คะแนน เศรษฐกิจใหม่ 485,664 คะแนน ประชาชาติ 485,436 คะแนน เพื่อชาติ 419,393 คะแนน รวมพลังประชาชาติไทย 416,324 คะแนน ชาติพัฒนา 252,044 คะแนน พลังท้องถิ่นไท 213,129 คะแนน รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 136,597 คะแนน และพลังปวงชนไทย 81,733 คะแนน เป็นต้น

มึนผู้ใช้สิทธิน้อยกว่าบัตรที่ใช้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวมีการทักท้วงตัวเลขที่นายกฤชแถลงและตัวเลขเอกสารที่แจกให้กับสื่อมวลชนไม่ตรงกัน รวมถึงจำนวนบัตรที่ใช้กับผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกัน โดยมีผู้มา ใช้สิทธิ 38,268,375 แต่ใช้บัตรไป 38,268,366 ใบ เกินไป 9 ใบ

นายกฤชให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ชี้แจงถึงกรณีที่จำนวนผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกับยอดบัตรที่ใช้ไปจำนวน 9 ใบว่า อาจเกิดการเขย่งในจำนวนผู้มา ใช้สิทธิกับบัตรที่ใช้ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากกรณีที่ผู้มี สิทธิเลือกตั้งไปแสดงตนใช้สิทธิ แต่ไม่ได้รับบัตรเลือกตั้ง แล้วเดินออกจากหน่วยเลือกตั้งไป เป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ จากหน่วยเลือกตั้งที่มีกว่า 92,000 หน่วยทั่วประเทศ ส่วนการสอบทานไปยังหน่วยลงคะแนนถ้าหน่วยใดรายงานผิดนั้นก็สามารถสอบทาน ได้ว่าเกิดการผิดพลาดที่หน่วยเลือกตั้งใด

พบเรื่องร้องเรียน 71 เรื่อง

ร.ต.อ.มนูญ วิเชียรนิตย์ ผอ.สำนักสนับสนุนงานสืบสวนสอบสวน สำนักงาน กกต. กล่าวถึงเรื่องร้องเรียนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานสืบสวนฯว่า มีเรื่องร้องเรียนกล่าวหา 71 เรื่อง และ มีความปรากฏต่อสำนักงาน กกต. 40 เรื่อง จะได้ตรวจ มูลคดีและตั้งกรรมการไต่สวน หากมีมูลจะแจ้งข้อกล่าวหาไปยังฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาทราบ ท้ายที่สุดจะต้องส่งเรื่องทั้งหมดให้คณะกรรมการ กกต.ลงมติ

3 ผู้สมัครเพื่อไทยร้องพบทุจริต

เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สำนักงาน กกต. นาย สหรัฐ กุลศรี ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 4 นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 9 ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 7 เข้าร้อง กกต.กรณีพบการทุจริตในเขตเลือกตั้ง นายสุรชาติกล่าวว่า พบความไม่ชอบมาพากลในการนับคะแนนของเขต 9 ผลคะแนนไม่ขึ้น บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนผู้ใช้สิทธิแต่ ผอ.เขตหลักสี่กลับแจ้งในเช้าวันรุ่งขึ้นว่าเป็นการเข้าใจผิด ยังพบว่ามีการนำบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าของเขต 9 ไปนับที่เขต 1 ซึ่ง ผอ.เลือกตั้งเขต 1 ทักท้วงแล้วแต่กรรมการที่นับคะแนนให้พิจารณาเป็นบัตรเสีย กรรมการประจำเขต 9 ไม่ชี้แจง รวมทั้งสำนักงานพรรคเพื่อไทย ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า มีชื่อผู้มีสิทธิในบ้านเลขที่ 33/3 ถนนลาดยาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของทัณฑสถานหญิงกลางไม่น่าจะมีชื่อผู้มีสิทธิแต่กลับมีชื่อโผล่มาถึง 252 คน หาก กกต.สอบสวนไม่มีความกระจ่างขอให้มีการเลือกตั้งใหม่

“นิติภูมิ” แชร์ข่าวปลอม 45 ใบแดง

ก่อนหน้านั้นเวลา 10.00 น. ร.ต.อ.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “มีคนส่งข่าวบอกว่า มีแนวโน้ม กกต.เตรียมแถลงแจกใบแดงว่าที่ ส.ส.45 เขต พรรคเพื่อไทย 28 เขต อนาคตใหม่ 15 พลังประชารัฐ 2 เลือกตั้งซ่อม 21 เม.ย. ทำให้ตอนนี้พลังประชารัฐมี ส.ส.เป็นอันดับ 1 จำนวน 115 เสียง เพื่อไทยมี ส.ส.111 เสียง ขออย่าให้ข่าวนี้เป็นความจริงเลย กลัวบ้านเมืองจะร้อนเป็นไฟ เราต้องการความสงบ การเลือกตั้งมันน่าจะจบไปได้แล้ว คนหรือพรรคที่แพ้ก็ควรจะปรับปรุงนโยบาย และวิธีการหาเสียงสำหรับครั้งต่อไป” ต่อมาเวลา 14.30 น. ร.ต.อ.นิติภูมิธณัฐ โพสต์อีกครั้งว่า “วันนี้มาพบกับ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เพื่อสอบถามข้อมูลที่ได้รับมาและโพสต์ไป เลขาธิการ กกต. บอกว่าข้อมูลนี้ไม่เป็นความจริง ยังไม่มีการพิจารณา และ กกต. ก็ได้ชี้แจงต่อสาธารณะไปแล้วเมื่อสักครู่ จึงขอความกรุณาทุกท่านว่าอย่าโพสต์หรือแชร์ข้อความนี้ต่อ และเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดการสับสน ขออนุญาตลบโพสต์”

รองเลขาฯ กกต.ยันไม่จริง

นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกระแสข่าวที่ กกต.จะแจกใบแดงมากถึง 45 ใบ ว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวเท็จ การพิจารณาเรื่องร้องเรียน และคัดค้านต่างๆยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต. มีขั้นตอนดำเนินการ แต่ยังไม่ได้ตั้งธงว่าจะให้ใบเหลือง ใบแดงจำนวนเท่าใด และพรรคไหน ผู้ที่ปล่อยข่าวเท็จทำให้เกิดความเสียหายและสร้างความสับสนนั้น กกต.จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายต่อไป


“เจ๊หน่อย” ตะลึงบัตรงอก 4 ล้านกว่า

เมื่อเวลา 17.00 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “หลังปิดหีบลงคะแนน 24 มี.ค. 21.30 น. กกต. แถลงผลการลงคะแนนว่า มีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 65.96 รวมจำนวน 33,775,230 คน วันที่ 28 มี.ค. 14.50 น. กกต.แถลงอีกครั้ง ผู้มาใช้สิทธิเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 74.69 จำนวนเพิ่มเป็น 38,268,375 คน 4 วันมีบัตรเกิดใหม่ในหีบ 4,493,145 ใบ แบบนี้ก็ได้เหรอคะ ThailandOnly”

สับ กกต.เลอะเทอะล้มละลาย

เวลา 17.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ยังมีคำถามอีกมากทั้งตัวเลขผู้มีสิทธิและผู้มาใช้สิทธิที่ไม่ตรงกันระหว่างการแถลงของ กกต.วันที่ 24 มี.ค.กับ 28 มี.ค.เมื่อเห็นตัวเลข กกต.แล้วปวดหัวมีความไม่น่าเชื่อถือ กกต.ต้องทำให้ชัดเจนไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของ กกต. เรียกร้องให้ กกต.เปิดเผยผลคะแนนรายหน่วย เรื่องสำคัญต้องทำตัวเลขออกมาให้ชัด ไม่ใช่เปลี่ยนไปตาม อำเภอใจในแต่ละวัน เพราะมีผลไปถึงการเปลี่ยน ส.ส.ของแต่ละพรรค องค์กรระดับชาติเปลี่ยนตัวเลขเช่นนี้ถือเป็นความเลอะเทอะ เมื่อ กกต.ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นได้นานาประเทศจะเชื่อมั่นได้อย่างไร จะไปพูดอะไรไปถึงการตั้งรัฐบาลเพราะล้มเหลวไม่น่าเชื่อถือ เป็นรัฐบาลล้มละลายไปกับกระบวนการจัดการเลือกตั้ง

ข้องใจผู้มีสิทธิเพิ่มกว่า 3 หมื่นคน

นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตัวเลขที่ประธาน กกต.แถลงเมื่อวันที่ 24 มี.ค.กับวันที่ 28 มี.ค. มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพิ่มมาประมาณ 3 หมื่นกว่าคน ถือเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้น ควรชัดเจนก่อนวันเลือกตั้ง ขณะที่ตัวเลขผู้มาใช้สิทธิเพิ่มขึ้น 4.4 ล้าน เป็นเรื่องที่แปลกมาก กกต.ต้องชี้แจงจำนวนที่เพิ่มขึ้นมาจากอะไร

ฉะสกปรกส่งหีบผิดเขตให้บัตรเสีย

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การนำบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าจากเขตหนึ่งนำไปนับอีกเขตหนึ่ง แล้วกรรมการประจำหน่วยขานเป็นบัตรเสีย แสดงว่ามาจากเขตอื่นที่นำมานับเป็นบัตรใครก็ไม่รู้แล้วเขตอื่นๆจะมีกรณีเช่นนี้ในเขตเลือกตั้งอื่นอีกหรือไม่ก็ไม่ทราบ แล้วพอจะพูดได้หรือไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม

อนค.โดนใบเหลือง-แดงแต้มพุ่งอีก

เมื่อเวลา 16.30 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่าเป็นเวลา 94 ชม.หลังปิดหีบเลือกตั้งเราถึงได้ทราบผลคะแนนเลือกตั้งอย่างสมบูรณ์ พรรคอนาคตใหม่ มีว่าที่ ส.ส.เขต 30 เขต ส่วนบัญชีรายชื่อ จากการคำนวณของเรา จะมีไม่ต่ำกว่า 50 คน หมายความว่าเราจะมี ส.ส. 80 คนขึ้นไปจาก 6.2 ล้านคะแนน แต่ต้องรอดู กกต. ว่าจะเคาะจำนวนคะแนนเสียง ต่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน จำนวนเท่าไร และจะมีใบเหลือง ใบแดงให้กับ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่เท่าไร เรายืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง หรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่หากได้รับจริงเราพร้อมเลือกตั้งซ่อม และเชื่อว่าประชาชนจะเทคะแนนให้เรามากกว่าเดิม หลังเห็นแล้วว่าสถานการณ์หลังการเลือกตั้งมีความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจของ คสช.แต่เชื่อว่าคะแนนมีแต่จะเพิ่มขึ้น และเผลอๆนอกจากจะได้จำนวน ส.ส.เขตเพิ่มขึ้นแล้ว จำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของเราอาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย เรายินดีจะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในสนามเลือกตั้ง

