PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2562

โกัสสถานการณ์ป่วนลากเข้าทางตัน


ย่างเข้าเมษายนเดือนแห่งความร้อนแล้ง

โดยเฉพาะภาคเหนือกำลังวิกฤติหนัก จากหมอกควันพิษเกินมาตรฐานระดับสีแดงเพราะไฟป่า

ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนต้องเผชิญปัญหาสุขภาพ โรคระบบทางเดินหายใจ ในสถานการณ์ที่กระเทือนถึงธุรกิจท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ห้างร้านเงียบไม่มีคนเดิน แขกยกเลิกจองที่พัก

ผวาภาวะหมอกควันพิษอยู่ในระดับอันตราย

อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางวิกฤติก็มีข่าวน่าชื่นใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้ อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือที่กำลังประสบปัญหาหมอกควันไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน

รวมทั้งทรงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนเสียสละ

วิกฤติควันพิษไฟป่าหน้าแล้งกำลังสร้างหายนะอย่างรุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือ

ในสถานการณ์ที่ควันไฟจากชนวนการเมืองก็ลุกโขมง ตามปรากฏการณ์ที่ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาคำราม “สัญญาณพิเศษ”

ปล่อยวาทะร้อน “ซ้ายจัดดัดจริต”

อย่าคิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง

พร้อมกันนั้น ผบ.ทบ.ยังเปิดคิวให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศประจำประเทศไทย ประกอบด้วย CNN, AFP, NHK, EPA, Japanese News Agency, ABC Australia, CNA Singapore ฯลฯ ประกาศจุดยืนกองทัพชัดให้รับรู้กันทั่วโลก

ยอมไม่ได้ให้คนไทยไปต่อสู้กันบนถนนอีก

ทุกคนต้องยอมรับกติกา คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ 9 พฤษภาคม ซึ่งนายกรัฐมนตรีพยายามควบคุมให้ทุกอย่างแฟร์

ส่วนจะแฟร์หรือไม่แฟร์อยู่ที่ตัวบุคคล เมื่อคนแพ้ไม่พอใจก็หาเรื่อง

เรื่องของเรื่อง โดยอาการ “เทกแอ็กชัน” แรงๆของจ่าฝูงกองทัพบกก็สอดคล้องต่อเนื่องกับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออก “สารนายกรัฐมนตรี” ขอให้ประชาชนร่วมใจกันปกป้องบ้านเมืองไม่ให้วุ่นวายอีก

ระบุชัด มีผู้ไม่หวังดีบางกลุ่มใช้โซเชียลมีเดียบิดเบือนข้อเท็จจริง

และโดยจังหวะสถานการณ์ขยับออกตัวแรงๆของ “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กแดง” มันก็โยงกันพอดีกับปรากฏการณ์ทางกระแสควันหลงจากการเลือกตั้ง ที่พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ และแนวร่วมชิงแถลงจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล

อ้างเสียงข้างมากเกินครึ่งสภา ภายหลังรู้ตัวเลข ส.ส.อย่างไม่เป็นทางการ

แต่ก็เป็นได้แค่ “รัฐบาลลม” เพราะตัวเลขไม่ชัวร์

นั่นก็ทำให้แรงกระแทกไหลไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลายเป็นตำบลกระสุนตก โดนรุมถล่มหนัก สารพัดข้อหา ทั้งบกพร่อง ตุกติก จัดเลือกตั้งไม่โปร่งใส

ประกาศผลเลือกตั้งไม่ทันใจพวกที่รอลุ้นจับขั้วรัฐบาล

โดยเฉพาะสถานการณ์ปลุกกระแสถอดถอน กกต.ในโซเชียลมีเดียที่ล้อไปกับการเคลื่อนไหวขององค์กรนิสิตนักศึกษาหลายสถาบันที่เคลื่อนไหวออกแถลงการณ์กดดัน กกต.