เชื่อใจว่าที่ ส.ส.ไม่มีงูเห่าในพรรค

เมื่อถามว่า มีกระแสเรื่องงูเห่าของพรรคอนาคตใหม่ มีความกังวลหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่มีความเชื่อมั่นในตัวว่าที่ ส.ส.ทุกคน เพราะไม่เคยมีการซื้อหรือดูดตัวผู้สมัคร ยอมรับมีเป็นไปได้และมีความพยายามในการดูดตัวว่าที่ ส.ส.ของพรรค แต่เชื่อมั่นว่าพรรคที่ยึดโยงด้วยอุดมการณ์ยากที่จะมีใครถูกดึงตัวไป ทั้งนี้ ในวันที่ 30-31 มี.ค.พรรคอนาคตใหม่จะจัดอบรมว่าที่ ส.ส. เพราะทุกคนล้วนเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง และมีการลงนามอุดมการณ์ทางการเมืองร่วมกัน เช่นการทำให้เกิดรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน และไม่ใช่การบังคับ เชื่อทุกคนจะยึดมั่นในอุดมการณ์เดียวกัน


“ยงยุทธ” ชวนฝ่าวิกฤติก่อนถูกยึดอำนาจ

วันเดียวกัน นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีหลายฝ่ายพยายามจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ว่า “รัฐบาลแห่งชาติภาคประชาชน ฝั่งหนึ่ง ตั้งรัฐบาลได้ แต่บริหารไม่ได้ ฝั่งหนึ่ง บริหารได้ แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ อย่ายอมรับกติกาที่บิดเบี้ยว ส.ส.ถูกซื้อเป็นงูเห่าการเมือง ภาคประชาชนต้องช่วยกัน “ปลดล็อก” ด่วน ก่อนมีการยึดอำนาจ ทั้งนี้ภาคประชาชนเท่านั้น ที่จะต้องร่วมกันเยียวยาเสรีภาพ ถ้า ส.ส.ท่านใดที่เห็นด้วย ออกมายืนด้วยกันตรงนี้ หลังจากนั้นลงมติหาประธานสภาฯ หานายกฯตั้ง ครม. ฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกันครับ ช่วงนี้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเถอะครับ” พร้อมติดแฮชแท็ก #อย่าอยู่แบบเลือกข้าง #ขอให้อยู่เพื่อประเทศของเรา #เอามีชัยไปลอยกระทงกันเถอะ


“สุริยะ” ปัดคุยงูเห่าเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ ช่วงเช้าบรรดาแกนนำทยอยเข้าพรรค อาทิ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้ง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์ กทม. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน จากนั้นเวลา 12.45 น. นายสุริยะให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งใจมาสอบถามการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลไปถึงไหน ส่วนการเจรจาดึงพรรคเล็กเพื่อรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องถามหัวหน้าและเลขาธิการพรรค ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพูดคุยเจรจาหาพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้ไปพูดคุยกับอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย แม้ว่าจะเคยเป็นอดีตเลขาธิการของพรรคไทยรักไทยมาก่อน

เย้ยฝั่งโน้นบวกเลขยังไงก็ไม่ถึงครึ่ง

เมื่อถามว่า ตัวเลข ส.ส.เฉียดฉิวกัน ส่งผลตั้งรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายยากลำบากหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ดูจากพรรคที่ไปพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย รวม ส.ส.ได้ 253 เสียง พยายามจะทำเพื่อให้เกิดความชอบธรรม ทำให้ตัวเลขเกินทั้งที่จริงๆแล้วตัวเลขไม่ถึง ดูตามกฎหมายที่กำหนดในสัดส่วนบัญชีรายชื่อจากตัวเลขที่ออกมาไม่ถึง ที่มาบอกว่าได้คะแนนเกินกว่าครึ่งแล้ว ถ้าดูจาก ส.ส.เขตและ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ คำนวณตามคะแนนที่ได้รับทั้ง 6 พรรค อย่างไรก็ไม่ถึง ฝ่ายเราต้องดูตัวเลข กกต.ก่อน ยังไม่ได้พูดว่าเราจะรวบรวมเสียงได้เกิน 251 เสียงเพียงแต่พูดว่าที่อีกฝ่ายบอกได้เสียงเกิน 251 เสียงไม่จริง เมื่อถามว่าตอนนี้มีว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย มีใจโน้มเอียงมาในฝั่งพรรคพลังประชารัฐบ้างหรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า “ในส่วนนี้ไม่มีคำตอบจากผม”


“สมศักดิ์” หยันแค่สีสันช่วงชิงจังหวะ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า เวลานี้อาจยังเร็วไปที่จะพูดถึง ยังอยู่ในขั้นตอนที่ กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง อาจต้องใช้เวลาอีก 1 เดือนตามกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ คนทั่วไปอาจคิดว่าช้าใช้เวลานานเกินไปหรือไม่ แต่นี่คือกฎเกณฑ์ที่ทำให้เกิดความชัดเจน กกต.ต้องดูให้ชัดเจน มีเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งจำนวนมาก อาจมีการแจกใบเหลืองใบแดงในบางเขตหรือไม่ ต้องพิจารณาอย่างละเอียด หากรีบร้อนพิจารณาอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ขอให้ใจเย็นๆเพราะมีกรอบระยะเวลากำหนดไว้อยู่แล้ว ส่วนที่พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวประกาศลงนามสัตยาบันร่วมรัฐบาลกับอีก 5 พรรคเป็นการช่วงชิงกระแสจัดตั้งรัฐบาลถือเป็นสีสันช่วงนี้ แต่ดูเหมือนว่ายังไม่สมบูรณ์เพียงพอเพราะเสียงค่อนข้างจะปริ่มๆ 250 เสียง กกต.ยังไม่รับรองผล ส.ส.ทั้งหมด เป็นจุดหนึ่งทำให้พรรคต้องเร่งทำงานให้เร็วและหนักมากขึ้น

ปัดหวงก้างยึดหมดกระทรวง ศก.

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐต้องการเก้าอี้กระทรวงด้านเศรษฐกิจทั้งหมด นายสมศักดิ์ กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเก้าอี้หรือตำแหน่งใดๆ ก่อนหน้านี้ในยุครัฐบาล คสช.อาจมีทีมเศรษฐกิจแค่ทีมเดียวที่ดูแลทั้งหมด แต่เมื่อเกิดรัฐบาลใหม่ขึ้นหากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล จะต้องมีพรรคร่วมที่มีบุคคลที่มีความสามารถด้านเศรษฐกิจอีกจำนวนมาก ต้องพิจารณาความเหมาะสมทั้งความสามารถ ความเชี่ยวชาญและวิสัยทัศน์ต่างๆที่เข้ากับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมที่นำเสนอ


“สนธิรัตน์” มั่นใจตั้งรัฐบาลได้แน่

เมื่อเวลา 16.30 น. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลัง กกต.แถลงตัวเลขผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าเป็นความชัดเจนครั้งที่ 1 ทำให้รู้ว่าเราจะมี ส.ส.เท่าไหร่ บัญชีรายชื่อยังไม่นิ่ง ตัวเลขเปลี่ยนมีผลต่อการคำนวณ ตอนนี้ก้ำกึ่งกันมากต้องใช้เวลาคำนวณ จากตัวเลขที่เห็นมั่นใจเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้แน่ เราว่าตามขั้นตอนไม่เร่งรีบยังมีเวลา อย่างน้อยถือเป็นจุดเริ่มต้นดำเนินการต่อ ทีมงานพรรคดูได้แล้วเบื้องต้นว่าพรรคไหนได้คะแนนเสียงเท่าไร รวมถึงพรรคขนาดเล็กด้วย เวลานี้ทุกคะแนนมีความหมาย ในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกันมากๆ ทุกคะแนนย่อมมีความหมาย

แขวะซีก พท.ดูแล้วไม่ถึง 250 เสียง

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า เราเห็นแล้วว่าแต่ละกลุ่ม แต่ละพวกได้คะแนนเป็นเท่าไหร่ คะแนนที่ประกาศเมื่อวันที่ 27 มี.ค. พบว่ามีไม่ถึง 250 ที่นั่ง เราจะรวบรวมและประเมินสถานการณ์ต่อไป เมื่อถามว่าแล้วของพลังประชารัฐที่จับมือพรรคอื่นเกิน 250 ที่นั่งหรือไม่ นายสนธิรัตน์ยิ้มก่อนตอบว่ายังไม่ขอตอบ ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้ยังมีความก้ำกึ่งกัน ส่วนของพรรคนิ่งแล้วจะบอก ถือว่ายังไม่หมดเวลา การประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการของ กกต.มีได้ถึงวันที่ 9 พ.ค. เมื่อ กกต.ประกาศแล้วจะถือว่านิ่ง ได้เห็นตัวเลขบัญชีรายชื่อที่แท้จริง เมื่อถามอีกว่าคะแนนที่เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้ 6 พรรคการเมืองที่จับมือกับพรรคเพื่อไทย เปลี่ยนใจหรือไม่ นายสนธิรัตน์บอกว่าไม่ทราบ

ปฏิเสธโยนกระทรวงเกรดเอให้ ภท.

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคภูมิใจไทย ต่อรองขอเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอ นายสนธิรัตน์ บอกว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเคยระบุว่าให้คุยกันหลังจากงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในวันที่ 29 มี.ค. พรรคพลังประชารัฐจะประชุมเรื่องยุทธศาสตร์พรรค และในวันที่ 1 เม.ย.จะประชุมในส่วนของนโยบายเร่งด่วน และงบประมาณที่ต้องดำเนินการ ว่าต้องทำอะไรบ้าง หากเราได้เป็นรัฐบาล เมื่อถามว่าตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ไม่ค่อยสบายต้องให้น้ำเกลือ ได้ให้กำลังใจบ้างหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ได้ให้กำลังใจกันตลอดเวลาอยู่แล้ว ท่านคงไม่เป็นอะไรมาก น่าจะอ่อนเพลีย คงไม่ใช่กังวลเรื่องผลการเลือกตั้ง

มท.–คค.ของข้าใครอย่าแตะ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า แกนนำพรรคตั้งเป้ารวบรวมเสียง ส.ส.ให้ได้ 270 เสียง แต่ด้วยตัวเลข ส.ส.กับขั้วพรรคเพื่อไทยห่างกันไม่มาก ทำให้พรรคจะดึงมาร่วมรัฐบาลมีอำนาจต่อรองสูงแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่มีข่าวขอ 4 เก้าอี้คือ รองนายกฯ กระทรวงมหาดไทยเกษตรฯ และคมนาคม นั้นโควตากระทรวงคมนาคมยากมากที่พรรคพลังประชารัฐจะยอม เพราะเป็นกระทรวงหลักที่ต้องขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนอีอีซี นโยบายสำคัญรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยงบประมาณมหาศาลที่ต้องลงทุน ถึงขั้นแกนนำรัฐบาลกำชับกระทรวงคมนาคมปล่อยให้พรรคใดไม่ได้ รวมถึงกระทรวงสำคัญๆ เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการ คลัง กระทรวงมหาดไทย พลังประชารัฐจะดูแลเอง สามารถจัดสรรให้พรรคภูมิใจไทยได้แค่กระทรวงเกษตรฯ และสาธารณสุข ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนาเบื้องต้น จะเสนอให้คุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและ 1 รัฐมนตรีช่วย

“ถาวร” รวมพลดันเลือก กก.บห.ใหม่

ส่วนปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ตัวแปรสำคัญในการฟอร์มรัฐบาล เมื่อเวลา 12.00 น.ที่โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง นายถาวร เสนเนียม ว่าที่ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นัดหารือแลกเปลี่ยนกับว่าที่ ส.ส.ใหม่และอดีต ส.ส.เข้ามาร่วมพูดคุยรวม 28 คน โดยนายถาวรเปิดเผยว่าได้นัดทานข้าวเพื่อให้กำลังใจเพื่อนพี่น้องทั้งที่ชนะและพ่ายแพ้การเลือกตั้งหารือเพื่อถอดบทเรียนจุดอ่อนจุดแข็ง ทุกคนเห็นตรงกันว่าควรให้กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่และ ส.ส.ที่ชนะการเลือกตั้ง เป็นผู้ตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของพรรค แต่ยังมีข้อกังวลว่าควรให้อดีต ส.ส.ที่แพ้เลือกตั้งมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ คนกลุ่มนี้ทำให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้คะแนนจนได้เป็น ส.ส. การประชุมรักษาการ กก.บห.วันที่ 29 มี.ค.จะเสนอให้พิจารณาแก้ข้อบังคับพรรค ให้อดีต ส.ส.โหวตเลือก กก.บห.พรรคชุดใหม่ รวมถึงแก้ระเบียบการเลือกหัวหน้าพรรคไม่ต้องทำไพรมารีโหวต ไม่อยากเห็นความขัดแย้งในพรรคอีกควรปรึกษาหารือกัน สถานการณ์ไม่เอื้อให้ทำไพรมารีโหวต แม้แต่รัฐธรรมนูญยังฉีกได้ ส่วนคุณสมบัติบุคคลที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคควรสร้างความเป็นเอกภาพและต้องปฏิรูปพรรค ไม่ขอบอกใครเหมาะสมจะขึ้นนั่งเป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคคนใหม่

แจงหนุนร่วม พปชร.ได้อันดับ 1

เมื่อถามถึงความเห็นว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับฝ่ายใด นายถาวรกล่าวว่า ส่วนตัวยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะได้คะแนนเสียงจากประชาชนมากที่สุดกว่า แต่ขึ้นอยู่กับมติของพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันตนมีวินัย เชื่อว่า กก.บห.พรรคมีมารยาทในการตัดสินใจเรื่องสำคัญของพรรค จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทาบทามหรือพูดคุยให้เข้าร่วมรัฐบาล รวมถึงยังไม่มีการเสนอ ตำแหน่งรัฐมนตรีใดๆ นายชุมพล จุลใส ว่าที่ ส.ส.ชุมพร และอดีตแกนนำ กปปส. ซึ่งสนิทสนมใกล้ชิด กับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวยืนยันว่ายังไม่มีการเจรจาหรือทาบทามต่อสายพูดคุยให้ร่วมรัฐบาล แต่พูดคุยแสดงความยินดีในฐานะเป็นเพื่อน

28 คนว่าที่ ส.ส.–ส.ส.สอบตกมาพรึบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการหารือของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ระดับรองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ว่าที่ ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ที่สอบตก รวม 28 คน อาทิ ว่าที่ ส.ส.คือ 1.นายถาวร เสนเนียม ว่าที่ ส.ส. สงขลา 2.นายชุมพล จุลใส ว่าที่ ส.ส.ชุมพร 3.นาย ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ว่าที่ ส.ส.นครศรีธรรมราช 4.น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ว่าที่ ส.ส.สมุทรสงคราม 5.น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 6.นายชัยชนะ เดชเดโช ว่าที่ ส.ส.นครศรีธรรมราช 7.น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ว่าที่ ส.ส.นครศรีธรรมราช 8. นายอันวา สาและ ว่าที่ ส.ส.นราธิวาส ส่วนอดีต ส.ส.สอบตกคือ 9.นายวิทยา แก้วภราดัย 10.นายเจือ ราชสีห์ 11.นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ 12.นพ.วรงค์ เดช–กิจวิกรม 13.นายชัยวุฒิ ผ่องแพ้ว 14.นายชุมพล กาญจนะ 15.นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี 16.นายอนุชา บูรพชัยศรี 17.นายศุภชัย ศรีหล้า 18.นายชนินทร์ รุ่งแสง เป็นต้น

กลุ่มปฏิรูป ปชป.ชง 4 ชื่อชิง หน.พรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวงหารือ มีสมาชิกบางคนอ้างเป็นกลุ่มปฏิรูปพรรคฟังความเห็นของเพื่อนสมาชิก เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าจะให้คนที่ร่วมเป็น กก.บห.รักษาการนำเสนอแนวคิดขอให้ กก.บห.ชุดใหม่และว่าที่ ส.ส.ใหม่กว่า 50 คน เป็นผู้ตัดสินอนาคตดีกว่า กก.บห.รักษาการมาตัดสิน โดยหยิบยกชื่อแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนต่อไปไว้ 4 คน คือ 1.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค 2.นายกรณ์ จาติกวนิช 3.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรค และ4.นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ แต่จะไม่ใช้การแข่งขันและทำไพรมารีโหวต จะให้พูดคุยและแสดงวิสัยทัศน์จุดยืนแต่ละคนต่อมวลสมาชิกพรรค ในการประชุมนอกรอบเวลา 13.00 น. วันที่ 29 มี.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเวทีรับฟังความเห็นเช็กเสียงแบบขอฉันทามติของพรรค เลี่ยงรูปแบบการแข่งขันของคู่แคนดิเดตที่จะสร้างความขัดแย้งแตกแยกในพรรค ล่าสุดนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ได้ขอถอนชื่อแล้ว

อดีต ส.ส.เป็นฝ่ายค้าน–ว่าที่ ส.ส.ขอซบ พปชร.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่สมาชิกพรรคส่วนใหญ่ โดยเฉพาะว่าที่ ส.ส.ต่างเห็นพ้องกับข้อเสนอที่ต้องการให้ กก.บห.ชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินอนาคตพรรค อาทิ นายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี ขั้วนายถาวร เสนเนียม ระบุว่ามาร่วมหารือในวงเพื่อนๆสมาชิกพรรคที่มีวิกฤติ เพื่อเสนอแนวทางให้ ส.ส.ของพรรคเดินทางกลับบ้านได้ เพราะถ้าหากเราไปร่วมงานกับอีกซีกที่เคยต่อสู้กะเขา จะตอบชาวบ้านในพื้นที่ได้อย่างไร แต่ถ้าเราไปเข้าร่วมกับอีกฝั่ง มันจะตรงกับใจของชาวบ้าน ส.ส.ของเราก็กลับบ้านได้ ตอบคำถามประชาชนได้ ขณะที่บรรดาสมาชิกที่เป็นอดีต ส.ส.ส่วนใหญ่อยากให้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในการตรวจสอบ เพราะเป็นจุดแข็งของพรรค ขณะที่นายวิรัช ร่มเย็น กก.บห.ชุดรักษาการ ขั้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ระบุว่าข้อเสนอต่างๆต้องพิจารณาให้รอบคอบว่ามีกฎหมายรองรับหรือไม่ และการเลือกตั้ง กก.บห.ชุดใหม่ รวมถึงหัวหน้าพรรคคนใหม่ควรเริ่มกระบวนการหลังวันที่ 9 พ.ค.ที่ กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก่อน

รุ่นเก๋าแนะสงวนท่าทีดีเลย์รอรับรอง ส.ส.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ ระดับผู้ใหญ่และผู้บริหารพรรคบางส่วนเป็นห่วงสถานการณ์มาก โดยเห็นว่าในสถานการณ์เช่นนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรรีบแสดงท่าทีใดๆออกมา ควรดึงเวลาออกไป เพื่อรักษาภาพลักษณ์พรรคไม่ให้มีการแย่งชิงอำนาจการบริหารพรรคและกุมอำนาจการเจรจาต่อรองเข้าร่วมรัฐบาล โดยเชื่อว่าข้อเสนอของกลุ่มที่นำโดยนายถาวร ที่จะยื่นข้อเสนอต่อ กก.บห.รักษาการวันที่ 29 มี.ค. จะยังไม่มีมติพรรคใดๆออกมา ต้องรอให้มีการประกาศรับรองผล ส.ส.อย่างเป็นทางการจาก กกต.ออกมาก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดประชุมใหญ่พรรคได้ เพื่อคัดเลือกหัวหน้าพรรคและ กก.บห.ชุดใหม่ ตลอดระหว่างเดือน เม.ย.จะเกิดปัญหาการช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาลที่ทั้งสองขั้วเสียงปริ่มน้ำ จะเห็นภาพการต่อรอง การซื้อตัว ส.ส.จากพรรคต่างๆ เป็นงูเห่าทางการเมือง สมาชิกพรรคจะมีเวลาตกผลึกทางความคิดได้เองว่าเมื่อถึงเวลาพรรคต้องตัดสินใจเลือกเดินไปทิศทางใด

“ลูกบัญญัติ” ลั่นขอเป็นฝ่ายค้าน

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 27 มี.ค.นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์บุตรชายนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค โพสต์เฟซบุ๊กถึงทิศทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์หลังแพ้เลือกตั้ง ว่า ในสถานการณ์แบบนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับฝ่ายใดทั้งสิ้น แต่ใช้เวลานี้ทบทวนอุดมการณ์ของพรรค ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง ด้วยสถานการณ์แบบนี้ หน้าตารัฐธรรมนูญแบบนี้ เราควรเป็นฝ่ายค้าน วันนี้ประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งแบบราบคาบ สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาแนวทางที่นำเสนอ

ชี้จุดต่างชู “ป๋า” ไม่ใช่สืบอำนาจ

“ครั้งหนึ่งเราเคยสนับสนุน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นเป็นนายกฯคนกลาง แต่นั่นเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลงโดยชื่อ พล.อ.เปรม ถูกหยิบยกขึ้นมาภายหลัง นั่นไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ พล.อ.เปรมไม่ได้เป็นนายกฯก่อนหน้านั้น ไม่ได้ถ่ายรูปติดป้ายหาเสียงกับผู้สมัคร ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกับพรรคใด ที่สำคัญท่านไม่เคยแสดงพฤติกรรมแบบคุณประยุทธ์ว่า “ไม่อยากเข้ามา แต่อยากอยู่ต่อ” มีรัฐมนตรีรับเชิญในรัฐบาลออกไปตั้งพรรคไว้รองรับ พฤติกรรมของคุณประยุทธ์และคณะคือการสืบทอดอำนาจ ระหว่างที่ใครต่อใครต่างช่วงชิงการจับขั้วตั้งรัฐบาล หากเรากลับมาทบทวนทั้งอุดมการณ์พรรค หลักการ ความไว้วางใจของประชาชน ไม่นับผลเลือกตั้งที่เริ่มจะมีข้อสงสัยกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะยังประกาศผลไม่ได้ มองไม่เห็นว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์จึงควรจะไปอยู่ในวงจรของการตั้งรัฐบาลที่มีที่มาและที่จะไปขัดกับอุดมการณ์พรรคขนาดนั้น เราควรทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็งบนหลักการและเหตุผลที่ถูกต้องของระบอบประชาธิปไตย” นายณัฏฐ์ระบุ

“อนุทิน” โวยสื่อเก่าทึกทักหนุน “ลุงตู่”

เมื่อเวลา 18.00 น. นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ นักหนังสือพิมพ์ เป็นอดีตหัวหน้าข่าวสายทหารของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า อนุทิน เสี่ยหนู หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันจุดยืนชัดเจนก่อนเดินทางไปต่างประเทศวันนี้ พร้อมหนุนลุงตู่เป็นนายกฯแน่นอน “โด้นวอรี่มายเฟรนด์”

ต่อมาเวลา 19.00 น. นายอนุทินได้แชร์ข้อความ ของนายเสริมสุขบนเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุว่าเพื่อทราบกันให้ถูกต้องนะครับ โดยเฉพาะผู้โพสต์พรรคภูมิใจไทยจะยังไม่กำหนดแนวทางหรือทิศทางใดๆในทางการเมือง จนกว่าจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจาก กกต.หลังวันที่ 9 พ.ค. ข้อความหรือข่าวสารใดๆที่ไม่ได้ออกมาจาก พรรคภูมิใจไทยจึงไม่อาจเชื่อถือได้ ยืนยันว่าจะตัดสินใจทุกสิ่งบนหลักการที่คำนึงถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและประชาชนอย่างไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดๆทั้งสิ้น คิดเป็น ตัดสินใจเป็น จะไตร่ตรองทุกสิ่งด้วยความรอบคอบที่สุด หากใครยังไม่พอใจ เที่ยวหน้าก็ไม่ต้องเลือกพรรคภูมิใจไทยครับ ขอบพระคุณ

แกนนำ ภท.ปิดปากเงียบ

ส่วนบรรยากาศที่พรรคภูมิใจไทยตั้งเเต่ช่วงเช้าตลอดจนถึงช่วงเย็นเป็นไปอย่างเงียบเหงาไม่คึกคักเหมือนหลายวันที่ผ่านมา แต่ยังมีสื่อมวลชนมารอทำข่าวบางตากว่าทุกวัน หลังจากปรากฏข่าวเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางไปต่างประเทศ ส่วนแกนนำพรรคคนอื่นๆต่างเก็บตัวเงียบไม่ได้เดินทางมาที่พรรค หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวสะพัดว่าพรรคภูมิใจไทยมีการเจรจาต่อรองกับพรรคพลังประชารัฐได้เก้าอี้รัฐมนตรีสำคัญถึง 4 ตำแหน่งคือ รองนายกฯ รมว.มหาดไทย รมว.เกษตรฯ รมว.คมนาคม แลกกับการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐในฐานะเป็นตัวแปรสำคัญ นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้ พยายามโทรศัพท์สอบถามไปยังแกนนำหลายคน แต่ทุกคนยังปิดปากเงียบ ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์ทั้งสิ้นเกี่ยวกับจุดยืนของพรรค รวมถึงกรณีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ว่าเป็นความจริงหรือไม่

“บิ๊กตู่” เพลียให้น้ำเกลือนั่งทำงาน

สำหรับความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยไม่มีกำหนดการประชุมใดๆอย่างเป็นทางการตลอดทั้งวัน ขณะที่เมื่อเวลา 10.50 น. เพจเฟซบุ๊ก Gen.prayut Chan-o-cha โพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์นั่งทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ให้น้ำเกลือไปด้วยที่บนมือด้านซ้าย พร้อมข้อความว่า “แอบถ่าย ...อุ้ย!!!...เติมพลัง...แข็งแรงๆครับเจ้านาย”ด้าน พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯเปิดเผยว่า นายกฯอ่อนเพลีย เนื่องจากลงพื้นที่ติดต่อกัน ไม่มีเวลาพักผ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยหนัก จึงให้แพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ามาให้น้ำเกลือบนห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ปริมาณ 1000 มิลลิลิตร ทั้งนี้นายกฯเป็นห่วงสภาพจิตใจประชาชนที่เฝ้าติดตามข่าวการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการเมือง ขณะที่ กกต.ยังไม่ได้ประกาศผลอย่างเป็นทางการ ขอความร่วมมือสื่อมวลชนนำเสนอข่าวระดับที่เหมาะสม ลดความเครียดหรือความวิตกกังวลของประชาชน ไม่อยากให้นำปัญหาทางการเมืองซึ่งยังเป็นเรื่องอนาคตมาถกเถียงกันให้สับสน ขัดแย้งไม่สิ้นสุด ควรเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง รู้จักแยกแยะได้ว่าสิ่งที่ฝ่ายการเมืองทำอยู่ขณะนี้มีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงอย่างไร

สุขใจนำพาสู่เลือกตั้งดังสัญญา

พ.อ.อธิสิทธิ์กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ขอให้สถาบันทางสังคม ทั้งครอบครัว สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน ร่วมกันพัฒนาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ปลูกฝังศีลธรรมตามคำสอนของศาสนาที่ทุกคนเคารพนับถือ เพื่อสร้างสังคมสงบสุขปลอดภัยอย่างยั่งยืน คนไทยทุกช่วงวัยต้องรักสามัคคีกัน ศรัทธาในสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยความรู้และคุณธรรม พิทักษ์ รักษาสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของเราต่อไป เพื่อทำให้ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกัน วันนี้ยังมีคลื่นใต้น้ำที่นับว่าเป็นอันตราย อย่างยิ่งต่อบ้านเมือง อาจเกิดจากไม่รู้หรือไม่เจตนา

ด้าน พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า นายกฯฝากขอบคุณสื่อมวลชนและประชาชนทุกคนที่ห่วงใยสุขภาพ ขณะนี้นายกฯมีความสุขแข็งแรงดี เป็นธรรมดาที่คนมีอายุทำงานหนัก ต้องเติมพลังบ้าง ยืนยันยังแข็งแรง 100 เปอร์เซ็นต์ ตาหายเป็นปกติแล้ว สุขภาพใจก็ดี มีความสุขที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยด้วยดีตามรัฐธรรมนูญและได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้คือนำพาสู่การเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญ ขอขอบคุณคนไทยทุกคน

ยกนิ้วโป้ง–ไอเลิฟยูแจกหวานสื่อ

ต่อมาเวลา 14.20 น. นายกฯถอดสายน้ำเกลือ แล้วบันทึกเทปรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เทปสุดท้ายก่อนยุติจัดรายการที่จะออกอากาศวันที่ 29 มี.ค. เสร็จแล้ว ได้ลงมายืนหน้าตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมคณะทำงาน ดูคนสวนตัดแต่งกิ่งไม้อยู่บนสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกล่าวขอบคุณที่ช่วยกันทำงาน ก่อนหันมาขอบคุณผู้สื่อข่าวที่เป็นห่วงสุขภาพ ผู้สื่อข่าวสอบถามอาการเป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “เป็นธรรมดาของคนแก่ ขอบคุณที่เป็นห่วง ตอนนี้ต้องเติมน้ำมันหน่อย เป็นธรรมดาเพราะมันตันหมดแล้ว แต่แข็งแรง ดีแล้ว” พร้อมทำท่าชกลมโชว์แข็งแรงดีแล้ว ก่อนกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า บอกขอไปทำงานต่อ กระทั่งเวลา 16.40 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางกลับออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนขึ้นรถ นายกฯยิ้มโบกมือทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู และยกนิ้วโป้งให้ผู้สื่อข่าวหลังถูกถามแข็งแรงดีขึ้นหรือยัง โดยไม่ตอบคำถาม

“บิ๊กป้อม” เมิน “ทักษิณ” กองเชียร์ ปชต.

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ทวิตเตอร์ดีใจกับประเทศไทยที่ฝ่ายประชาธิปไตยรวบรวมเสียงได้เกินครึ่งหนึ่งของที่นั่งในสภา ขอเป็นเพียงกองเชียร์ให้ประเทศกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยว่าขณะนี้การนับคะแนนยังไม่เรียบร้อย ถามว่าจะไป จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร ต้องรอให้ กกต.นับคะแนนให้เรียบร้อยก่อน หลังวันที่ 9 พ.ค. ค่อยว่ากัน ขณะนี้ก็มีความปรองดองกันอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการเลือกตั้ง สถานการณ์ขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งเรื่องการเมือง กระแสในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะการล่ารายชื่อถอดถอน กกต.ออกจากตำแหน่ง กระแสในโซเชียลมีเดียเชื่อว่าควบคุมได้ สำหรับกรณีที่คณะกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหารมีมติถอดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากศิษย์เก่าดีเด่น โรงเรียนเตรียมทหาร เรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาว ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของคณะกรรมการฯ จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นหรือไม่ตนไม่ทราบ ส่วนทำไมเพิ่งจะมาดำเนินการขณะนี้ก็ไม่ทราบ ต้องไปถามคณะกรรมการฯ

รบ.อยู่จน ครม.ใหม่ถวายสัตย์

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอถอดถอน กกต. จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้หรือไม่ ว่า ไม่ขอตอบ ไม่ทราบตอบไม่ถูก แม้รัฐธรรมนูญเปิดทางให้มีการเข้าชื่อเสนอถอดถอน กกต.ได้ แต่กระบวนการยาวไกล เริ่มจากรวบรวมรายชื่อ 2 หมื่นคนเสนอต่อประธานรัฐสภาส่งให้ประธานศาลฎีกาตั้งผู้ไต่สวนอิสระพิจารณาว่าจะถอดถอนหรือไม่ เมื่อถามว่า ข้อผิดพลาดของ กกต. เช่น บัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์ที่ไม่นำมานับเป็น คะแนน จะต้องมีคนรับผิดชอบหรือไม่ นายวิษณุ ระบุว่า ไม่ตอบ ไม่ทราบ เมื่อถามว่า หากพรรคการเมืองยังรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ รัฐบาลนี้จะอยู่ไปถึงเมื่อใด นายวิษณุตอบว่า ครม.จะต้องอยู่ต่อไปจนกว่า ครม.ชุดใหม่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่รู้ว่าเมื่อใด ไม่มีกรอบกำหนด

ผบ.สส.เชื่อมีรัฐบาลข้างมากจนได้

ที่กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ภายหลังการประชุมผู้บัญชาการทางทหาร มี ผบ.เหล่าทัพและ ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุม พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวว่าต้องขอขอบคุณทุกพรรคการเมืองได้ทำให้เรียบร้อยทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ในฐานะเลขา คสช. ได้คลายความกังวล ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็ป ผลการเลือกตั้งติดตามดูเป็นไปปกติ การพยายามรวมเสียงเป็นรัฐบาลขอให้เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง เมื่อถามว่า หากการเลือกตั้งไม่ได้ข้อสรุปที่ดีจะเกิดรัฐประหารหรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า เราอย่าไปตั้งเป้าว่าจบไม่ดี คนไทยต้องคิดบวก อุตส่าห์เดินทางตามโรดแม็ปมาถึงขั้นนี้แล้ว ขอให้ กกต.ประกาศยืนยันผลเป็นทางการทุกอย่างจะมีการฟอร์มรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ในที่สุดจะสามารถมีรัฐบาลที่ได้เสียงข้างมากจนได้

ซัดอดีตนายกฯไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง

พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร มีมติถอดชื่อนายทักษิณออกจากการเป็นศิษย์เก่าดีเด่น เรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาวว่าเป็นมติที่ประชุมคณะกรรมการศิษย์เก่าฯ รางวัลเกียรติยศผู้รับต้องรักษาเกียรติไว้ สิ่งที่รบกวนจรรยาบรรณและหลักนิยมของทหารคือ การใดก็ตามที่เป็นการจาบจ้วงไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ ถึงเวลาต้องตัดสินใจ ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ฮ่องกง เป็นเรื่องทั่วๆไป เมื่อข้อมูลมาถึงจุดหนึ่งต้องดำเนินการ เราเลือกระยะ เวลาที่เหมาะสม ไม่อยากให้ส่งผลกระทบไปเรื่องการเมือง

ม.นเรศวรตั้งโต๊ะลงชื่อสอย กกต.

ที่ตึกคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นิสิตกลุ่มรักประชาธิปไตยตั้งโต๊ะให้นิสิตร่วมลงชื่อถอดถอน กกต.ผ่านเว็บไซต์ change.org/ec โดยนำแผ่นกระดาษมาให้นิสิตเขียนแสดงความคิดเห็นหัวข้อ “คุณอยากเห็นอะไรหลังจากการเลือกตั้ง” เพื่อรวบรวมไปเป็นคำแถลงต่อพรรคการเมือง มีกลุ่มนิสิตที่สนใจลงชื่อและแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง อาทิ 5,800 ล้าน ควรได้ดีกว่านี้ คะแนนพลิกอยู่พรรคเดียว อยากให้ กกต.มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ขณะที่นายรัฐพล ก้อนคำ นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า กิจกรรมนี้เพื่อให้นิสิตรู้ว่าสามารถมีส่วนร่วม สามารถเปลี่ยนแปลงหรือผลักดันเกี่ยวกับการเมืองการปกครองได้ โดยจะเปิดรับความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 3 เม.ย. จากนั้นจะนำไปแถลงการณ์ต่อไป

ยอดถอด กกต.กระฉูด 8 แสน

เมื่อเวลา 19.00 น. เว็บไซต์ change.org ที่เปิดแคมเปญร่วมกันลงชื่อถอดถอน กกต.ภายใต้หัวข้อ “ขออำนาจพลังประชาชนร่วมกันลงชื่อสนับสนุนแคมเปญล่ารายชื่อถอดถอนกรรมการการเลือกตั้งที่ส่อแววทุจริตและมีข้อครหามากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย” มีประชาชนเข้าร่วมลงชื่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วทั้งสิ้น 802,550 คน

แนะใช้ ม.44 นับบัตรกีวี

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต กกต.โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งถึงทางออกกรณีบัตรเลือกตั้งจากประเทศนิวซีแลนด์ 1,542 ใบ หัวข้อ “บัตรนิวซีแลนด์อีกรอบ” ว่า “เมื่อถึงวันนี้ทางออกคือ มาตรา 44 ทางเดียว กล้าไหม ใช้ให้เป็นประโยชน์ ให้โปร่งใส กกต.ไม่ต้องทำผิดกฎหมายหรือกลัวเปิดออกมาแล้วผลจะเปลี่ยน”

จี้ทบทวนรางวัลสิงห์ดำให้ “ธวัชชัย”

วันเดียวกัน นายชยานันท์ มาปิตา นายกสโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยื่นหนังสือถึงนายกสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาฯ ขอให้ทบทวนการประกาศชื่อนายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กรรมการ กกต.เป็นนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาฯดีเด่น สาขาองค์กรอิสระของรัฐและองค์การมหาชน ประจำปี 2561 ที่ประกาศไปในวันที่ 21 มี.ค. และจะเข้ารับรางวัลในงานสิงห์ดำสัมพันธ์วันที่ 30 มี.ค.เนื่องจากมีการวิพากษ์วิจารณ์การจัดการเลือกตั้งของ กกต.เป็นจำนวนมากและข้อกล่าวหาต่างๆ ยังไม่ได้รับข้อยุติ อาจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงไม่เป็นผลดี ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังฝ่ายธุรการของคณะอนุกรรมการสรรหาฯ เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า ยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการหรือได้รับการติดต่อจากนายชยานันท์ เพียงเห็นการเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเท่านั้น หากได้รับหนังสือไม่แน่ใจว่าจะสามารถทบทวน ได้ทันการมอบรางวัลในวันที่ 30 มี.ค. หรือไม่



'แม้ว'ไม่รู้จักที่ตํ่าที่สูง ผบ.ทสส.เผยเหตุคืนจักรดาว ยํ้า'คสช.'ยุติไปตามโรดแมป

    ผบ.เหล่าทัพหน้ากระดานเรียงหนึ่งแถลงข่าว! ผบ.ทสส.เผยเหตุเรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาวเพราะ "ทักษิณ" จาบจ้วง ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ลั่นคนไทยต้องคิดบวกไม่มีรัฐประหาร ไม่สืบทอดอำนาจ คสช.ไปตามโรดแมป ย้ำพระบรมราโชวาท ร.9 ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง 
    เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ภายหลังการประชุมผู้บัญชาการทางทหาร ซึ่งมี ผบ.เหล่าทัพและ ผบ.ตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กล่าวถึงจุดยืนของกองทัพต่อบทบาทและหน้าที่ในการปกป้องสถาบันหลักของชาติว่า จุดยืนของทหารตำรวจไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความอยู่ดีมีสุขของประชาชน 
    ส่วนบทบาทความเป็น คสช.และความเป็นแม่น้ำ 5 สาย จะมีโรดแมปตามระยะเวลา ก็ไม่มีเรื่องใดที่ต้องกังวล การบริหารงานของรัฐบาลในเวลาต่อไปเป็นไปตามตัวบทกฎหมายและรัฐธรรมนูญที่กำหนด
    เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ผบ. เหล่าทัพวิเคราะห์อย่างไรบ้างหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว พล.อ.พรพิพัฒน์ตอบว่า ช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณทุกพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องที่ได้ทำให้เกิดความเรียบร้อย ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาฯ คสช. ได้คลายความกังวล เพราะทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป ผลของการเลือกตั้งเท่าที่ได้ติดตามในฐานะประชาชน ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความปกติ ส่วนความพยายามที่จะรวมเป็นรัฐบาลโดยคะแนนข้างไหนนั้น ขอให้เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง 
    "ทหารตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความสงบและป้องกันเอกราชอธิปไตยของประเทศชาติต่อไปปกติ ทั้งนี้ ทหารตำรวจเป็นส่วนราชการ เป็นกลไกทางราชการที่ต้องปฏิบัติงานตามคำสั่งของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดก็ตาม เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดที่จะมาทำหน้าที่ในการเป็นรัฐบาล   ทหารและตำรวจต้องปฏิบัติตามนโยบายและแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการไว้"
    เมื่อถามว่า ในฐานะที่กองทัพเป็นส่วนหนึ่งของคสช. แค่ 7 พรรคการเมืองลงสัตยาบันหยุดสืบทอดอำนาจ คสช.และปฏิรูปกองทัพ ผบ.ทสส.ตอบว่า คสช.ต้องยุติไปตามโรดแมปอยู่แล้ว เมื่อเลือกตั้งและตั้งรัฐบาลความเป็น คสช.ก็พ้นไปโดยธรรมชาติ ตนไม่เห็นว่าจะมีโอกาสที่จะเป็นการสืบทอดอำนาจตามวาทะที่ได้พูดในระยะนี้ ไม่มีอะไรที่จะเป็นเรื่องน่ากังวล 
    ในส่วนที่ถามเกี่ยวกับการปรับปรุงพัฒนากองทัพ ถ้าคำสั่ง แนวทาง นโยบายแห่งรัฐ เป็นเรื่องที่คิดใคร่ครวญอย่างเหมาะสมแล้วที่ทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคง เสถียรภาพ ไม่ถูกรุกรานจากประเทศภายนอก ทุกอย่างจะปรับได้ตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบายให้กับกองทัพและตำรวจปฏิบัติ
    ถามว่าจะสามารถทำตามพระบรมราโชวาท คือให้คนดีมาปกครองบ้านเมืองได้หรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์ระบุว่า นี่คือสิ่งที่เป็นความเร่งด่วนที่สุด ที่กองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พยายามจะพูดในทุกครั้งและทุกโอกาส การดำเนินการทุกประการตามแนวพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ถือว่ามีความลึกซึ้งและเป็นปรัชญาสูงสุด เราไม่สามารถทําให้ทุกคนเป็นคนดี แต่เราเลือกคนดีเข้ามาบริหาร มีอำนาจได้ แล้วเราทุกคนในสังคมต่างๆทหารตำรวจพยายามยึดมั่นในแนวปฏิบัติอันนี้ คือพยายามให้ทุกคนก็ตามที่เป็นคนดีขึ้นมาเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชา
    ซักว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก กองทัพมีจุดยืนอย่างไร ผบ.ทสส.ตอบว่า กองทัพและ สตช.อยู่ภายใต้รัฐบาลมาเป็นร้อยปี อยู่ภายใต้การนำของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยมาทุกแบบ เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหาว่ากองทัพจะปฏิบัติงานภายใต้รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีท่านใด
    เมื่อถามว่า หากการเลือกตั้งไม่ได้ข้อสรุปที่ดี จะเกิดการรัฐประหารหรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์แย้งว่า   อย่าไปตั้งเป้าว่าจบไม่ดี คนไทยต้องคิดบวก เราอุตส่าห์เดินทางตามโรดแมปมาถึงขั้นนี้แล้ว จนมีการเลือกตั้งคะแนนก็ได้ผลการเลือกตั้ง ขอให้ กกต.ประกาศยืนยันผลเป็นทางการทุกอย่างก็จะมีการฟอร์มรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ซึ่งในที่สุดก็จะสามารถมีรัฐบาลที่ได้เสียงข้างมากจนได้
    พล.อ.พรพิพัฒน์ยังกล่าวในฐานะประธานมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร (รร.ตท.) ถึงกรณีคณะกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเตรียมทหารมีมติถอดชื่อนายทักษิณ ชินวิตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากการเป็นศิษย์เก่าดีเด่น และเรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาวที่ได้รับเมื่อปี 2534 ว่า ถือเป็นมติที่ประชุมคณะกรรมการศิษย์เก่า รร.เตรียมทหาร มีผู้แทนจากรุ่นต่างๆ เป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการ ถือเป็นเรื่องภายใน ซึ่งรางวัลนี้เป็นรางวัลเกียรติยศ ผู้รับก็ต้องรักษาเกียรตินั้นไว้ ถ้ามีข้อมูลในทางใดที่ผู้รับไม่สามารถรักษาเกียรติไว้ได้ก็ต้องเรียกคืน 
    เมื่อถามถึงสาเหตุในการเรียกคืนรางวัล ผบ.ทสส.ชี้แจงว่า สื่อมวลชนและคนไทยอาจทราบข้อมูลตรงนั้นอยู่จากเว็บไซต์และโลกโซเชียลในหลายแห่ง แต่สิ่งที่รบกวนจรรยาบรรณและหลักนิยมของทหาร คือการใดก็ตามที่เป็นการจาบจ้วง ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ ตรงนั้นก็ถึงเวลาที่จะต้องตัดสินใจ
    ส่วนเหตุใดจะต้องมาถอดชื่อในช่วงนี้นั้น พล.อ.พรพิพัฒน์ระบุว่า ก็มีช้ามีเร็วได้ ก็เป็นเรื่องปกติ อยู่ที่ว่าช่วงใดที่เราจะดำเนินการ ก็ต้องดำเนินการให้จบกระบวนการขั้นตอนไป 
    ถามว่า เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ฮ่องกงหรือไม่  ผบ.ทสส.ยืนยันว่า “ไม่ครับ เป็นเรื่องทั่วๆ ไป เมื่อข้อมูลมาถึงจุดจุดหนึ่งที่ต้องดำเนินการอย่างไร เราก็เลือกระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่อยากให้ส่งผลกระทบเรื่องในการเมือง
    เมื่อถามว่ากรณีของนายทักษิณ เป็นครั้งแรกหรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์ตอบว่า ส่วนใหญ่ผู้ได้รับรางวัลเขาก็รักษาเกียรติแห่งรางวัลนั้นไว้ได้ทุกคน
    "ศิษย์เก่าเตรียมทหารก็เป็นทหารและตำรวจ ซึ่งเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน ที่มีมาตรฐานทางจริยธรรม โดยเฉพาะมาตรฐานในความจงรักภักดี ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่เรายึดถือ จะรู้และระมัดระวัง ไม่ล่วงเกินทางใดทางหนึ่ง ผู้ใดล่วงละเมิดล่วงเกิน อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า ไม่รู้ว่าอะไรสูงอะไรต่ำ มาตรการทางใดทางหนึ่ง อันนี้ก็จะเป็นมาตรฐานที่คนไทยทุกคนพึงปฏิบัติ" ผบ.ทสส.กล่าว
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของคณะกรรมการฯ ส่วนกรณีนี้จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ  
     พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ขอให้สถาบันทางสังคม ทั้งครอบครัว สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน ร่วมกันพัฒนาการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ปลูกฝังศีลธรรมตามคำสอนของศาสนาที่ทุกคนเคารพนับถือ เพื่อสร้างสังคมที่สงบสุข ปลอดภัยอย่างยั่งยืน 
    “นายกฯ เน้นย้ำว่าคนไทยทุกช่วงวัยทุกอาชีพ ทั้งเด็ก เยาวชน คนทำงาน ผู้สูงอายุ ต้องมีความรักสามัคคีกัน ศรัทธาในสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยความรู้และคุณธรรม โดยพิทักษ์ รักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของเราต่อไป เพราะวันนี้ยังมีคลื่นใต้น้ำที่นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อบ้านเมือง ซึ่งอาจเกิดจากความไม่รู้หรือไม่เจตนา”พ.อ.อธิสิทธิ์กล่าว.