เล่นกระแสข่าวกันวันต่อวัน ลามต่อกันเป็นโดมิโน

ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ากระบวนการโละ กกต.จะทำอย่างไร ที่สำคัญจะพานให้เลือกตั้งติดล็อกหรือไม่

และนั่นก็เข้าเหลี่ยมการเมืองขั้วตรงข้าม คสช. ฝั่งของพรรคเพื่อไทยที่พยายามแห่กระแส ชิงความชอบธรรมในการพลิกขั้วอำนาจ ชิงจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับทีมหนุน “นายกฯลุงตู่”

ถ้าสู้ในเกมชิงตัวเลขไม่ได้ก็แห่ทุบ กกต. เพื่อลามถึงความ

ชอบธรรมของรัฐบาลพลังประชารัฐ

ภาพดูเหมือนกลุ่มอำนาจเก่าทีมดูไบ ได้โอกาสโหนนักศึกษารุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนมวลชนแทนแกนนำม็อบหน้าเก่าๆ ที่ต้องโทษอยู่ในเรือนจำ

สำนึกบาป ติดคุกเข็ดหลาบกันหมดแล้ว

แนวโน้ม “นายใหญ่” เลยเต็มใจมอบธงให้แกนนำรุ่นใหม่อย่าง “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้า กับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เป็นแกนขับเคลื่อนหลัก

แทนทีมคุมเกมมวลชนเก่าที่หมดกระแส ไม่เหลือสภาพการใช้งาน

สถานการณ์ค่อยๆชัดเจนขึ้นโดยอัตโนมัติ “ธนาธร–ปิยบุตร” คือหัวหอกฝ่ายต้าน คสช. ที่ “นายใหญ่” ถ่ายโอนสรรพกำลังในขุมข่ายพรรคเพื่อไทยให้เป็นแนวร่วมกองหนุน

ในห้วงที่เครือข่าย “ทักษิณ” โดนไล่ใกล้จนกระดานเต็มที

และนี่ก็เป็นเหตุที่ฝ่ายความมั่นคงต้องขยับ รับมือกับจุดเสี่ยงของคนไม่มีอะไรจะเสีย ไม่มีหลักประกัน อะไรที่ไม่คาดคิด เกมป่วนไร้ทิศทางยากต่อการคาดหมาย

ประกอบกับ “ทัศนคติอันตราย” ของ “ธนาธร” กับ “ปิยบุตร”

หลักฐานชุดความคิดที่แสดงออกต่อสาธารณะในหลายช็อตหลายเวทีของหัวหอกพรรคอนาคตใหม่ในอดีตหมาดๆ มันมีเหตุให้รัฐบาล กองทัพ ตลอดจนประชาชนคนรักสถาบันพากันหวาดระแวง

สงครามแฝงของพวกล้มล้างการปกครอง

ประวัติศาสตร์การเมือง ไหนจะพวกอ่อนไหวต่อข้อมูลบิดเบือนโซเชียลมีเดีย

เสพข้อมูลแค่ 2-3 บรรทัดแล้วเชื่อทันที

โดยเฉพาะในห้วงบรรยากาศพระราชพิธีสำคัญ ทุกอย่างควรอยู่โหมดสงบ เพื่อโชว์ความสวยงามให้ทั่วโลกได้เห็นความยิ่งใหญ่ของโบราณราชประเพณี วัฒนธรรม ที่ยาวนานของประเทศไทย

ในรอบเกือบ 70 ปี บางคนชั่วชีวิตอาจได้เห็นแค่ครั้งเดียว

สัญญาณแรงๆของ “บิ๊กแดง” ก็คือการปรามให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบชั่วคราว

เรื่องของเรื่อง โดยเงื่อนไขสถานการณ์ในทางยาวๆ มันก็ไม่น่าจะมีอะไรรุนแรงถึงขั้นล้มเกมคว่ำกระดาน ถ้า กกต.สามารถเคลียร์ปมที่สังคมกังขา ไม่ให้ลามเป็นความไม่เชื่อมั่นต่อองค์กร

เข้าทางพวกจ้องจุดชนวน “น้ำผึ้งหยดเดียว”

ลุกเป็นไฟวิกฤติความขัดแย้งของสังคมรอบใหม่

แบบที่ล่าสุด กกต.ได้จัดให้มีการนับคะแนนและ ลงคะแนนใหม่ในเขตเลือกตั้งที่มีปัญหา

หรือที่นายประพันธ์ นัยโกวิท อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและอดีต กกต.ยืนยันภายหลังการหารือกับกรรมการที่ปรึกษากฎหมาย กกต. กรณีการคำนวณสูตร ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 วรรคท้าย

หลักคิดของรัฐธรรมนูญมุ่งให้ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย

ในชั้นกรรมาธิการยกร่างกฎหมายลูกได้นำตารางการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อมาพิจารณา ดูหมดว่าถ้ากรณีไม่มีโอเว่อร์แฮงก์จะทำอย่างไร หรือมีโอเว่อร์แฮงก์จะคิดคำนวณอย่างไร หากต้องประกาศ ส.ส.ที่ร้อยละ 95 เพื่อให้เปิดประชุมสภาได้จะคิดอย่างไร จนเขียนออกมาเป็น มาตรา 128 และมาตรา 129