วีนคะแนนป่วนตั้งรัฐบาล

    “กกต.” เปิดตัวเลขผลเลือกตั้ง 100%อย่างไม่เป็นทางการแล้ว ยันมีตัวเลขเขย่งบ้างไม่ใช่เรื่องแปลก พปชร.กวาด 8,433,137 คะแนน ส่วนเพื่อไทย 7,920,630 คะแนน “สนธิรัตน์” แถลงทันทีมั่นใจจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล “ภูมิธรรม” หัวร้อนอัดผลสุดเลอะเทอะ เปลี่ยนแปลงรายวันทำแผนยึดทำเนียบฯ ป่วน “ช่อ ส้มหวาน” สบช่องตีกิน บอก “เสี่ยหนู” เคยลั่นวาจาไม่ต่อเวลา คสช. ซึ่งประชาชนจับตาดูอยู่ “บิ๊กตู่” แนะประชาชนอย่าหมกมุ่นเรื่องจับขั้วมากนัก 
    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ แถลงผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่า กกต.มีมติที่ 33/2562 ลงวันที่ 25 มี.ค.62 ให้เปิดเผยผลคะแนนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ภายหลังได้รับการรายงานผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 100% จากสำนักงาน กกต.จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการรายงานเฉพาะ ส.ส.แบบแบ่งเขต และคะแนนรวมของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่ง ส.ส.แบบแบ่งเขตมีผู้สมัครทั้งสิ้น 11,181 คน แต่ถูกตัดสิทธิ์สมัครไป 572 คน คงเหลือผู้สมัคร 10,609 คน และผลคะแนนของพรรคการเมือง 81 พรรค 
    นายกฤชแถลงว่า จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งนี้มีทั้งสิ้น 51,239,638 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 38,268,375 คน หรือคิดเป็น 74.69% ผู้ไม่มาใช้สิทธิ 12,971,263 คน หรือ 25.31% ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากการแถลงของนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ในวันที่ 24 มี.ค. เนื่องจากขณะนั้นเป็นการนับคะแนนที่ 94% ส่วนจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ไปมีทั้งสิ้น 38,268,366 ใบ แยกเป็นบัตรดี 35,532,647 คิดเป็น 92.85% บัตรเสีย 2,130,327 ใบ หรือคิดเป็นร้อยละ 5.57 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 605,392 ใบ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.58
    สำหรับคะแนนของพรรคการเมือง 100% โดยพรรคที่มีคะแนนซึ่งนำมาคำนวณเป็นเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) มีประมาณ 30 พรรค อาทิ 1.พรรคพลังประชารัฐ 8,433,137 คะแนน 2.พรรคเพื่อไทย 7,920,630 คะแนน 3.พรรคอนาคตใหม่ 6,265,950 คะแนน 4.พรรคประชาธิปัตย์ 3,947,726 คะแนน 5.พรรคภูมิใจไทย 3,732,883 คะแนน 6.พรรคเสรีรวมไทย 826,530 คะแนน 7.พรรคชาติไทยพัฒนา 782,031 คะแนน 8.พรรคเศรษฐกิจใหม่ 485,664 คะแนน 9.พรรคประชาชาติ 485,436 คะแนน 10.พรรคเพื่อชาติ 419,393 คะแนน 11.พรรคพลังประชาชาติไทย 416,324 คะแนน 12.พรรคชาติพัฒนา 252,044 คะแนน 13.พรรคพลังท้องถิ่นไท 213,129 คะแนน 14.พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 136,597 คะแนน และ 15.พรรคพลังปวงชนไทย 81,733 คะแนน พลังชาติไทย 73,869 คะแนน (อ่านรายละเอียดหน้า 4)
    นายกฤชยังอธิบายถึงกรณีจำนวนผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกับยอดบัตรที่ใช้ 9 ใบ ว่าอาจเกิดการเขย่งในจำนวนผู้มาใช้สิทธิกับบัตรที่ใช้ ซึ่งมีสาเหตุกรณีผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปแสดงตนใช้สิทธิ แต่ไม่รับบัตรเลือกตั้ง แล้วเดินออกจากหน่วยเลือกตั้งไป เพราะมีหน่วยเลือกตั้งกว่า 92,000 หน่วย ส่วนกรณีบัตรดีไม่ตรงกับการคำนวณคะแนนรวมของทุกพรรคการเมืองนั้น ก็อาจมีสาเหตุมาจากนับบัตรที่หน่วยเลือกตั้งที่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบกับคะแนนรวม เพราะคะแนนมีการนับและเขียนไว้อย่างชัดเจนที่กระดานในหน่วยเลือกตั้งของทุกหน่วย ซึ่งความผิดพลาดไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ที่ผ่านมาพบการเขย่งของบัตรเช่นนี้เหมือนกัน
“พปชร.”มั่นใจกวาดชัย
    ทันทีที่ กกต.แถลงตัวเลขคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ 100% นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ถือเป็นความชัดเจนครั้งที่ 1 ที่ทำให้รู้ว่าเราจะมีจำนวน ส.ส.เท่าไร แต่ยังไม่ขอเปิดเผย รวมถึงได้ประเมินจำนวน ส.ส.ในส่วนของพรรคการเมืองอื่นๆ ที่คิดว่าจะจับมือกับพรรคจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเคยพูดคุยกันแล้ว สำหรับคะแนนของพรรคที่ได้อันดับหนึ่งนั้น ทำให้พรรคมั่นใจว่าจะรวมเสียงและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนกระบวนการเจรจาแล้วรวบรวมเสียงนั้น ก็จะเดินหน้าไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ เนื่องจากยังต้องรอการประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการจาก กกต. เพราะอาจมีข้อร้องเรียนจนนำไปสู่การให้ใบเหลือง-ใบแดงได้
นายสนธิรัตน์ยังปฏิเสธไม่ทราบข่าวว่าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ต่อรองตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงเกรดเออีก 3 กระทรวง ว่าไม่ทราบ และพรรคก็ยังไม่มีการประสานพูดคุยกับ 6 พรรคการเมืองที่ไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ทราบว่า 6 พรรคดังกล่าวจะเปลี่ยนใจหรือไม่
“ในวันที่ 29 มี.ค. เวลา 11.00 น. พรรคจะประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อประเมินสถานการณ์หลัง กกต.ประกาศผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ 100%” นายสนธิรัตน์กล่าว
    ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรค พปชร. กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า เร็วไปที่จะพูดถึง ต้องรอ กกต.รับรองผลอย่างเป็นทางการ อาจต้องใช้เวลาอีก 1 เดือนตามกรอบรัฐธรรมนูญ ส่วนที่พรรค พท.ลงนามสัตยาบันกับอีก 5 พรรคก็เป็นการช่วงชิงกระแส ถือเป็นสีสัน แต่ดูเหมือนว่ายังไม่สมบูรณ์เพียงพอ เพราะเสียงค่อนข้างจะปริ่มๆ 250 เสียง 
    นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคอีสาน พรรค พปชร. กล่าวในประเด็นนี้เช่นกันว่า พรรคการเมืองที่ไปพูดคุยกับพรรค พท.มีการรวบรวม ส.ส.ได้ 253 เสียง แต่ถ้าไปดูตัวเลขจริงๆ จากหน้าหนังสือพิมพ์ ก็เห็นชัดเจนว่าคะแนนไม่ถึง เพราะฉะนั้นไม่ทราบว่าอีกฝ่ายหนึ่งพยายามทำเพื่อให้เกิดความชอบธรรม โดยทำให้ตัวเลขเกิน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วตัวเลขไม่ถึง
อัดตัวเลขกกต.เลอะเทอะ
    ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลขที่ประธาน กกต.แถลงเมื่อวันที่ 24 มี.ค. กับการที่ กกต.แถลงวันที่ 28 มี.ค.ไม่ตรงกัน ล่าสุดพบว่ามีผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพิ่มมากว่า 3 หมื่นคน ถือเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้น และตัวเลขผู้มาใช้สิทธิก็เพิ่มขึ้น 4.4 ล้านเสียง ถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก กกต.ต้องทำตัวเลขออกมาให้ชัด ไม่ใช่เปลี่ยนไปตามอำเภอใจในแต่ละวัน เพราะมีผลไปถึงผลการเปลี่ยน ส.ส.ของแต่ละพรรค การที่องค์กรระดับชาติเปลี่ยนตัวเลขเช่นนี้ ถือเป็นความเลอะเทอะ 
“กกต.เป็นผู้จัดการเลือกตั้งทั้งระบบ แล้วยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นได้ นานาประเทศจะเชื่อมั่นได้อย่างไร แล้วจะไปพูดอะไรไปถึงการตั้งรัฐบาล เพราะจะกลายเป็นว่าเป็นรัฐบาลที่ล้มเหลวไม่มีความน่าเชื่อถือ เป็นรัฐบาลที่ล้มละลายไปแล้วกับกระบวนการจัดการเลือกตั้ง” นายภูมิธรรมกล่าว
    ที่ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. แถลงภายหลังการประกาศผลคะแนนเลือกตั้ง 100% อย่างไม่เป็นทางการของ กกต.เช่นกันว่า ต้องขอขอบคุณประชาชนทั่วประเทศที่มอบคะแนนเสียงมากกว่า 6.2 ล้านเสียงให้พรรค ส่งผลให้ อนค.มี ส.ส.เขตที่ 30 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากการคำนวณไม่ต่ำกว่า 50 คน หรือจะมี ส.ส. 80 คนขึ้นไป แต่ต้องรอดู กกต.ว่าจะเคาะคะแนนเสียงต่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คนเท่าไร และจะมีใบเหลือง-ใบแดงให้ ส.ส.ของพรรคและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเท่าไร
    “เรายืนยันว่าพรรคไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง หรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งมีโอกาสยากมากที่จะได้ใบเหลืองหรือใบแดง แต่หากได้รับจริง เราพร้อมเลือกตั้งซ่อม และเชื่อว่าประชาชนจะเทคะแนนให้เรามากกว่าเดิม มีแต่จะเพิ่มขึ้น และเผลอๆ นอกจากจะได้จำนวน ส.ส.เขตเพิ่มขึ้นแล้ว จำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของเราอาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย เรายินดีจะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในสนามเลือกตั้ง” น.ส.พรรณิการ์กล่าว  
    น.ส.พรรณิการ์ยังกล่าวถึงการลงนามสัตยาบัน 6 พรรคว่า มี ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 255 ที่นั่ง ซึ่งยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด พรรคขอเชิญชวนทุกพรรคการเมืองที่เคยให้สัญญากับประชาชนไว้ว่าพร้อมต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ และต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. มาร่วมกับ 6 พรรคการเมือง ซึ่งประชาชนเฝ้าดูท่านอยู่ว่าใครจะยืนอยู่ฝั่งประชาธิปไตย หรืออยู่ฝั่งสืบทอดอำนาจของ คสช. นี่คือเวลาประวัติศาสตร์ที่ท่านต้องตัดสินใจ   
'ช่อ'ตีกินบีบ'อนุทิน' 
    “นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ระบุว่าเป็นคนรักษาคำพูดว่าจะอยู่กับประชาธิปไตย ก็จะเชื่อมั่นในตัวนายมิ่งขวัญ รวมถึงพรรคภูมิใจไทย ที่ระบุจะไม่เอาการสืบทอดอำนาจของ คสช. ก็มั่นใจว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะทำตามคำที่เคยสัญญาไว้” น.ส.พรรณิการ์กล่าว และว่า ส่วนกระแสเรื่องงูเห่าของพรรค อนค.นั้น เชื่อมั่นในตัวว่าที่ ส.ส.ทุกคน เพราะไม่เคยมีการซื้อหรือดูดตัว แต่ยอมรับว่าอาจเป็นไปได้ และมีความพยายามดูดตัว ซึ่งเชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคยึดโยงด้วยอุดมการณ์ ยากที่จะมีใครถูกดึงตัวไป ซึ่งในสุดสัปดาห์นี้ พรรคจะจัดอบรมว่าที่ ส.ส. เพราะทุกคนล้วนเป็นหน้าใหม่ และมีการลงนามอุดมการณ์ทางการเมืองร่วมกัน เช่น การทำให้เกิดรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน ซึ่งไม่ใช่การบังคับ 
    นายยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ โพสต์เฟซบุ๊กกรณีหลายฝ่ายพยายามจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ว่า รัฐบาลแห่งชาติ ภาคประชาชนฝั่งหนึ่งตั้งรัฐบาลได้ แต่บริหารไม่ได้ ฝั่งหนึ่งบริหารได้ แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ อย่ายอมรับกติกาที่บิดเบี้ยว ส.ส.ถูกซื้อเป็นงูเห่า ต้องช่วยกันปลดล็อกด่วนก่อนมีการยึดอำนาจ ทั้งนี้ ภาคประชาชนเท่านั้นที่ต้องร่วมกันเยียวยาเสรีภาพ ถ้า ส.ส.ท่านใดที่เห็นด้วยออกมายืนด้วยกันตรงนี้ หลังจากนั้นลงมติหาประธานสภาฯ หานายกฯ ตั้ง ครม.ฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน ช่วงนี้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย พร้อมติดติดแฮชแท็ก #อย่าอยู่แบบเลือกข้าง #ขอให้อยู่เพื่อประเทศของเรา #เอามีชัยไปลอยกระทงกันเถอะ
    ส่วนนายถาวร เสนเนียม ว่าที่ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่า พรรคควรไปร่วมงานกับพรรค พปชร. เพราะได้คะแนนเสียงจากประชาชนมากที่สุด แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับมติพรรค ซึ่งยืนยันว่ามีวินัยพรรค และเชื่อว่ากรรมการบริหารพรรคมีมารยาทในการตัดสินใจ โดยขณะนี้ยังไม่มีใครทาบทามหรือพูดคุยให้ร่วมรัฐบาล รวมถึงยังไม่มีการเสนอตำแหน่งรัฐมนตรี
    นายเชาว์ มีขวด รองโฆษกพรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีกระแสบีบให้พรรค ปชป.ต้องเลือกข้างสนับสนุนพรรคใดระหว่างพรรค พท.กับพรรค พปชร.เพื่อตั้งรัฐบาล ว่าทุกคนไม่ควรดิ้นรนหรือดันทุรังให้มากนัก ดังนั้นกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลจึงยังไม่ต้องเร่งรีบ เพราะยังมีตัวแปรอีกหลายอย่างที่จะทำให้ตัวเลข ส.ส.ไม่นิ่ง เช่น เรื่องใบเหลือง ใบแดง ใบส้ม ที่อาจเกิดขึ้นก่อนประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
    นายสำราญ รอดเพชร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า การจัดตั้งรัฐบาลยังอีกยาวไกล ต้องหลังวันที่ 9 พ.ค.ทุกอย่างจึงจะเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถ้าไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค หรือเกิดภาวะเดดล็อก เราจะได้รัฐบาลชุดใหม่ในเดือน มิ.ย. ซึ่งการแถลงข่าวลงสัตยาบันของ 6 พรรคการเมืองโดยอ้างว่ามีพรรคที่ 7คือพรรคเศรษฐกิจใหม่ด้วยรวม 255 เสียง เมื่อวันที่ 27 มี.ค. จึงเป็นแค่เกมการเมืองธรรมดาๆ ที่ไม่มีอะไรในกอไผ่มากไปกว่าการประกาศรวมกลุ่มโดยอวดอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เป็นการตีกินทางการเมือง จะได้โวยวายในภายหลังหากตัวเลขลดลง 
ปล่อยภาพอ้อนแม่ยก
    “หากจะให้คาดหมายการจัดตั้งรัฐบาล ผมยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง และจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่จะมีเสถียรภาพแค่ไหนอย่างไรนั้น ขอดูกันฉากต่อฉากดีกว่า น่าเสียวไส้อยู่ไม่น้อย” นายสำราญระบุ
    สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น พบว่าเฟซบุ๊ก Gen.Prayut Chan-o-cha ทีมงานได้โพสต์ภาพแอบถ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งกำลังนั่งทำงานภายในห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ที่มือด้านซ้ายด้วย พร้อมข้อความว่า “แอบถ่าย...อุ้ย!!! ....เติมพลัง...แข็งแรงๆครับเจ้านาย”
พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ ชี้แจงถึงภาพดังกล่าวว่า นายกฯ ได้ฝากขอบคุณสื่อมวลชน และพี่น้องประชาชนทุกคนที่ห่วงใยสุขภาพ ซึ่งขณะนี้มีความสุขแข็งแรงดี เป็นธรรมดาที่คนมีอายุทำงานหนักก็ต้องเติมพลังบ้าง ยืนยันยังแข็งแรง 100% ตาก็หายเป็นปกติแล้ว สุขภาพใจก็ดีมีความสุข ที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยด้วยดีตามรัฐธรรมนูญ และได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ คือนำพาสู่การเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ขอขอบคุณคนไทยทุกคน
    ด้าน พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ มีอาการอ่อนเพลียธรรมดา แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยหนัก จึงให้แพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ามาให้น้ำเกลือบนห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า 1 กระปุก ซึ่งก่อนหน้านี้นายกฯ เคยทำเช่นนี้ในช่วงเดินทางไปต่างประเทศบ่อยและติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะพักผ่อนน้อย จึงป้องกันไม่ให้ป่วย
    ต่อมาเวลา 14.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินออกมาจากห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ภายหลังบันทึกเทปรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะทำงานได้ออกมายืนอยู่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อดูการทำงานของคนสวนที่กำลังตัดแต่งกิ่งไม้ที่สนามหญ้า และตอบคำถามถึงกรณีภาพให้น้ำเกลือว่า เป็นธรรมดาของคนแก่ ขอบคุณที่เป็นห่วง ตอนนี้ก็เติมน้ำมันหน่อย เป็นธรรมดา มันตันหมดแล้ว ต้องเติมน้ำมัน แต่แข็งแรงดีแล้ว 
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ยกมือทำท่าชกมวย เพื่อแสดงความกระฉับกระเฉง พร้อมกล่าวว่า “ขอขอบคุณอีกครั้ง ขอไปทำงานต่อแล้ว”  
“บิ๊กตู่”แนะเพลาการเมือง
    พ.อ.อธิสิทธิ์ยังกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นห่วงสภาพจิตใจของพี่น้องประชาชนที่เฝ้าติดตามข่าวการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการเมือง ในขณะที่ กกต.ยังไม่ได้ประกาศผลอย่างเป็นทางการ โดยขอความร่วมมือสื่อมวลชนนำเสนอข่าวในระดับที่เหมาะสม เพื่อลดความเครียดหรือความวิตกกังวลของประชาชน เนื่องจากขณะนี้ใกล้เข้าสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.เป็นต้นไป
    "นายกฯ อยากให้ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่คนไทยมีความสุข ความสามัคคี ประเทศชาติมีความสงบ ส่วนรัฐบาลยังคงต้องทำหน้าที่ต่อไปเพื่อดูแลแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน โดยไม่อยากให้นำปัญหาทางการเมืองซึ่งยังเป็นเรื่องของอนาคตมาถกเถียงกันให้เกิดความสับสนหรือขัดแย้งไม่สิ้นสุด และควรเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย และรู้จักแยกแยะได้ว่าสิ่งที่ฝ่ายการเมืองทำอยู่ในขณะนี้มีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงอย่างไร” พ.อ.อธิสิทธิ์กล่าว
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีการจับขั้วการเมืองว่า การนับคะแนนยังไม่เรียบร้อย จะไปจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร ต้องรอให้ กกต.นับคะแนนให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งหลังวันที่ 9 พ.ค. ค่อยว่ากัน ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่ กกต.ไม่เปิดเผยผลคะแนนการเลือกตั้ง 100% เรื่องนี้ต้องไปถาม กกต.
“จะฝากเรื่องอะไร ทุกอย่างขอให้รอวันที่ 9 พ.ค. ขณะนี้ก็มีความปรองดองกันอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการเลือกตั้ง”
    พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ กล่าวถึงวาทกรรมเรื่องประชาธิปไตยและเผด็จการว่า ถ้าเราลดเรื่องวาทกรรมเหล่านี้ลงบ้างก็คงจะดี น่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศ อยากให้ทุกคนมองผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ถ้าไปใช้วาทกรรมให้เกิดความเกลียดชัง เกิดการแบ่งแยก แตกแยกกัน ก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับประเทศไทย 
    นายประพันธ์ คูณมี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง อดีตแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โพสต์เฟซบุ๊กในเรื่องนี้ว่า วาทกรรมฝ่ายประชาธิปไตย กับฝ่ายเผด็จการเป็นทั้งการหลอกลวงและบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ไร้ยางอาย เป็นการไม่เคารพสิทธิของประชาชน เป็นการใช้ตรรกะและปรัชญาแห่งความชั่วร้ายต่ำทรามทางการเมือง เป็นการเมืองที่สามานย์และเป็นการแบ่งแยก สร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน อันเป็นพฤติการณ์ที่ถนัดของสมุนระบอบทักษิณ ที่เคยสร้างปัญหาป่วนเมือง สร้างความแตกแยกในสังคม เผาประเทศตนเองมาแล้วนั่นเอง
    “หากจะกล่าวกันอย่างตรงไปตรงมาในรอบกว่า 10 ปีมานี้ คงไม่มีระบอบการเมืองใดที่ชั่วร้ายเลวทรามยิ่งไปกว่าระบอบทักษิณ เพราะเนื้อแท้ของการเมืองระบอบนี้ เป็นทั้งเผด็จการ+เผด็จโกง ซึ่งระบอบเช่นนี้ต่างหากอันตรายน่ากลัว มิใช่การเมืองอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ขณะนี้ ผมจะไม่ยอมรับพวกอ้างประชาธิปไตยบังหน้า แต่ต้องการฟื้นการเมืองสามานย์ของระบอบทักษิณให้กลับมาอีกครั้ง” นายประพันธ์กล่าว.

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2562

'คุณหญิงหน่อย' ตั้งข้อสังเกต บัตรเกิดใหม่ในหีบ "แบบนี้ก็ได้เหรอคะ"

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ โพสต์ตั้งข้อสังเกตหลัง กกต. เปิดเผยตัวเลขดิบ 100 เปอร์เซ็นต์ พบผู้มาลงคะแนนเพิ่มอีกเกือบห้าล้าน
"หลังปิดหีบลงคะแนน 24 มี.ค. 21.30น. กกต.แถลงผลการลงคะแนนว่ามีผู้มาใช้สิทธิ์ 65.96% รวมจำนวน 33,775,230 คน
"28 มี.ค. 14.50น. กกต.แถลงอีกครั้ง ผู้มาใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้นเป็น 74.69% จำนวนเพิ่มเป็น 38,268,375 คน
คุณหญิงสุดารัตน์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทยโพสต์เป็นคำถาม
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวที่ติดตามการประกาศคะแนนดิบของ กกต. วันนี้ หลายรายได้ตั้งข้อสังเกตหลายประการ คิือ
1. กกต.แถลงวันนี้ เร็วกว่ากำหนดเดิมคือพรุ่งนี้
2. ตัวเลข ที่ตัวแทนกกต.มาแถลงไม่ตรงตัวเลขเอกสาร กกต.ขอให้ใช้ตามที่แถลง และได้แจกเอกสารที่อัพเดทถูกต้องใหม่ ขณะที่เอกสาร ไม่ปรากฏชื่อพรรคการเมืองในลำดับที่ 47 ประชาสัมพันธ์แจ้งว่า นั่นคือพรรคประชาไทย
3.ตัวเลขคะแนนรวมทุกพรรค ไม่ตรงตัวเลขบัตรดี
4.ตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ ไม่ตรงตัวเลขบัตรที่ใช้
5. ที่สำคัญคือ ตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งวันนี้ ไม่ตรงกับตัวเลขที่แถลงเมื่อ 24 มีนาคม 
ทั้งนี้ มีตัวเลขในวันที่ 24 มี.ค. กับวันที่ 28 มี.ค. ที่ไม่ตรงกันอย่างสำคัญ 3 จุดคือ
จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง วันที่ 24 มี.ค. 51,205,624 วันที่ 28 มี.ค. 51,239,638 เพิ่มจากเดิม 34,014
ผู้มาใช้สิทธิ วันที่ 24 มี.ค.33,775,230 วันที่ 28 มี.ค. 38,268,375 เพิ่มจากเดิม 4,493,145
ร้อยละของผู้มาใช้สิทธิ วันที่ 24 มีนาคม 65.96% วันที่ 28 มีนาคม 74.69% เพิ่มจากเดิม 8.73% 

55503484_2199861606931169_5479388941159235584_n.jpg
เลขาธิการพรรคเพื่อไทยเรียกร้อง กกต.เปิดเผยผลคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้ง
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ภาพรวมตัวเลขทั้งของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง คลาดเคลื่อนและต่างกันมาก จากที่ กกต. เคยแถลงเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ซึ่งถือเป็นความผิดปกติ ทั้งที่ควรจะมีความชัดเจนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว และยังยืนยันข้อเรียกร้องเดิมคือ ขอให้ กกต. เปิดเผยผลคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งประกาศทางออนไลน์ให้ประชาชน ซึ่งเป็นการพิสูจน์การทำหน้าที่ด้วยความ บริสุทธิ์ ยุติธรรมของ กกต.และจะเรียกความเชื่อมั่นให้ กกต.และประเทศชาติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายกับการเลือกตั้งสกปรกเมื่อปี 2500 ซึ่งจะทำลายความเชื่อมั่นและเกียรติภูมิของประเทศด้วย 
"ไม่ต้องไปพูดถึงการจัดตั้งรัฐบาล เพราะวาระนี้ กกต. ต้องให้ความชัดเจนก่อน หากการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม รัฐบาลใหม่ล้มเหลวหรือล้มละลายไปแล้ว จากกระบวนการเลือกตั้งครั้งนี้ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน" เลขาธิการพรรคเพื่อไทยยัง กล่าว

จิตวิญาณประชาธิปัตย์

· 
ความอยาก ความกระสัน ไม่เคยปรานีใคร..!
เพราะทำให้คนทำได้ทุกอย่าง
ทำให้เห็นธาตุแท้ของคนๆนั้น
ซึ่งทำได้แม้กระทั่งทำลายจิตวิญญาณของตนเอง
เจตนารมณ์และจิตวิญญาณประชาธิปไตยที่อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ปักลงไปในอุดมการณ์ประชาธิปไตยของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเรื่องที่ทรงคุณค่ายิ่ง เป็นความภาคภูมิใจของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะทำให้พรรคประชาธิปัตย์แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ นั้นคือ กระบวนการหยั่งเสียงหัวหน้าพรรค โดยให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคได้โดยตรง
ซึ่งผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจากสมาชิกพรรคทั่วประเทศก็จะได้รับการเลือกเป็นหัวหน้าพรรคโดยมีคณะผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกกรรมการบริหารพรรคตามข้อบังคับพรรคที่กำหนดไว้ ลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคตามผลการหยั่งเสียง
ดังการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคที่ผ่านมาในช่วงปลายปี 2561
นี้คือจิตวิณญาณความเป็นประชาธิปไตยที่อดีตหัวหน้าพรรคได้สร้างไว้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์
แต่เมื่อมีสมาชิกบางท่านซึ่งกำลังรวบรวมผู้คนเพื่อเข้าร่วมรัฐบาลได้เสนอขอให้แก้ข้อบังคับพรรคข้อนี้ เพื่อให้การเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นการเลือกกันเองเฉพาะ ส.ส. กรรมการบริหารพรรค ประธานสาขาพรรค ฯลฯ ตัดการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคออกไป ไม่ให้สมาชิกพรรคมีส่วนในการลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรค มองไม่เห็นคุณค่าของสมาชิกพรรคแสนกว่าคนในปัจจุบัน เหมือนที่พรรคการเมืองอื่นๆเขาทำกัน
ทำไมถึงต้องทำขนาดนั้น ?
ทำไมต้องการทำลายเจตนารมณ์อันดีงามของอดีตหัวหน้าพรรค ? ซึ่งมุ่งมั่นทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองของสมาชิกที่แท้จริง สมาชิกพรรคเป็นเจ้าของพรรคจริงๆ
ท่านอยากมีอำนาจ
ท่านอยากเป็นรัฐบาล นั้นพอเข้าใจได้
แต่ไม่ควรอยากมากจนถึงขนาดต้องทำลายจิตวิญญาณประชาธิปไตยของตนเอง
อย่าให้ถึงขนาดต้องทำลายจิตวิญญาณประชาธิปไตยของพรรคประชาธิปัตย์เลย
ไทกร พลสุวรรณ
28 มีนาคม 2562