ตารางการคำนวณมีอยู่หมดแล้ว โดยมาตรา 128 ให้ กกต.เป็นผู้คิด

และมีอยู่ “สูตรเดียว” เท่านั้น ส่วนกรณี 12 พรรคเล็ก ที่ได้ปาร์ตี้ลิสต์พรรคละ 1 คน อยู่ในสูตรที่มีอยู่ในกรรมาธิการฯ และมีปรากฏมานานแล้ว

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ยืนยัน กกต.หารือกับกรรมการร่างรัฐธรรมนูญถูกแล้ว อำนาจการตัดสินอยู่ที่ กกต. ถ้าใครไปฟ้องศาล ศาลวินิจฉัยว่าเป็นอำนาจ กกต. ศาลก็จำหน่ายคดี

เป็นไปไม่ได้ที่มันจะตัน ปัญหาอยู่ที่เราคิดว่าเป็นทางออกที่คนเชื่อหรือไม่

สรุปถ้าทำใจเป็นกลาง ชั่งน้ำหนักข้อมูล ไม่ไหลตามเกมแห่ในโซเชียลฯ สถานการณ์มันจะไม่ลุกลาม

และตามรูปเกม โดยสถานการณ์จับขั้วจัดตั้งรัฐบาลก็พอจะมองเห็นภาพได้ ภายหลังฝั่งพรรคเพื่อไทยจับขั้วรวมเสียงได้แค่ “รัฐบาลลม” เพราะเสียงไม่ชัวร์

ระดับความชัวร์จึงไหลมาทางฝั่งพรรคพลังประชารัฐมากกว่า

ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญที่เอื้อให้จากเสียงต้นทุน 250 ส.ว. ขอแค่อีก 126 เสียง ส.ส.ก็โหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตีตั๋วต่อนายกรัฐมนตรีได้

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ยึดแป้นนายกรัฐมนตรีได้ดุลอำนาจการเมืองก็จะเพิ่มตามสถานะ

จังหวะเอื้อกับสถานการณ์รวบรวมเสียงข้างมากในสภา โดยธรรมชาตินักการเมืองอาชีพใครก็อยากอยู่ฝั่งรัฐบาล แปะข้างฝาได้กับเสียงของพรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ในปีกของ กปปส. พรรคเล็กๆเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน

หรือมองโลกแง่ร้ายสุด “ลุงตู่” ยอมเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ถึงจังหวะยุบสภา

นั่นก็จะวัดใจนักเลือกตั้งอาชีพทุกยี่ห้อทุกป้อมค่าย ที่เพิ่งเหนื่อยรากเลือด เปลืองทุน เปลืองแรงกันมายังไม่ทันได้พักหายใจหายคอ จะต้องลงสนามกันใหม่

จับอาการว่าที่ ส.ส.เพื่อไทยที่ไม่ยอมลงชื่อในสัญญาลาออกถ้าขัดมติพรรค หรืออารมณ์ของลูกทีมอนาคตใหม่ที่รู้ดีว่าโอกาสถูกหวยเป็น ส.ส.ตามกระแสแค่รอบเดียว

แค่นี้ก็เดาทางได้ “งูเห่า” รอปากรู แทบไม่ต้องไล่ต้อน

ดูตามรูปการณ์ ตั้งสติมองทะลุฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจาย

มันก็ไม่ได้มีอะไรซีเรียสซักเท่าไหร่ ในเมื่อถึงจุดที่รู้ตัวเลขชัวร์ๆ กกต.ก็คือคนถืออำนาจ โดยมีกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเป็นตัวช่วยยืนยันเจตนารัฐธรรมนูญ

การจับขั้วตั้งรัฐบาลก็เดินหน้าได้ทันทีหลังพระราชพิธี

ตามคิวประกาศ ส.ส.ร้อยละ 95 เงื่อนไขสถานการณ์เข้าทางฝั่งพลังประชารัฐและแนวร่วมมากกว่า

โดยรูปการณ์ เมื่อมันยังมีทางออกโดยการเดินตามรัฐธรรมนูญอย่างชอบธรรม มีกฎหมายรองรับ ประเทศ

กำลังกลับเข้าสู่โหมดประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งตามโรดแม็ป

เว้นแต่พวกไม่ได้ผลอย่างใจ ไม่ยอมรับกติกา สร้างวาทกรรมเผด็จการโกง ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง

ป่วนกระดาน ลากเข้าทางตัน.

“ทีมการเมือง”



ไม่มีความคิดเห็น: