PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ทางตันของ”ประยุทธ์2″?





TOPSTORY 31/5/62

ทางตันของ”ประยุทธ์2″?

คิงเพาเวอร์ชนะประมูลดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ



คิงเพาเวอร์ชนะประมูลดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ

ปฎิวัติหลอน!ทบ.แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพลอาวุธยุทโธปกรณ์กลับที่ตั้งหลังฝึก

31พ.ค.62-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตลอดทั้งวันมีการเผยแพร่ภาพรถบรรทุกทางทหารเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ และกำลังทหาร บริเวณถนนพหลโยธิน ช่วงจังหวัดกำแพงเพชร มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานครจำนวนหลายคัน เผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดียจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และเกรงว่าจะมีการรัฐประหารหลังจากที่จัดตั้งรัฐบาลยังไม่ลงตัวที่
กองทัพบกจึงได้แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์และยานพาหนะกลับที่ตั้งหน่วย หลังเสร็จจากทำการฝึกเป็นหน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของ ทบ. ประจำปี 2562 ในวันที่ 30พ.ค. 62 ณ พื้นที่สนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย  โดยใช้เส้นทาง ได้แก่
- จาก  กรมทหารราบที่ 14จ.ตาก  และสนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3  อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย  ปลายทาง กรมทหารราบที่ 31รักษาพระองค์ฯ  จ.ลพบุรี  
- จาก กรมทหารราบที่ 14 จ.ตาก  และสนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3อ.บ้านด่านลานหอย  จ.สุโขทัย   ปลายทาง กองพันทหารม้าที่ 27กองพลทหารม้าที่ 2รักษาพระองค์ จ.สระบุรี
- จาก กรมทหารราบที่ 14จ.ตาก    และสนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย เข้าสู่ กทม. ผ่าน ถ.วิภาวดีรังสิต ถ.แจ้งวัฒนะ ปลายทาง กองพันทหารช่างที่ 1 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์  กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5และกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 7กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1ชุดควบคุมการส่งกำลังและซ่อมบำรุง กองพลาธิการ และ กองสรรพาวุธเบา กองพลที่ 1รักษาพระองค์
- จาก กรมทหารราบที่ 14จ.ตาก    และสนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย   ปลายทาง กองพันข่าวกรองทางทหาร ค่ายกำแพงเพชรอัครโยธินจ.สมุทรสาคร   
- จาก กรมทหารราบที่ 14จ.ตาก และสนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 3อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย  ปลายทาง กองบัญชาการช่วยรบที่ 1อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
จึงขอแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบและขออภัยในความไม่สะดวก

เขี้ยวชนเชี้ยว

น้ำมีจุดเดือดต่ำ ส่วนน้ำมันมีจุดเดือดสูง แต่ทั้งน้ำและน้ำมันเมื่อเจอความร้อนได้ที่ถึงจุดเดือดเมื่อไหร่ รับรองได้ร้อนฉ่าเดือดพล่านระเบิดเถิดเทิง

ฉันใดก็ฉันนั้น เปรียบได้กับอารมณ์มนุษย์ ถ้าโดนทุบโดนถอง โดนกดดันหนักๆจนถึงจุดเดือด ก็ต้องมีปฏิกิริยาตอบโต้กลับอย่างรุนแรงเช่นกัน

เหมือนอย่างล่าสุด ในห้วงการต่อรองโควตารัฐมนตรีของพรรคการ เมืองที่แตะมือหลวมๆอยู่กับขั้วพรรคพลังประชารัฐ ก่อนจะตกลงเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล

เริ่มมีอาการขมึงเกลียวอาละวาดฟาดงวงฟาดงาออกมาให้เห็นกันโต้งๆ

เมื่อพรรคตัวแปรสำคัญ อย่าง พรรคภูมิใจไทย เปิดดีลทางลับกับ “ผู้มีบารมี” นอกพรรคพลังประชารัฐ จองเก้าอี้ รมว.คมนาคม รมว.สาธารณสุข และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา บวกรองนายกฯ และ 4 รัฐมนตรีช่วยว่าการ

ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เจรจาลับกับ “ผู้มีบารมี” นอกพรรคพลังประชารัฐเหมือนกัน ทำให้มั่นใจว่าจะได้เก้าอี้ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.พาณิชย์ และ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

พร้อมเก้าอี้รองนายกฯ และ รมช.อีก 4 กระทรวง ไม่รวมตำแหน่งประธานสภาฯที่คว้าไปครองก่อนหน้านี้

นัยว่าเป็นสินสอดหมั้นหมาย แลกกับการยกพลเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ หนุน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย

แต่แผนนี้มีอันต้องสะดุดกึก เพราะแกนนำ ส.ส.ก๊กใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ไม่เออออห่อหมกด้วย

ที่แน่ๆคือ กลุ่มสามมิตร ภายใต้การนำของ 3 ส. สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน และ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มองว่า พรรคตัวแปรเขี้ยวเกินเหตุ

หวังฮุบกระทรวงเกรดเอ และกระทรวงเศรษฐกิจ ผ่านผู้มีบารมีนอกพรรค

ข้ามหน้าข้ามตา ข้ามหัว ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ที่นั่งกันหัวโด่

แม้พยายามเจรจาต่อรองแลกเปลี่ยน ขอคืนกระทรวงคมนาคมจากพรรคภูมิใจไทย และกระทรวงเกษตรฯจากพรรคประชาธิปัตย์ เอามาจัดสรรกันใหม่

แต่ก็ไม่เป็นผล เหมือนอ้อยกำลังจะเข้าปากช้าง ย่อมง้างคืนลำบากเป็นธรรมดา

สุดท้าย เมื่อถึงจุดเดือด แกนนำ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เลยหันไปใช้แผนหักงวงไอยราประกาศเปรี้ยง

การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ต้องผ่านความเห็นชอบจากกรรมการบริหารพรรคซะก่อน และต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม อีกกระทอก!!!

ขณะที่ “ลุงตู่” รับมุกทันควัน บอกคนที่จะเป็นนายกฯ ต้องพิจารณารายชื่อรัฐมนตรีที่แต่ละพรรคเสนอมา

“ไม่ใช่เสนอใคร ก็ให้เป็นรัฐมนตรีตะพึดตะพือ” ประโยคนี้ “ลุงตู่” ไม่ได้พูด แต่ “พ่อลูกอิน” พูดเองนะคุณโยม!!!

แต่ที่แสบสุด ก็คือ “เดอะตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ป่าวประกาศเป็นนัย ถ้าการจัดตั้งรัฐบาลไม่สามารถตกลงกันได้

ก็อาจนำไปสู่การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และหากจำเป็น นายกฯก็มีอำนาจยุบสภา

การเจรจาตั้งรัฐบาลจะวงแตกหรือไม่ ยังไม่รู้

แต่เมื่อเขี้ยวมาก็ต้องเจอเขี้ยวกลับ สมน้ำสมเนื้อกันจริงๆ แสบสันมั้ยล่ะทั่นมหา???

“พ่อลูกอิน”

แบบฝึกหัดมิติการเมือง

การเมืองหลังการเลือกตั้ง ด้วยกฎกติการัฐธรรมนูญกำหนด จะบอกว่า “ประชาธิปไตยครึ่งใบ-เผด็จการครึ่งซีก” อะไรก็ช่าง วันนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. น่าจะได้รู้แล้ว

สั่งซ้าย บางทีก็ไม่ไปซ้าย สั่งขวา–พลิกซ้ายสวนทางกันเลยก็มี

เป็นบทเรียนแรกในโหมดประชาธิปไตยของว่าที่ผู้นำ

ประเดิมตั้งแต่แมตช์ฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลของขั้วพรรคพลังประชารัฐ วุ่นฝุ่นตลบในห้วงต้นวสันตฤดู คิวที่ไม่พ้น “บิ๊กตู่” ต้องเข้ามาเคลียร์มาเคาะ อย่างที่หลุดปาก “จะดูการจัดคนจัดโผเอง”

เรื่องของเรื่อง หลังเห็นแรงกระเพื่อมภายในพรรคพลังประชารัฐ นั่งร้านสั่นสะเทือน “บิ๊กตู่” ต้องเปิดฟลอร์เล็ก ให้คีย์แมนแกนนำค่ายพลังประชารัฐ หยิบยกปัญหามากางพูดคุยกัน

สรุปคือ ในมิติการเมืองจะเล่นบท “พี่มีแต่ให้” อย่างเดียวไม่ได้

โฟกัสที่เก้าอี้ที่ปักหมุดต้องยึดไว้ในค่ายหลัก พปชร. นอกจากกลาโหม มหาดไทยแล้ว กระทรวงพาณิชย์–เกษตรฯ–คมนาคม ที่มีกระแสข่าวว่าพี่ใหญ่ ระดับผู้มากบารมีไปยอมรับการเจรจาการเมือง

ยกให้ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย เลือกหยิบชิ้นปลามันกันสะดวก

ที่สำคัญเก้าอี้ที่ส่อหลุดไป ล้วนเป็นเกรดเอบวก สำหรับปั่นงานปั่นเรตติ้งให้คนค่าย พปชร. ในพื้นที่ฐานเสียงทั่วประเทศ ถ้าไม่ให้ค่าเป็นแค่พรรคเฉพาะกิจ

3 กระทรวงหลัก กระทรวงยุทธศาสตร์ “ปล่อยไม่ได้”

เวทีรับฟังเลกเชอร์การเมืองจบลง ขมวดปมตามพาดหัวข่าว “3ป.ถอย ยอม 3 ส. เกลี่ยโผ”

ทั้งนายกฯ “ป.ปลา ประยุทธ์” ต่อด้วย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม รวมทั้ง “พี่รอง” อย่าง “ป.ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย คล้อยตามเหตุผลที่แว่วดังมาจากปีก 3 ส. สามมิตร “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน”

ได้เวลาล้างโผเดิม เริ่มต้นเจรจา เกลี่ยเก้าอี้กันใหม่

เข้าสูตรเสียงแข็งคน พปชร. ทุกเงื่อนไขต้องดึงกลับเข้าฟลอร์คณะกรรมการบริหารพรรคตามระบบและเป็นหน้าที่ของ “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรค–“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรค รวมไปถึงบิ๊กๆ 3 ส. แกนนำพรรค เป็นคณะตัวแทนอย่างเป็นทางการ

ทั้งในบทเถ้าแก่ ควบตัวแทนเจรจาเงื่อนไขเก้าอี้

เอาเป็นว่า เมื่อแรงกระเพื่อมใน พปชร.เคลียร์จบ แต่คิวการฟอร์มทีมจัดโผตั้งรัฐบาลก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ โดยเฉพาะปมที่ว่า เก้าอี้เกรดเอบวกที่จ่อยึดคืน จะมีอะไรแลกเปลี่ยนการสู่ขอพรรคร่วมรัฐบาล

ทั้งกระทรวงพาณิชย์–เกษตรฯ เมื่อไม่ให้ แล้วจะเคลียร์กับประชาธิปัตย์อย่างไร หรือจะยืนกรานให้เท่าที่ให้ได้ เมื่อประชาธิปัตย์ได้เก้าอี้ใหญ่ นั่งประธานสภาฯไปแล้ว เช่นเดียวกัน เมื่อกระชากคมนาคมคืนจากภูมิใจไทย จะตอบแทนด้วยเก้าอี้ไหนถึงสมน้ำสมเนื้อ

โผ รมต.รอบใหม่ไม่ง่ายที่จะลงล็อก คิวโหวตนายกฯยังต้องลุ้นต้องเลื่อนไทม์ไลน์ไปจากวันที่ 4 มิ.ย.อีกหรือไม่

แต่ที่โยนปัญหากลับ แรงกระเพื่อมน่าจะพลิกถาโถมไปสู่พรรคประชาธิปัตย์ ที่เล่นเกมเขี้ยวไล่ขี่ พปชร. มาตลอด จนตอนนี้ต้องตั้งรับหมาก “เกมมา ก็เกมกลับ” ถูกลากจังหวะเล่นยาว

อีกทางฟาร์มงูเห่าก็เริ่มถูกแหย่ ขยายรอยร้าว ปชป.

โดยก่อนหน้านี้ ดุลอำนาจไหลไปสู่ขั้ว “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์–เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้า–เลขาธิการพรรค แท็กทีมภูมิใจไทยไปต่อสาย “ซุปเปอร์ดีลเมกเกอร์รัฐบาล” ในฐานบัญชาการบ้านสีขาวในรั้วทหาร

ขณะที่ก๊กผู้ปราชัย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค–กรณ์ จาติกวณิช–ถาวร เสนเนียม” นิ่งดูเกมมาพักใหญ่ แถมมีกระแสข่าวยอมศิโรราบ ไปเลียบๆเคียงๆขอส่วนแบ่งแห่งความสามัคคี แพ็กค่าย 52 เสียงร่วมวงรัฐบาล

วันนี้ประชาธิปัตย์ส่วนแยก ฟื้นฤทธิ์อีกรอบ

เมื่อดีลเมกเกอร์ฝ่ายการเมือง พปชร. พลิกเกมสำเร็จ กลับมาให้ค่าให้ความสำคัญกรุ๊ปใหญ่พวงนี้

ปชป. ชุด “ของชัวร์” เทใจร่วมขั้ว พปชร. แต่ต้น ได้ลุ้นเก้าอี้งามๆ.

ทีมข่าวการเมือง

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ยังไม่ทันแต่งก็วงแตก?





TOPSTORY 30/5/62 ยังไม่ทันแต่งก็วงแตก?

Animal Farm ฉบับ ชูวิทย์


ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
4 ชม.
Animal Farm ฉบับ ชูวิทย์
ท่านนายกฯลุงตู่ อุตส่าห์แนะนำให้เด็กไทยอ่านหนังสือเรื่อง Animal Farm ของนักเขียนชาวอังกฤษ นามปากกา จอร์จ ออร์เวลล์
ผมเลยถือโอกาสเอามาใช้กับการเมืองไทยยุคปัจจุบัน ให้เข้าสมัยนิยม หวังว่าจอร์จแกคงไม่ว่า เพราะแกเขียนไว้นมนานแล้ว เป็นแนวเสียดสีการเมือง แต่เรื่องบังเอิญไปตรงกับไทยอย่างเหลือเชื่อ
แอนนิมอล ฟาร์ม ฉบับชูวิทย์ เริ่มจากเจ้าของฟาร์มเป็นชาวไร่ที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่สนใจเรื่องสิทธิเสรีภาพ ออกแนวโหด ชอบสั่งการ และขี้บ่น พร่ำบอกแต่ว่า ทำงานฟาร์มเป็นงานที่เหนื่อยยากแสนสาหัส หากไม่จำเป็นไม่อยากทำ ที่ทนทำอยู่ทุกวันนี้เพราะเห็นแก่บรรดาสัตว์ทั้งหลายในฟาร์ม ที่มีทั้ง หมู หมา กา ไก่
เจ้าของฟาร์มสัตว์บอกว่าเวทนา ถือว่าทำบุญทำทานให้ ไม่ได้ต้องการทำเป็นอาชีพแต่อย่างใด เพราะแต่ก่อนมีอาชีพอื่นที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีกว่านี้แยะ อุตส่าห์เสียสละมาทำฟาร์มสัตว์ “ให้เข้าใจกันด้วยสิ ปัดโธ่!”
วิธีการทำฟาร์มของแก คือ ให้สัตว์ทำในสิ่งที่ผิดธรรมชาติ หากสัตว์ตัวไหนไม่เชื่อฟัง จะถูกจับใส่กรงขังเดี่ยว ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน
หากแกโมโห ก็จะเอากะลาเคาะโป๊กๆ ออกเสียงขู่เป็นเลขว่า “สี่สี่“ พวกสัตว์ทั้งหลายก็จะกรูแตกตื่นวิ่งหนีกระเจิงไปตัวละทิศตัวละทาง บรรดาสิงสาราสัตว์ก็กลัวจนขี้หดตดหาย กลายเป็นสัตว์เชื่องเหมือนลูกหมา
สัตว์ประเภทแรกที่รีบเข้ามาคลอเคลียเอาใจคือ “ม้า” ที่เคยช่วยเปิดทางให้เจ้าของฟาร์มเข้ามายึดฟาร์มไปจากเจ้าของเดิม
ม้าตัวนี้เป็นม้าสีดำ อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของฟาร์ม เป็นสัตว์ที่มักคิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ โอ้อวดถึงความรู้ ความสามารถ เพราะถือว่าเคยเป็นผู้นำฝูงในฟาร์มชนชั้นสูงมาก่อน
เมื่อกระจายฝูงออกมา ม้าตัวนี้ก็ทำตัวเป็นจ่าฝูงเรียกร้อง “ชุมนุมมวลมหาสัตว์“ จนกระทั่งเจ้าของฟาร์มสังเกตุเห็นว่า น่าจะถือโอกาสนี้เข้าปกครองสัตว์ด้วยวิธีการที่เจ้าของฟาร์มสมัยก่อนเคยทำ แต่เป็นระบบใหม่ถอดด้ามที่คำนึงถึงผลผลิตล้วนๆ ไม่สนใจคุณภาพ ชนิดที่ซีพีงงว่าทำได้ยังไง?
เจ้าของฟาร์มปกครองมาได้ราว 5 ปี บรรดาสัตว์ต่างๆเริ่มไม่พอใจ เพราะถูกจำกัดเสรีภาพของสัตว์ ต้องอยู่ในกรง พอแกอารมณ์ดีก็ลูบหัวปลอบว่า “ใจเย็นๆ เดี๋ยวแต่งเพลงให้สัตว์ฟัง” ทั้งๆ ที่สัตว์ไม่อยากฟัง เพราะหิวไส้จะขาด จะให้มาฟังเพลงอะไรซ้ำๆกรอกหูอยู่ตลอดเวลา?
เจ้าของฟาร์มชักติดใจในผลประกอบการ จึงแต่งตั้ง “หมู” ที่เป็นสัตว์เฉลียวฉลาดแกมโกง ออกกฎต่างๆ ร่วมวางแผนกันกับ “หมูอาวุโส” ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน ในที่สุดได้ออก “กฎ” ที่คิดว่าสัตว์อื่นๆ ไม่สามารถอ้าปากหืออือได้
โดยเฉพาะกับสัตว์ปีกอย่าง “พญาระกา” ที่เป็นสัตว์พิเศษ มีปีก นึกอยากจะบินไปไหนก็ได้ แม้ว่าทำผิด ก็ถือโอกาสบินหนีไปเขตดินแดนอื่นเสีย เจ้าของฟาร์มทำอะไรไม่ได้
หมูอ้างกับสัตว์อื่นๆ ว่าที่ต้องทำตามกฎใหม่เพราะสัตว์ทุกตัวจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น มีเสรีภาพ เดินวิ่งไปไหนก็ได้ ตามที่เจ้าของฟาร์มเคยสัญญาเอาไว้
เหล่าฝูงสัตว์ต่างก็กระตือรือร้น ตีปีกบ้าง ร้องกันเจี๊ยวจ๊าวบ้าง ที่จะได้อยู่ในกฎใหม่ที่เจ้าของฟาร์มเปิดโอกาส หลังจากฟาร์มทรุดโทรมเหม็นเน่ามากว่า 5 ปี ทำให้สัตว์หลายชนิดเป็นโรคติดต่อตายไปเป็นอันมาก ส่วนที่เหลือก็เฉาเป็นง่อย เช่น เป็ดหางแดง
แต่เมื่อได้เห็นกฎใหม่ที่หมูออกมาแล้ว สัตว์อื่นๆถึงกับอุทานว่า “ไอ้สัตว์!” ด้วยความงุนงงงุ่นง่าน
มีสัตว์อยู่ชนิดเดียวที่แอบหัวเราะชอบใจเหลือหลาย นั่นคือ “งูเห่า” เพราะมีโอกาสขยายพันธุ์ได้แน่นอน ตามกฎใหม่นี้
ส่วนสัตว์อื่นๆ ต้องจำใจทำตามกฎใหม่ของเจ้าของฟาร์มอย่างเคร่งครัด ไม่งั้นไม่รอด
หมูยังออกแบบการขยายพันธุ์เพิ่มอีก 250 ตัว ไว้เป็นเชื้อความฉลาดแกมโกง เพื่อหวังใช้วิธี “ผสมเทียม” คัดเพศได้ตามใจชอบ แถมเจ้าของฟาร์มควบคุมด้วยตัวเอง ไม่มีโอกาสพลาดให้เชื้อแปลกปลอมหลงแฝงเข้ามาเป็นอันขาด
หลังจากการจัดกฎใหม่เสร็จสิ้น ปรากฎว่ามีความพยายามต่อรองของสัตว์กับเจ้าของฟาร์ม เรื่องไม่น่าเกิดก็มาเกิดขึ้นได้ โดยมี “ม้ากับลา” ที่ผูกขาติดกันไม่ยอมไปไหน เพราะถือว่าดั้งเดิมเคยอยู่เป็นคู่เวรคู่กรรมกันมาก่อน
แต่ม้าก็คือม้า มีนิสัยเหมือนเดิม คิดว่าตัวเองฉลาดเสียเหลือทน หลงตัวเอง ชอบเอาหน้า ทั้งที่ตอนนี้ขาหน้าหัก บางตัวก็ยอมสยบ คิดว่าอดอยากมานานหลายปี แต่อดต่อรองไม่ได้ ตามประสาสัตว์ที่คิดถึงแต่เรื่องทำให้ท้องอิ่ม บางตัวก็ยังพยศ คิดว่าเอาตัวรอดได้ จนถึงขนาดเปิดฉากทะเลาะเบาะแว้ง ไล่ให้ออกจากฝูงกันเอง
ส่วนลาก็ยังเป็นลาวันยันค่ำ หวังอาศัยม้าเพื่อต่อรองกับเจ้าของฟาร์ม ทั้งๆที่รู้ว่าเจ้าของฟาร์มเป็นคนถืออำนาจ ไม่ชอบทำตามใจใคร คิดว่าเมื่อตัวเองเป็นคน จะไปให้สัตว์มาต่อรองได้ยังไงกันวะ?
มันผิดวิสัยธรรมชาติของชนชั้นปกครอง “มนุษย์ต้องปกครองสัตว์”
สัตว์อื่นๆ เริ่มรู้ตัว จึงทำเหมือนม้ากับลาบ้าง เจ้าของฟาร์มเริ่มคิดได้ว่า ไม่น่าไปลงทุนทำฟาร์มใหม่ให้เสียเวลา เลี้ยงเหมือนเดิมดีอยู่แล้ว ต้องขู่ ต้องเฆี่ยน ให้เชื่อฟังถึงเอาอยู่
กฎที่กำแพงจึงเหลืออยู่ข้อเดียว คือ “เจ้าของฟาร์มต้องอยู่รอดเสมอ”
สัตว์อื่นๆ อย่าได้สะเออะมีปากเสียง ไปเดิน 2 ขาใส่สูทเหมือนคนไม่ได้เด็ดขาด
สัตว์ต้องอยู่อย่างสัตว์เท่านั้น ไอ้สัตว์

ม.44 “ลุงสั่งเฮีย อุ้มเสี่ย ด้วยเงินเรา”?



สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์: นิทาน ม.44 อุ้มทีวีดิจิทัล “ลุงสั่งเฮีย อุ้มเสี่ย ด้วยเงินเรา”

ประชาไท / ข่าว



ประธาน TDRI อธิบายข้อเท็จ-ข้อจริง ความเสียหาย 3 รูปแบบ 8 ประการในรูปแบบนิทาน เมื่อมี ม.44 สั่งอุ้มทีวีดิจิทัล ให้คืนใบอนุญาต ลด แลก แจก แถมอื้อซ่า ห่วงทำลายระบบตลาดเสรี การแข่งขันที่เป็นธรรม ระบบนิติรัฐ สร้างนิสัยให้ทุนใช้อิทธิพลโยกรัฐอยู่เรื่อย ประมูลเท่าไหร่ก็สู้แล้วค่อยไปต่อรองรัฐเอาดาบหน้า ม.44 ตรวจสอบได้ยาก ยิ่งทำหลังเลือกตั้งยิ่งตรวจสอบข้อกังขาทางการเมืองลำบาก



สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ขึ้นพูดเปิดประเด็นในงานเสวนาหัวข้อ “ม.44 อุ้มทีวีดิจิทัล: รัฐเอื้อทุน ประชาชนได้อะไร” ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จัดโดยคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาและคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์



สมเกียรติอธิบายการใช้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 4/2562 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม สืบเนื่องจากสภาพปัญหาการแข่งขันทางธุรกิจสำหรับกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมในปัจจุบัน ทำให้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตไม่ทันกำหนด ว่าเป็นนิทานที่มีตัวละคร 4 ตัว ได้แก่ ลุง เฮีย เสี่ย เรา โดยเนื้อเรื่องก็คือ “ลุงสั่งเฮีย อุ้มเสี่ย ด้วยเงินเรา”



ม.44 อุ้มค่ายมือถือ ยืดจ่ายค่าประมูล 10 ปี ทีวีคืนคลื่นได้-งดจ่ายค่าธรรมเนียม 3 งวด



สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์: 7 เรื่องคนไทยควรรู้เมื่อ ม.44 อุ้มผู้ประกอบการมือถือ



อดีต กสทช. ชี้ ม.44 อุ้มค่ายมือถือ-ทีวีดิจิตอล ผิดหลักการ ผิดเวลา สื่อน้ำท่วมปาก



การที่ทีวีดิจิทัลล้ม ต้องอุ้ม คือส่วนหนึ่งของนิทานที่เรื่องนี้แต่มีนิทานซ้อน 5 เรื่อง



ทีวีดิจิทัลถูก disrupt (ทำให้ปั่นป่วน) ธุรกิจล้ม ต้องอุ้ม

ถ้าไทยไม่รีบเปิดบริการ 5 จี จะเกิดความเสียหายมากมาย



เอาเรื่องที่ 1 กับ 2 มาผสมกันแล้ววิน-วิน เอาคลื่นทีวีดิจิทัลมาทำบริการ 5 จีแทน และได้เงินที่จะได้จากการจัดสรร 5 จีมาอุ้มทีวีดิจิทัล



จูงใจให้ผู้ประกอบการ 4 จีปัจจุบันด้วยการยืดหนี้บริการ 4 จี ที่ยังติดภาครัฐอยู่



ใช้ดาบกายสิทธิ์ ม.44 เพื่อให้เรื่องข้างต้นเกิดขึ้น



ที่เรียกเป็นนิทานเพราะว่าทั้งหมดไม่เป็นความจริง เรื่องแรก ทีวีล้มละลาย ประเด็นนี้เป็นนิทานที่น่าสงสารที่สุด จริงๆ แล้วทีวีดิจิทัลจำนวนมากขาดทุนจริง แต่เมื่อทีวีดิจิทัลขาดทุนแล้วรัฐต้องเข้าไปอุ้มหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่านิยายปรัมปราที่หลอกหลอนคนไทยมานานพอสมควรคือการที่เมื่อธุรกิจไม่ไหวก็ไปวิ่งเต้นหารัฐ มันคือการอุ้มเสี่ยหรือบรรดาผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่มีทั้งทุนขนาดกลางถึงทุนขนาดใหญ่ ไม่จำเป็นที่ธุรกิจล้มแล้วรัฐต้องเข้าไปอุ้มเสมอไป สิ่งที่ควรทำคือให้ทีวีดิจิทัลคืนใบอนุญาตแบบไม่ต้องเอาผิด ไม่ต้องมีค่าปรับ แต่ไม่ใช่การชดเชยหรือให้เงินคืนแล้วพาลไปอะไรต่อมิอะไร สิ่งที่รัฐควรจะช่วยในสภาวะที่โลกแปรเปลี่ยนและเกิดการปั่นป่วนทางเทคโนโลยีคือช่วยให้คนหางานใหม่ได้ สร้างทักษะใหม่ได้ ไม่ใช่การไปอุ้มเสี่ยหรือเจ้าสัว



เรื่องที่สอง การทำบริการ 5 จี ไม่ต้องรีบ เพราะประเทศต่างๆ จำนวนมากยังไม่ทำ 5 จีกัน ถ้าเห็นหนังสือพิมพ์เขียนว่ากัมพูชาทำ 5 จี เมื่ออ่านก็จะเห็นว่าเป็นการทดลอง ไม่ใช่เปิดให้บริการ ประเทศที่เปิดใช้คือประเทศที่ทำอุปกรณ์อย่างจีนที่หัวเหว่ยทำอุปกรณ์แล้วรัฐบาลอยากให้นำไปขายได้ เกาหลีใต้ก็มีซัมซุง อเมริกามีควาลคอม ผู้ผลิตชิป 5 จีที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ไทยไม่ได้เป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีเหล่านั้น



ทุกวันนี้อุปกรณ์ที่ใช้ทำ 5 จียังไม่พร้อมและขาดแคลนอยู่เยอะ หมอประวิทย์ (ลี่สถาพรวงศา) บอกว่าถ้าเอาคลื่นย่าน 700 MHz มาทำ 5 จี ตอนนี้ไม่มีอุปกรณ์มือถือสำหรับพวกเรา มือถือสำหรับไอโฟน ซัมซุง ไม่มีมือถือที่ใช้กับคลื่นย่าน 700 MHz  อุปกรณ์ต่างๆ เดี๋ยวก็ออกมาก็จริง แต่ตอนนี้ก็มีราคาแพง การเข้าไปทำบริการ 5 จีเร็วไม่ได้แปลว่าได้ประโยชน์แต่กลับจะทำให้เสียเปรียบ คือทำให้ใช้ของแพง และปัจจุบันไม่มีบริการอะไรที่ 5 จีทำได้แล้วคนอยากใช้วันนี้เลยที่ 4 จีทำไม่ได้ มันอาจสู้ 5 จีไม่ได้เรื่องความเร็ว ความหน่วง แต่ที่มนุษย์มนาใช้ทุกวันนี้ก็สามารถทำได้หมด นอกจากนั้น กสทช. เองก็ยังไม่พร้อมกับการวางโรดแมป 5 จี ที่เกี่ยวข้องกับย่านความถี่หลายย่านทั้งความถี่ต่ำ ปานกลาง และสูง นอกจากนั้น การจัดสรรคลื่น 4 จีที่ผ่านมาก็ไม่ได้กำหนดว่าทำ 4 จีเท่านั้น คือ 4 จี and beyond คือถ้ามีเทคโนโลยีอะไรก็เอาคลื่นที่มีไปใช้ ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนเอาคลื่น 5 จี ผู้ประกอบการโทรคมนาคมสามรายก็มีคลื่น 3 จี 4 จีอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบแจกคลื่น 5 จีเลย



เรื่องที่สาม เอาเงินจัดสรรคลื่น 5 จีมาอุ้มทีวี โดยกติกา กสทช. จะชดเชยทั้งคนที่เลิกบริการและให้บริการต่อ จะไม่มีเงินมาอุ้มทีวีดิจิทัลถ้าไม่มีการจัดสรรคลื่น 5 จี แต่ถ้าไม่ต้องยืดหนี้ 4 จี รัฐจะมีเงินเข้ามามากมายมหาศาล แม้จะต้องอุ้มทีวีดิจิทัล เงินที่จะเข้ามาเป็นแสนล้านก็พอทำได้ ไม่จำเป็นต้องเอาเงินการจัดสรรคลื่น 5 จีมาอุ้ม นอกจากนั้นคลื่น 700 MHz ที่จะต้องย้ายไปทำ 5 จีนั้น ต้องย้ายที่ตั้งคลื่นให้แต่ละช่องย้ายกันไป และจะมีค่าชดเชย จริงๆ แล้วก็แล้วเป็นคลื่นที่ว่างอยู่ ไม่มีคนใช้ จึงไม่จำเป็นต้องมีการชดเชย



เรื่องที่สี่ ต้องยืดหนี้ 4 จีเพื่อจูงใจให้ประมูล 5 จี จริงๆ แล้วนิทานยืดหนี้ 4 จี เกิดมาพักใหญ่ก่อนจัดสรรคลื่น 5 จีเพื่อมาอุ้มทีวีดิจิทัล มีความพยายามของผู้ประกอบการโทรคมนาคมวิ่งเต้นอยากให้รัฐยืดหนี้มานานก่อนที่จะพูดถึง 5 จีแล้ว การที่ทำเรื่องไม่สมเหตุสมผลเหล่านี้ มีความเสียหายอย่างน้อย 8 ประการและ 3 รูปแบบ ดังนี้



เสียหาย 3 รูปแบบ



เสียหายต่อเงินพวกเราในฐานะผู้เสียภาษี

เสียหายต่อตลาดโทรคมนาคมที่จะเกิดขึ้น คือ 5 จี ที่ถูกจัดสรรคลื่นแบบซี้ซั้ว เฉพาะหน้า เฉพาะกิจ

เสียหายต่อระบบนิติรัฐของประเทศที่จะเดือดร้อนกับพวกเราในฐานะพลเมือง

เสียหาย 8 ประการ



กสทช. พูดว่าต้องใช้เงินอุ้มทีวีดิจิทัลประมาณ 31,000 ล้านบาท ประกอบด้วยการอุ้ม 7 ช่องที่ขอเลิก 3,000 อีก 15 ช่องที่ประกอบการต่อจะมีการลดหย่อนค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 9700 และสนับสนุนค่าโครงข่าย MUX 19000 ล้านบาท ส่วนสุดท้ายคือส่วนที่ใหญ่ที่สุด ผู้ได้รับประโยชน์คือช่อ 5 ที่รับบริการเครือข่ายใหญ่ที่สุด และสถานะทางกฎหมายของช่อง 5 ก็ไม่รู้ว่าเป็นสถานะอะไร ไม่เคยทำความเข้าใจได้

ความเสียหายทางการเงินจากการเลื่อนหนี้ 4 จีที่ผู้ประกอบการสามรายได้ประโยชน์ไม่เท่ากัน แต่เดิม AIS DTAC TRUEMOVE ต้องจ่ายเงินค่าประมูล 4 จี เข้ารัฐให้จบเร็วๆ นี้ แต่มีการยืดหนี้ยาวออกไปแบบไม่มีดอกเบี้ย ส่วนนี้ทำให้เกิดความเสียหาย เมื่อคำนวณแล้วจะพบว่าแต่ละเจ้าได้ประโยชน์ไม่เท่ากัน TRUEMOVE ได้ประโยชน์ 8,800 ล้านบาท AIS ได้ 8,400 บาท และ DTAC ได้ไป 2,600 ล้านบาท มีนักการเงินส่วนหนึ่งคัดค้านว่าการเอาต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการทั้งสามมาคิดเพราะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยการเงินที่แต่เดิมควรต้องจ่ายที่ร้อยละ 9 นั้นไม่ถูกต้อง เพราะเชื่อว่ารัฐบาลไทยมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่าเอกชน ซึ่งก็จริง ฉะนั้นตรรกะของนักการเงินบางกลุ่มชี้ไปว่า ต่อไปถ้าเอกชนมีต้นทุนการเงินสูงกว่ารัฐ ให้รัฐเป็นคนกู้เงินให้แล้วเอกชนใช้ฟรี ถ้าทำตามตรรกะการอุ้มค่ายโทรศัพท์ แปลว่ารัฐเข้ามาอุ้มความเสี่ยงทางการเงินของเอกชนหมดเลย ซึ่งคิดว่าไม่ถูกต้อง

ผู้บริโภคเสียหายเสียโอกาสจากตลาด 5 จีที่ไม่มีผู้ประกอบการรายใหม่มาแข่งขัน กสทช. แต่เดิมตั้งใจจะแจกคลื่น 5 จี ขนาด 15 MHz ต่อราย เหมือนจัดที่ให้คนละ 15 ไร่ แต่เอกชนสู้ราคาที่ 25,000-27,000 ล้านบาทไม่ไหว จึงต่อรองเหลือ 10 MHz สุดท้ายตกมาเหลือ 16,000 ล้านบาทเพราะขนาดเล็กลง แต่ก็ยังไม่ใช่มูลค่าที่สามรายต้องจ่ายจริง เพราะเป็นการผ่อนจ่ายยาว 10 ปีแบบไม่คิดดอกเบี้ย จึงตกอยู่ที่ 11,000 ล้านบาทต่อรายเมื่อคำนวณค่าของเงินที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อคำนวณกับผลได้จากการช่วยค่าประมูล 4 จีพบว่า TRUEMOVE จะประหยัดจากการเลื่อนหนี้ 8,800 ล้านบาท แล้วมาซื้อคลื่น 5 จีในราคา 11,000 ล้านบาท แปลว่าจ่ายจริง 2,200 ล้านบาท น่าจะเป็นราคาที่ถูกที่สุดในโลก AIS จะจ่าย 2,600 ล้านบาท DTAC จะต้องจ่ายแพงสุดคือ 8,400 ล้านบาท ทั้งหมดคือความเสียหายจากการที่ตลาดค่ายมือถือของไทยจะถูกผูกขาดต่อไปจากผู้ประกอบการ 3 รายโดยไม่มีความพยายามเอาผู้เล่นรายใหม่เข้ามา

กติกาโทรคมนาคมชองไทยจะมั่วต่อไปอีก หลังจากมีระบบสัมปทานมาสู่ระบบใบอนุญาตนานแล้ว แต่ต่อไปจะกลับไปเป็นแบบเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีผู้ประกอบการ 3 รายที่ไม่ไปเอาใบอนุญาต 5 จี สมมติว่ามีรายหนึ่งไม่ไปเอา คิดว่า TRUEMOVE กับ AIS คงไปเอา แต่ DTAC นั้นต้องสงสัยเพราะต้องจ่ายแพงกว่าเจ้าอื่น สมมติว่า DTAC ไม่ไปเอาแปลว่าจะมีคนที่ได้คลื่น 5 จีและคนที่ยังไม่ได้ วิธีการในการกำกับดูแลในตลาด หน่วยงานที่กำกับดูแลในไทยที่ถูกโน้มน้าวใจได้ไม่ยากเท่าไหร่ การออกกติกาจะบิดเบี้ยวเหมือนตอน 3 จี ที่มีคนที่ได้คลื่นไปก่อนแล้วจากการบล๊อคไม่ให้ประมูลก่อน ทำให้มีคนได้เปรียบอยู่ มีการดึงเกมแล้วทำให้ตลาดมั่วไป

เสียหายต่อนิติรัฐ หลักการในการทำธุรกิจในระบบตลาดเสรีที่รัฐไม่ควรไปแบกรับความเสี่ยงของธุรกิจเอกชน แปลว่าธุรกิจใดขาดทุนแล้วมีอำนาจก็สามารถบอกให้รัฐไปแบกรับความเสี่ยงได้ ความเสี่ยงมีสองแบบใหญ่ คือความเสี่ยงแบบปกติที่ธุรกิจมี แต่ยังมีความเสี่ยงที่เกิดจากรัฐ คือ regulatory risk ที่อยู่ๆ รัฐกำหนดกติกาแผลงๆ แปลกๆ มาแล้วทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน ตามหลักวิชาการนั้นชัดเจน รัฐไม่ควรไปรับผิดชอบความเสี่ยงแบบแรก เว้นแต่กรณีที่รัฐไปทำให้ธุรกิจดำเนินการไม่ได้

หลักการความเสี่ยงเกินปกติของผู้ประกอบการที่มีเส้นสายทางการเมือง วันหลังจะทำให้เกิดความคิดว่า เรื่องอะไรได้ยากๆ ก็เอามาก่อนแล้วค่อยไปตายเอาดาบหน้า อาจจะเกิดกับโครงการรัฐขนาดใหญ่ๆ อย่างรถไฟความเร็วสูง ถ้าวันไหนขาดทุนก็อาจมีการวิ่งกันแบบนี้ เมื่อไปดูผู้ประกอบการหรือผู้ถือหุ้นก็มีหน้าตาคล้ายๆ กันอยู่ หรือถ้าเกิดโครงการดิวตี้ฟรีได้กำไรไม่ตามเป้า สุดท้ายก็มาวิ่งแบบนี้อีก ถ้าติดตามดูประมูล 4 จี จะเห็นค่ายเจ้าสัวบางค่ายได้รับบัญชาว่า เท่าไหนเท่ากัน เอามาก่อน สักพักหนึ่งก็มาต่อรองกับภาครัฐ จะส่งผลต่อความน่าลงทุนเพราะมันแสดงให้เห็นว่ารัฐไม่ใช่เสาที่ตั้งยู่ตรง แต่โยกได้ถ้ามีอิทธิพลมากพอ

เกิดปรัชญาของการที่รัฐเป็นพ่อรู้ดี มาแทรกแซงกลไกตลาดไปทุกเรื่อง เอกชนบอกว่ายังไม่สมควร 5 จีก็ยังให้ทำทั้งๆ ที่รัฐก็ไม่พร้อม อย่างเมื่อประมูล 4 จี ก็มีการเอาคลื่น 4 จีที่บางรายประมูลแล้วทิ้ง เอากลไกรัฐไปบีบให้เอา สุทด้ายก็มาต่อรองกันแล้วยืดหนี้ 4 จี จะเห็นว่าเงื้อมมือของรัฐภายใต้ กสทช. เอื้อมเข้าไปในกลไกตลาดลึกมาก โดยเฉพาะกลไกที่มีผู้เล่นน้อยรายยิ่งเสี่ยงให้มีความฉ้อฉลมาก

การใช้ ม.44 ไม่สามารถตรวจสอบการใช้อำนาจนี้ในทางกฎหมายได้ และจังหวะการออกมาหลังเลือกตั้งก็ทำให้ตรวจสอบในทางการเมืองทำได้ยาก

นิทานที่แต่งมาไม่ฉลาด ไม่สนุกสนาน ไม่ประเทืองปัญญา แต่ผู้แต่งหรือภาครัฐก็เก่งในแง่การเมือง คือแจกทีวีดิจิทัล ให้ทีวีจำนวนมากเงียบเสียงในเรื่องนี้ แจกในช่วงสงกรานต์ที่คนกำลังจะไปพักผ่อน แจกช่วงหลังเลือกตั้ง คือจะเอามาโมตีในช่วงเลือกตั้งไม่ได้ แจกในช่วงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทำให้พรรคที่จะร่วมรัฐบาลรอ ไม่ร่วมอภิปรายรัฐบาลในเรื่องนี้ อย่างเช่นพรรคลูกผีลูกคนว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่อย่างประชาธิปัตย์จะไม่แตะเรื่องแบบนี้เพราะจำทำให้กระอักกระอ่วนถ้าเข้าไปร่วมรัฐบาล

รบ.ปัดคิดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยุบพรรคการเมือง



นายกฯป่าวคิดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยุบพรรคการเมือง

"อุตตม"นำขบวนพปชร.สู่ขอชทพ.ร่วมรัฐบาล : ข่าวต้นชั่วโมง 12.00 น.(30-05-62)



"อุตตม"นำขบวนขันหมากพปชร.ชุดที่สาม สู่ขอชทพ.ร่วมรัฐบาล :


วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

"เจ้าสาว"ดุนะ"ลุง"ไหวเหรอ?



Top Story 29/5/62"เจ้าสาว"ดุนะ"ลุง"ไหวเหรอ?

โคราชฝนตกส่งผลดีข้าวนับหมื่นไร่มีความหวัง : เกาะสถานการณ์ 17.30 น. (29-0...



โคราชฝนตกส่งผลดีข้าวนับหมื่นไร่มีความหวัง

"ณัฏฐพล"ยันเดินหน้าโหวตนายกฯ : เกาะสถานการณ์ 18.30 น. (29-05-62)





"ณัฏฐพล"ยันเดินหน้าโหวตนายกฯ

ลุงตู่ต้องจิตแข็งไว้

ก็ขับนิ่มดี” ในอารมณ์ที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช.ทำลองขับรถ “ตุ๊กๆไฟฟ้า” ที่นำมาโชว์ในงานอีเวนต์ วนรอบตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ท่ามกลางเส้นทาง “ขรุขระ” สถานการณ์ฟอร์มรัฐบาล “ลุงตู่ ภาค 2”

ต้องวนกลับมาจุดตั้งต้นกันใหม่ ตามสัญญาณแบบที่ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยกทีมแกนนำพรรคชุดใหญ่ เซียนเขี้ยวระดับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ฯลฯ แห่ขันหมากไปทาบทามประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล

ตามยุทธศาสตร์ที่เซียนเขี้ยวการเมืองจับสัญญาณได้ว่า ทีม “พลังประชารัฐ” ต้องการแสดงให้พรรคตัวแปรอย่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยได้เห็นว่า ทุกอย่างต้องทำตาม “หลักการประเพณี”

นั่นหมายรวมถึงโควตารัฐมนตรีต้องผ่านมติกรรมการบริหารพรรค

ไม่ใช่ “โผลักไก่” อย่างที่ปล่อยกันออกมาตีกินกระแส ภูมิใจไทยจองกระทรวงนั้น ประชาธิปัตย์ล็อกเก้าอี้นี้ แห่บทตัวแปรที่เล่นเนื้อเล่นตัวได้ตามอำเภอใจ

มันต้องจับตาปฏิบัติการ “ล้มดีลพี่ใหญ่” ที่เล่นบท “ขาใหญ่” ผู้มีบารมีนอกพรรค ฉวยรวบอำนาจไปจัดการเล่นบท “ป๋า” เปย์แหลกให้พรรคตัวแปร ตามบิลที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับ “เสี่ยต่อ” นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยื่น “ค่าตัว”

ปาดหน้าเค้กกระทรวงเกรดเอ คมนาคม เกษตรฯ พาณิชย์ สาธารณสุข การท่องเที่ยวฯ พลังงานฯลฯ

เรื่องของเรื่อง มันก็อย่างที่นายอุตตมโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวในค่ำวันเดียวกัน ส่งสัญญาณการเจรจาเรื่องโควตารัฐมนตรียังไม่ได้บทสรุป ต้องคุยกันอีกหลายยก

ที่สำคัญจากคิวล้วงของ “พี่ใหญ่” มันได้ก่อแรงกระเพื่อมกับพวกที่ชัวร์ๆ

โดยสถานการณ์โยงเปรียบเทียบยี่ห้อ “ภูมิใจไทย” ที่ตอนเลือกตั้งได้ทั้งอำนาจรัฐเอื้อให้ แถมมีกระแสแว่วๆต้องพึ่งน้ำเลี้ยงจากปั๊มสามทหาร เป็นพรรคแฝงกายแนบชิดกันมา

แต่ในลีลาที่ “เสี่ยหนู” ก็ยึกๆยักๆ เผลอก็ด่าทหาร อิง “นายใหญ่”

กระตุกอาการ “หมั่นไส้” พล.อ.ประยุทธ์ หงุดหงิดเป็นระยะ ขนาดผลเลือกตั้งออกแล้ว 2 เดือนก็ยังลากเกมกั๊กจนหยาดสุดท้าย แต่ก็ได้หยิบชิ้นปลามัน ฮุบโควตาตามสั่ง แม้กระทั่งคมนาคม

ที่ “บิ๊กตู่” ล็อกไว้ เพราะอาศัยเล่นจังหวะเข้าเหลี่ยม “พี่ใหญ่” ที่ถูกจับไต๋ได้ว่า “เหยียบตีน” เล่นเป็นทีมเดียวกันมาตั้งแต่ต้น

ตรงกันข้ามกับสถานการณ์ของพรรคชาติไทยพัฒนา 2 พี่น้องศิลปอาชา “หนูนา” กัญจนากับ “หนุ่มท็อป” วราวุธ ที่แสดงตัวแสดงตนเป็นแนวร่วมทีมหนุน “ลุงตู่” มาตั้งแต่แรก รู้กันทั้งวงนอกวงใน

คนที่เป็นพยานได้ก็คือ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.

หรือแม้แต่ล่าสุด ก็เป็น “หนูนา” ที่แถลงโหวตให้ประธานสภาฯตามโพยของพรรคพลังประชารัฐ โดยยังไม่ต้องพูดถึงโควตารัฐมนตรีจะได้อะไรตอบแทน โดยที่ “ลุงตู่” ยังต่อสายขอบใจ

แต่นั่นก็ไม่มีสัญญาณตอบรับชัดเจนจากทีมพลังประชารัฐ ไม่เหมือนกับ “บิลค่าตัว” ของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาโชว์เค้กกันอู้ฟู่

“เพื่อนกิน” มาก่อน “มิตรแท้” นั่นก็ห้ามไม่ได้ที่จะเกิดภาวะ “คาใจ”

แว่วๆสองพี่น้อง “หนูนา-หนุ่มท็อป” คุยกันแล้ว สถานการณ์ออกแนวนี้ ต้องถอนสมอ เมื่อทีมพลังประชารัฐไม่รักษาน้ำใจมิตรแท้ ปล่อย “ขาใหญ่” นอกพรรคมาจัดการแบ่งเค้กแบบไม่สนมิตรแท้

10 เสียงพรรคชาติไทยพัฒนาจะไม่โหวตให้ข้างไหน ขออยู่ตรงกลาง

ถึงจุดพลิกผันที่ทำให้ “บิ๊กตู่” ต้องชั่งใจดีๆ ก่อนอื่นใด ต้องล้มดีล “พี่ใหญ่” เพื่อเบรกแรงกระเพื่อมดึงการเจรจากลับมาอยู่ในอำนาจกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ

ตามรูปเกม นายกฯต้อง “จิตแข็ง” พอ ในการวัดใจกับยี่ห้อภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ ตามท้องเรื่อง ถ้ายังตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังเป็นนายกฯ รัฐบาลอำนาจเต็ม โดยรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดเวลา

หรือถึงที่สุด “ลุงตู่” ก็ยังถือ “ไพ่ยุบสภา” อยู่ในมือ

โดยมี 250 ส.ว. ยังเป็นฐานแน่นๆ เทียบกับคู่แข่งที่บักโกรก “ตูดขาด”

โอกาสยังมีให้ตีไพ่ จะลุยวัดดวงกับ “เกมสั้น” หรือเสี่ยงลุ้นกับ “เกมยาว”

ถ้าเลือกเกมสั้น “พี่น้อง 3 ป.” อาจพอใจแค่ล็อกเก้าอี้นายกฯให้ “ลุงตู่” ยื้อเก้าอี้รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ไว้รองก้น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จองโควตา มท.1 ไว้ให้ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กุมความมั่นคงไว้ โดยทหาร คสช.สั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้ ไม่รู้จะลากรัฐบาลไปได้นานแค่ไหน

แต่นั่นจะส่งผลต่อเกมยาว ขืนพลังประชารัฐปล่อยกระทรวงเศรษฐกิจ คมนาคม พาณิชย์ เกษตรฯไปให้ภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ปาดหน้าเค้กหมด เหลือแค่กระทรวงเกรดบีไว้กำกับเอง

จะเอาอะไรไปเดินงานนโยบายหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า

โดยสถานการณ์มันจะฟ้องเลยว่า “พลังประชารัฐ” ก็แค่พรรคเฉพาะกิจ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นนั่งร้านทหาร หนุน “ลุงตู่” เป็นนายกฯและพี่น้อง 3 ป. สืบทอดอำนาจแค่นั้น

ซึ่งมันจะวนกลับไปสู่วงจรอุบาทว์ รัฐบาลอายุสั้น คอร์รัปชันถอนทุนเลือกตั้ง

พระเอกอย่าง “บิ๊กตู่” นั่นแหละ เสี่ยงตายตอนจบ.

ทีมข่าวการเมือง

ขันหมากการเมืองล่ม?





TOP STORY 28/5/62

ขันหมากการเมืองล่ม?

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

"บิ๊กตู่"โยนสภาโหวตนายกฯ-ไม่ยุ่งเงื่อนไขแก้รธน.แลกร่วมรบ.



"บิ๊กตู่"โยนสภาโหวตนายกฯ-ไม่ยุ่งเงื่อนไขแก้รธน.แลกร่วมรบ.

จับตาเก้าอี้ รมต.ปชป.7ภท.6ชทพ.1



จับตาเก้าอี้ รมต.ปชป.7ภท.6ชทพ.1

องคมนตรีเป็นผู้รักษาการประธานองคมนตรี

พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (28 สิงหาคม พ.ศ. 2486) ผู้รักษาการประธานองคมนตรีองคมนตรี นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 24 จากการแต่งตั้งโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ภายหลังเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
ก่อนเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์เคยดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และองคมนตรี
ในปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2550 อารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลาออกจากตำแหน่ง พล.อ.สุรยุทธ์ ได้เข้าดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนายอารีย์อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551 พล.อ.สุรยุทธ์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้ดำรงตำแหน่ง องคมนตรี เป็นครั้งที่สอง
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีฉายาว่า "บิ๊กแอ้ด"
ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2560 มีพระราชโองการโปรดเกล้าเป็น ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
ในวันที่ 7 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีเป็นผู้รักษาการประธานองคมนตรี

หม้ายขันหมาก?

เจี๊ยบ พรทิพย์ อยู่กับ Pornthip Morngyai

ปชป. หม้ายขันหมาก พปชร.เท เลื่อนประชุมไม่มีกำหนด

จากท่าทีที่พรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่าจะมีความชัดเจนในการร่วมรัฐบาลภายในวันนี้( 28 พ.ค.62) แต่ปรากฎว่าพรรคประชารัฐไม่ตอบกลับถึงเงื่อนไข ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เลื่อนประชุมไม่มีกำหนด ปัดตอบฝ่ายค้านอิสระ
การประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพื่อหารือเรื่องการประสานงานทางการเมืองและพิจารณาร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดิมกำหนดการ 17.00 น. แต่ต้องเลื่อนออกไปเป็น 18.00 น. ต่อมาเวลา 18.15 น. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส. จังหวัดนครศรีธรรมราช ออกมาจากห้องประชุมและบอกว่ากับสื่อมวลชนการประชุมเลื่อนไปไม่มีกำหนด เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ มีปัญหา ซึ่งปัญหาไม่ได้เกิดจากะพรรคประชาธิปัตย์
ต่อมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ออกจากห้องประชุมตอบคำถามสื่อสั้นๆว่ากรรมการบริหารพรรค้ลื่อนประชุม ไม่ทราบรายละเอียด
หลังการประชุมพรรคล่ม นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค แถลงชี้แจงหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคมีคำสั่งให้การนัดประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส. พรรคเลื่อนออกไป เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐร่วมทำงานและมีหลักการทำงาน 2 ประเด็นคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการนำนโยบายพรรคที่หาเสียงไว้มาปฏิบัติ เช่น การแก้จน สร้างคน สร้างชาติ และการประกันรายได้ของเกษตรกร ซึ่งพรรคก็มีแนวทางในการขับเคลื่อนไปสู่ภาคปฏิบัติ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐแจ้งว่าจะตอบข้อมูลกลับมาภายใน 17.00 น. วันนี้ แต่พรรคพลังประชารัฐยังไม่ได้ให้คำตอบมาภายในเวลาที่กำหนด จึงต้องเลื่อนประชุมออกไป ทั้งนี้ ส.ส.และกรรมกานบริหารพรรคอยู่กรุงเทพ รอการติดต่อกลับของพรรคพลังประชารัฐ หากติดต่อมาพร้อมประชุมอีกครั้ง
ส่วนท่าทีการเป็นฝ่ายค้านอิสระ หากไม่ได้รับติดต่อกลับจนถึงวันโหวตนายกรัฐมนตรี นายราเมศปัดตอบคำถามโดยตรง ระบุว่า กระบวนการตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจน และพรรคได้เริ่มต้นนับหนึ่งตั้งแต่ทำหน้าที่ในกระบวนการนิติบัญญัติอยู่แล้ว และหลังจากนี้จะทำหน้าที่ เช่น ตั้งกระทู้ถาม หรือออกกฎหมาย ตามกระบวนการนิติบัญญัติ
ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามถึงการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย นายราเมศตอบว่ายังไกลเกินไป ทั้งนี้นายราเมศยังกล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ที่ประชาชนมอบหมายมา

กกต.ประกาศรับรองส.ส.ใหม่3คน : เกาะสถานการณ์ 15.30 น. (28-05-62)







กกต.ประกาศรับรองส.ส.ใหม่3คน "ศรีนวล""มาดามเดีย""ตั๊น"ได้เข้าสภาแล้ว

สัญญาณรบ.อายุสั้น?



TOPSTORY 27/5/62 สัญญาณรบ.อายุสั้น?

"อภิสิทธิ์"ปัดตอบลาออกสส.หากร่วมพปชร.



"อภิสิทธิ์"ปัดตอบลาออกสส.หากร่วมพปชร.

ปชป.ย้ำคุยพปชร.แค่หลักการยังไม่มีคำตอบใดๆ : เกาะสถานการณ์ 13.30 น.(28-05...



โฆษกปชป.ย้ำคุยพลังประชารัฐแค่หลักการ ยังไม่มีคำตอบใดๆ การตัดสินใจยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ

อัยการเลื่อนสั่งคดี"ธนาธร"Liveวิจารณ์คสช.



อัยการเลื่อนสั่งคดี"ธนาธร"Liveวิจารณ์คสช.

สามมิตรก่อหวอดยึกเกษตรคืนจากปชป.

ยัดเยียดศธ. "เด็กเติ้ง" ฮึ่ม

พลังประชารัฐได้ฤกษ์ ยกขบวนหมั้นหมาย ปชป.-ภท.สุดชื่นมื่น “อุตตม” หวังล่มหัวจมท้ายหนุน “บิ๊กตู่” ไปต่อ มั่นใจได้นายกฯภายในเดือน พ.ค.นี้ “เฉลิมชัย” ยักท่าต่อรองยังไม่จบ ขอ กก.บห.กับ ส.ส.ถกกันก่อน แต่ “วัชระ” ชูป้ายต้าน “ลุงตู่” ตบหน้าแกนนำ แฟนคลับฮือติดแฮชแท็ก #ฝ่ายค้านอิสระ “เสี่ยหนู” อมพะนำกว่าจะตอบรับคุยฟุ้งเป็นเอสเอ็มอีเนื้อหอม ปลาไหลโชว์ลีลาเพิ่มราคาต่อรอง งัดมุกฝ่ายกลางในสภาฯขึ้นมาขู่ อีกขั้ว 7 พรรคกอดคอแน่น ไปไหนไปกันแม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล “ภูมิธรรม” อุบไต๋แนวทางเสนอชื่อนายกฯ “ธนาธร” ขัดหัวบันไดใสปิ๊งพร้อมอ้าแขนรับ ปชป. ชี้ชนะเลือกซ่อมเชียงใหม่ถล่มทลาย สะท้อนแรงโกรธประชาชน

ขั้วการเมืองเปิดหน้าไพ่กันชัดขึ้น เมื่อนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยกขบวนแกนนำพรรค ส่งเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ให้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางกระแสการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ยังไม่ลงตัว

“อุตตม” ยกขบวนหมั้นหมาย ปชป.

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 พ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค และตัวแทนกลุ่มสามมิตร นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เดินทางด้วยรถตู้ 2 คันมาที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อส่งเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล โดยมีแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ในฐานะตัวแทนที่พรรคมอบหมายให้ไปเจรจาร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายนิพนธ์ บุญญามณี นายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรค นายธนา ชีรวินิจ รองเลขาธิการพรรค ให้การต้อนรับ

มาทาบทามตามประเพณี

นายอุตตมให้สัมภาษณ์ก่อนพบแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ว่า วันนี้ตนและคณะผู้บริหารพลังประชารัฐ มาเรียนเชิญพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการ ให้มาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเดินหน้าประเทศไทย เพื่อประโยชน์ของประชาชนตามที่พรรคของเราให้คำมั่นสัญญาไว้ เป็นการดำเนินการตามธรรมเนียมประเพณีทางการเมือง เมื่อถามว่ามาวันนี้จะพูดคุยในเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเลยหรือไม่ นายอุตตมตอบว่า ยังไม่คุยในรายละเอียด วันนี้ถือเป็นพิธีการสำคัญที่มาพบกัน รายละเอียดต่างๆไม่ว่าจะเป็นนโยบายแต่ละพรรค คงได้มาพูดคุยกันในลำดับต่อๆไปว่าจะมาร่วมกันทำ จะขับเคลื่อนกันอย่างไร แบ่งงานในแต่ละกระทรวงอย่างไร เป็นสิ่งที่พูดคุยกันได้

หวังร่วมหัวจมท้ายหนุน “บิ๊กตู่”

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้เพียงแต่มาพูดคุยเชิญร่วมรัฐบาล ส่วนการจัดสรรตำแหน่ง และนโยบายต่างๆจะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง นายอุตตมตอบว่า ใช่ ต้องให้สอดรับกัน มาพูดจาคุยกันได้ในพรรคร่วม เมื่อถามว่า จะมีข้อตกลงหรือไม่ว่าต้องสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง นายอุตตมตอบว่า ถ้าจะเป็นพรรคร่วมกันแล้วเราก็คาดหวังว่าเราจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมทั้งหมดในการโหวต รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ด้วย เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าการร่วมรัฐบาลจะแยกออกจากการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ นายอุตตมตอบว่า คิดว่าพรรคร่วมคงเข้าใจกันดีว่าถ้ามาร่วมงานกัน เราจะสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างไร

จัดการเสียงปริ่มน้ำได้ไร้ปัญหา

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐเสียงยังไม่มีเอกภาพ จะแก้ปัญหาภายในพรรคอย่างไร นายอุตตมตอบว่า เราไม่ได้มีปัญหารุนแรงอะไร เป็นธรรมดาไม่ได้เลือกตั้งกันมา 5 ปี ต้องใช้เวลาหารือกัน วันนี้เราเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เดินหน้าไปด้วยกันก้าวไปด้วยกัน เมื่อถามว่า จากการโหวตประธานสภามี 5 เสียง ที่ไปโหวตอีกฝั่งจนทำให้แพ้ญัตติเลื่อนประชุม รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจะอยู่ได้อย่างไร นายอุตตมตอบว่า ต้องไปบริหารจัดการ ถ้าทุกคนมีเจตนาที่แน่วแน่ทำงานให้ประเทศชาติ เราบริหารจัดการกันไปได้ ตนมั่นใจ ต้องให้โอกาสและเชื่อใจกัน เล็กๆน้อยๆก็มีบ้าง ถือเป็นธรรมดาการเมือง แต่ประเด็นใหญ่คือถ้าเราจับมือด้วยกัน จะเดินหน้าไปด้วยกันได้

มั่นใจได้นายกฯภายใน พ.ค.นี้

เมื่อถามย้ำว่า จะกลายเป็นภาพมีเรื่องค่าตัวมาเกี่ยวข้อง ทำให้ภาพเสื่อมหรือไม่ นายอุตตมตอบว่า เป็นการคาดการณ์กันไป ขอให้เสร็จขั้นตอนโหวตเลือกนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลก่อน วันนี้อยู่ในกระบวนการที่เราหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วม เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ติดใจที่ประชาธิปัตย์เคยหาเสียงว่าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ นายอุตตมตอบว่า เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผ่านพ้นไปแล้ว เราอย่าไปติดใจอะไรกัน อย่าไปสร้างเงื่อนไขใหม่ วันนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะเดินหน้าไปด้วยกัน ขอให้เป็นอย่างนั้น และคิดว่าการเลือกนายกฯคงไม่ช้า น่าจะได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ แต่ต้องรอการยืนยันก่อน

สนธิรัตน์” บอกวันนี้มาด้วยใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอุตตมให้สัมภาษณ์อยู่นั้น นายสนธิรัตน์ได้กระซิบพูดคุยกับนายนิพนธ์ ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า วันนี้มาสู่ขอประชาธิปัตย์เตรียมสินสอดทองหมั้นเป็นกระทรวงใดมาบ้าง นายสนธิรัตน์กล่าวว่า “เอาหัวใจมาก็พอแล้ว เพราะท่านเฉลิมชัยเขารวยอยู่แล้ว” เมื่อถามต่อว่า ได้ข้อสรุปแล้วใช่หรือไม่ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะได้ 7 เก้าอี้ 4 ว่าการ 3 ช่วยว่าการ หรือ 3 ว่าการ 4 ช่วยว่าการ นายสนธิรัตน์ตอบว่า “ไปถามหัวหน้าพรรคผมดีกว่า ไว้รอพวกผมคุยกันก่อน” ผู้สื่อข่าวจึงหันไปถามนายเฉลิมชัยว่า สรุปแล้วประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัยตอบว่า ทุกอย่างต้องเริ่มต้นการพูดคุยกันก่อน อย่ากังวลเรื่องกระทรวง หรือตำแหน่ง หากทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ประชาธิปัตย์ก็พร้อมพิจารณา จากนั้นทั้งหมดได้ถ่ายรูปร่วมกัน โดยสื่อขอให้จับมือกัน แต่ทุกคนก็ยืนนิ่งๆไม่มีใครยื่นมือจับกัน แต่นายอุตตมหันมายิ้มทำจมูกย่นให้นายเฉลิมชัยแทน ก่อนเดินเข้าไปในอาคารควง อภัยวงศ์ เพื่อพูดคุยเจรจากันต่อไป

“เฉลิมชัย” ยักท่าต่อรองยังไม่จบ

ก่อนหน้านี้เวลา 10.35 น. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ให้สัมภาษณ์ก่อนแกนนำพรรคพลังประชารัฐเดินทางมาถึง ว่า ไม่ได้หมายความว่าการพูดคุยในวันนี้จะได้ข้อสรุปในเรื่องการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะหลังได้รับเทียบเชิญ จะเปิดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในวันที่ 28 พ.ค. เวลา 17.00น. จากนั้นนำเข้าสู่การที่ประชุมร่วม ส.ส.และ กก.บห. เพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับเขาหรือไม่ ที่มีข่าวว่าจัดสรรตำแหน่งกระทรวงต่างๆกันแล้วนั้น ยืนยันว่าไม่มีอะไร

เชื่อแจงได้ทำไมถึงต้องกลับลำ

เมื่อถามถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค เคยประกาศตอนหาเสียงว่าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อ นายเฉลิมชัยตอบว่า ต้องพูดคุยกันนำเหตุผลต่างๆประกอบกัน รวมถึงเหตุผลของนายอภิสิทธิ์ด้วย และต้องมองถึงการทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้เช่นกัน พรรคเราเป็นประชาธิปไตยต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกคน ส่วนที่มีกระแสโจมตีว่าอาจทำให้พรรคสูญเสียศรัทธาที่ไปร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐนั้น ขอให้กรรมการบริหารพรรคตัดสินใจก่อน ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรเรามีเหตุผลทั้งสิ้น และยอมรับว่าจะมีผลต่ออนาคตทางการเมืองของพรรค เมื่อถามย้ำว่า หากร่วมรัฐบาลจริงจะอธิบายกับผู้ที่ลงคะแนนให้พรรค 3.9 ล้านเสียงอย่างไร นายเฉลิมชัยตอบว่า ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร มั่นใจว่าเรามีเหตุผลให้กับทุกคน

รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำก็อยู่กันได้

เมื่อถามว่า พรรคจะตัดสินใจอย่างไรกับปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาล นายเฉลิมชัยตอบว่า ต้องมองว่าในอดีตมีรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ ยังสามารถอยู่ได้ อยู่ที่การทำงานและการประสานงานมากกว่า ยืนยันว่าไม่มีการเรื่องต่อรองตำแหน่งทางการเมือง เมื่อถามว่าโควตารัฐมนตรีที่พรรคได้รับเป็น 6 หรือ 7 ตำแหน่ง นายเฉลิมชัยตอบว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ขอย้ำว่าการจะร่วมหรือไม่ร่วม ต้องมีเหตุผลที่นำไปตอบคำถามได้ ถ้าไม่ร่วมก็คือไม่ร่วม แต่ถ้าไปร่วมรัฐบาลคิดว่าอย่างน้อยนโยบายของพรรคต้องถูกนำไปปฏิบัติด้วย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของที่ประชุม ตนเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ มติออกมาอย่างไรต้องเป็นแบบนั้น วันนี้พลังประชารัฐแค่มาทาบทาม ของแบบนี้ปิดกันไม่ได้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมต้องแถลงอยู่แล้ว

ชมเปาะกับข้าว ปชป.อร่อยเหาะ

ต่อมาช่วงบ่าย หลังจากแกนนำของสองพรรคหารือกันนานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง แกนนำเริ่มทยอยเดินออกมา โดยนายสนธิรัตน์กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า พรรคประชาธิปัตย์เลี้ยงข้าวมันไก่กับก๋วยเตี๋ยวอร่อยทุกอย่าง ด้านนายอุตตมกล่าวว่า พูดคุยแนวทางการทำงานร่วมรัฐบาลกัน เชื่อว่าแต่ละพรรคจะนำนโยบายมาร่วมกันขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม ถือว่ามีข้อสรุปที่ดีที่จะเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนรายละเอียดทั้งสองฝ่ายต้องเดินหน้าทำงานด้วยกัน ประชาธิปัตย์จะไปหารือกันภายในพรรค ส่วนพลังประชารัฐมีงานที่ต้องทำเช่นกัน สำหรับนโยบายของทั้งสองพรรคเห็นได้ว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรียังมีเวลาพูดคุยกันในรายละเอียด สิ่งสำคัญคือวันนี้เป็นจุดตั้งต้นที่ดี เมื่อถามว่าทั้งสองฝ่ายเห็นว่ามีเรื่องใดบ้างที่เป็นเรื่องใหญ่ ต้องเร่งแก้ไข อาทิ เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอุตตมตอบว่า มาคุยกันแค่หลักการ การจะผลักดันต้องทำในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และต้องขอเสียงสนับสนุนจากฝ่ายนิติบัญญัติ ตอนนี้ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นที่ต้องแก้ไข

จับมือชื่นมื่นมีคำตอบในไม่ช้า

ด้านนายเฉลิมชัยกล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบนี้ต้องใช้เสียง ส.ส.ฝ่ายค้านเข้ามาด้วย ต้องใช้เวลาพูดคุยกัน วันนี้เราคุยกันแค่หลักการมีประเด็นใดบ้างที่เราทำงานด้วยกันได้ ตนนำเสนอเรื่องนโยบาย และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นก็เห็นพ้องต้องกันว่าสิ่งที่เป็นปัญหาจะถูกนำมาพิจารณาร่วมกัน การแก้รัฐธรรมนูญต้องทำในนามพรรคร่วมรัฐบาล แนวโน้มการพูดคุยเป็นไปด้วยดี คงมีการพูดคุยกันอีกครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์จะให้คำตอบอย่างเป็นทางการ แต่จะไม่ช้าแน่นอน พรรคเรามีเอกภาพการจะตัดสินใจอะไรตนต้องตอบสมาชิกและทุกคนได้ อดใจรออีกนิด ต้องทำด้วยความรอบคอบ และนโยบายของพลังประชารัฐสอดคล้องกับประชาธิปัตย์ด้วย ขณะที่นายอุตตมกล่าวทิ้งท้ายว่า “ของดีต้องรอหน่อย” จากนั้นแกนนำทั้ง 2 ฝ่าย จับมือกันและยิ้มให้กันอย่างชื่นมื่น

วัชระ” ต้าน “ลุงตู่” ตบหน้าแกนนำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากแกนนำพรรคพลังประชารัฐเดินทางกลับไปแล้ว นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยกป้ายระบุข้อความว่า “ไม่เอาประยุทธ์เป็นนายกฯ” ชูอยู่บริเวณลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม เป็นสัญลักษณ์ว่าไม่เห็นด้วยหากพรรคจะมีมติไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ที่มีความชัดเจนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อ นายวัชระกล่าวว่า เป็นตัวแทนสมาชิกพรรคอีกหลายคน มาแสดงจุดยืนว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และเห็นด้วยกับสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประกาศตอนหาเสียง ขณะนี้พรรคยังไม่มีมติออกมาถือว่ายังมีความเป็นประชาธิปไตย ที่ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่หากมีมติออกมาว่าร่วมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ จะพิจารณาท่าทีของตนเองอีกครั้ง ขณะเดียวกันบรรดาแฟนคลับประชาธิปัตย์ พากันติดแฮชแท็ก #ฝ่ายค้านอิสระ จนขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 10 ท็อปเทรนด์ไทย และในทวิตเตอร์ยังมีกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ทำกราฟิกแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ เช่น ข้อความว่า “เรามาชิงตัวเจ้าสาว ไปกับเราเถอะนะ” และ “บ้านนี้หวงลูกสาว” เป็นต้น

เดินสายสู่ขอ “เสี่ยหนู” ต่อทันที

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอุตตม พร้อมแกนนำพรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาเทียบเชิญพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ มีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย รอให้การต้อนรับบริเวณลานจอดรถ ก่อนขึ้นมายังบริเวณชั้น 2 มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค รอต้อนรับ โดยทั้งหมดจับมือกันอย่างแนบแน่นให้ช่างภาพบันทึกภาพ ก่อนเดินขึ้นไปหารือกันบริเวณห้องประชุมชั้น 3 นานประมาณ 30 นาที

ย้ำจุดยืนชู “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ

ต่อมานายอุตตมและนายอนุทินนั่งแถลงร่วมกัน นายอุตตมกล่าวว่า ขอบคุณที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น วันนี้มาเชิญพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า เชื่อว่าจะทำงานร่วมกันได้ และพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มาตั้งแต่ต้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลง การเจรจาหารือเราได้ยืนยันในจุดนี้ เมื่อถามว่ามีข่าวว่ายกกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้พรรคภูมิใจไทย จริงหรือไม่ นายอุตตมตอบว่า วันนี้เรามารับฟัง ส่วนรายละเอียดเรื่องกระทรวงเดี๋ยวค่อยคุยกัน ส่วนที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เป็นเรื่องภายในพรรคประชาธิปัตย์

“เสี่ยหนู” โต้ไม่ได้โกหกประชาชน

เมื่อถามว่ากดดันหรือไม่ที่พรรคภูมิใจไทยถูกโจมตีว่าโกหกประชาชน นายอนุทินตอบว่า เราไม่เคยโกหกประชาชน พูดมาตลอดว่าใครรับจุดยืน 4 ข้อของพรรคได้เราพร้อมทำงานด้วย ไม่มีความคิดจะโกหกประชาชน ไปย้อนดูคลิปได้ไม่มีจุดไหนที่พรรคภูมิใจไทยเชื่อว่าประเทศไทยขาดรัฐบาลไม่ได้ ถ้ามีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลด้วยความรวดเร็ว ประเทศจะไม่หยุดชะงัก เท่าที่หารือกันมีการนัดแนะกันว่าก่อนจะมีการเลือกนายกฯ ทุกอย่างต้องมีความชัดเจน คงมีการแถลงร่วมกันอีกครั้งของทุกพรรคที่จะร่วมรัฐบาล ก่อนตัดสินใจเลือกนายกฯ

อมพะนำกว่าจะตอบรับ พปชร.

เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อแจ้งเรื่องนี้เมื่อใด นายอนุทินตอบว่า กรรมการบริหารพรรคมอบให้ตนตัดสินใจ “ผมได้ตัดสินใจแล้วครับ และจะแจ้งให้กับเพื่อนร่วมงานของผมได้ทราบ คือตัดสินใจว่าจะต้องเป็นรัฐบาลเพื่อทำงานให้กับบ้านเมือง” เมื่อถามย้ำว่าขอความชัดเจนว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรคใด นายอนุทินหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ บริหารราชการแผ่นดินได้” เมื่อถามย้ำว่าพลังประชารัฐมีเสถียรภาพหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “มีสิครับ” เราได้เห็นการประชุมสภาเพื่อเลือกประธานและรองประธานสภา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถือว่ามีเสถียรภาพในภาวะปัจจุบัน

คุยฟุ้งเป็นเอสเอ็มอีเนื้อหอม

เมื่อถามว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังคาดหวังจะไปร่วมรัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า ขอบคุณ บางครั้งเราต้องดูว่าอะไรที่ทำแล้วบ้านเมืองไปได้ ทำแล้วทำได้ เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอนาคตใหม่ เดินทางมาเทียบเชิญเหมือนพลังประชารัฐ จะเปิดประตูรับหรือไม่ นายอนุทินถอนหายใจ ก่อนตอบว่า วันนี้ยังไม่มีใครมา แต่พรรคพลังประชารัฐมาพูดคุยก่อน รู้สึกลำบากใจเป็นพรรคขนาดกลาง แต่เราต้องดูทุกมิติ ทั้งนโยบาย การยอมรับซึ่งกันและกัน และความเป็นไปได้ที่จะจัดตั้งรัฐบาลเป็นผลสำเร็จ

หอบสินสอดมา 8 ตำแหน่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า การหารือระหว่างแกนนำสองพรรค นายอุตตมระบุว่า โควตารัฐมนตรีของประชาธิปัตย์ มี 7 คน 8 ตำแหน่ง คือ 1 รองนายกฯ 3 รัฐมนตรีว่าการ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ส่วน 4 รัฐมนตรีช่วย คือ รมช.คมนาคม รมช.มหาดไทย รมช.ศึกษาธิการ และ รมช.สาธารณสุข ขณะที่แกนนำกลุ่มสามมิตรที่เดินทางมาด้วยคือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มีทีท่าตกใจ เนื่องจากที่ผ่านมารับทราบข่าวเรื่องโควตารัฐมนตรีจากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ขณะที่ผู้มีอำนาจจริงในพรรคไม่ได้ยืนยันหรือบอกกล่าวอะไร ทำให้แกนนำกลุ่มสามมิตรต้องติดตามคณะส่งเทียบเชิญเพื่อเกาะติดสถานการณ์

พปชร.ฮึดงัดข้อทวงคืนเกษตรฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมจากพรรคพลังประชารัฐว่า การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ จบไม่ง่ายเสียแล้ว เมื่อมีข่าวแกนนำในพรรคเริ่มไม่พอใจการจัดสรรโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี หลังกระทรวงเกรดเอโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ตกไปอยู่พรรคตัวแปรอย่างพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรที่ไม่พอใจต้องการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คืน หลังมีข่าวจะยกให้พรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านการดีลของผู้บุคคลที่มีอำนาจนอกพรรค โดยเห็นว่าประชาธิปัตย์ได้เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร และได้กระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว โดยมีรายงานข่าวว่า ในวงหารือระหว่างไปเทียบเชิญ แกนนำพลังประชารัฐได้พูดคุยต่อรองขอกระทรวงเกษตรฯคืน โดยแลกกับกระทรวงศึกษาธิการ ที่ก่อนนี้มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการเก้าอี้ รมว.ศึกษาธิการ แต่ท่าทีของประชาธิปัตย์จะไม่ยอมเงื่อนไขดังกล่าว

“ผู้มีอำนาจคนนอก” ไม่มีสิทธิชี้ขาด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐร่วมคณะไปที่พรรคประชาธิปัตย์ชุดใหญ่ รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของนายอุตตม สาวนายน ที่ระบุว่าต้องนำข้อเสนอทุกอย่างเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐให้มีมติก่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่าการพูดคุยเจรจาต่อรองผ่านบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ทำหน้าที่ประสาน ยังไม่ถือว่าเป็นมติพรรค โควตาดังกล่าวยังไม่ใช่ นายอุตตมระบุว่า ต้องนำข้อเสนอทุกอย่างกลับมาเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อขอมติก่อนสรุป และท้ายที่สุดรายชื่อทั้งหมดจะเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ต้องส่งรายชื่อบุคคลที่จะไปนั่งในกระทรวงต่างๆให้นายกฯได้พิจารณาคุณสมบัติให้เหมาะสม หากบางกระทรวงยังไม่ลงตัวเรื่องบุคคล อาจให้คนนอกที่มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ เพื่อให้ ครม.ใหม่มีความสง่างาม

แบ่งเก้าอี้ รมต.ไม่จบต้องคุยอีก

กระทั่งเวลา 20.10 น. นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วันนี้ตนและคณะผู้บริหารพรรค ไปเรียนเชิญพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการเพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ส่วนเรื่องการแบ่งตำแหน่งรัฐมนตรี วันนี้ยังไม่ได้พูดคุยกันในรายละเอียด อาจมีการพูดคุยกันรอบ 2 เพื่อแบ่งงานและนโยบายของแต่ละพรรค ส่วนเงื่อนไขที่ประชาธิปัตย์ต้องสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ นั้น ถ้าจะเป็นพรรคร่วมเราแล้วก็คาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนเช่นกัน อยากให้ทุกฝ่ายมองผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ไม่ควรสร้างเงื่อน และต้องขอบคุณหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และคณะผู้บริหารต้อนรับอย่างอบอุ่นเชื่อว่าเราทำงานร่วมกันได้ หลังโพสต์ได้ไม่ถึง 10 นาทีได้มีการลบออกไป ต่อมาเวลา 20.50 น. นายอุตตมโพสต์ลงเฟซบุ๊กอีกครั้ง ขอบคุณหัวหน้าพรรคและผู้บริหารทั้งสองพรรคที่ให้การต้อนรับอบอุ่น และเห็นในอุดมการณ์ที่เชื่อว่าเราจะสามารถทำงานร่วมกันได้

ปลาไหลโชว์ลีลาเพิ่มราคาต่อรอง

ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง ส.ส. บัญชีรายชื่อ ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการเดินสายส่งเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ว่า พรรคชาติไทยพัฒนายังไม่มีความชัดเจนใดๆ พรรคต้องเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารก่อน ส่วนที่มีการประชุม ส.ส.ไปเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการหารือภายในของ ส.ส. เป็นแนวทางการทำงานด้านนิติบัญญัติ เพื่อโหวตประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้งานด้านนิติบัญญัติเดินหน้า จึงมีมติที่ประชุม ส.ส.ดังกล่าวออกมา เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐทาบทามพรรคชาติไทยพัฒนาแล้วหรือยัง นายนิกรตอบว่ายัง มีเพียงการประสานไปประสานมา แต่ที่ชัดเจนยังไม่มี

งัดมุกฝ่ายกลางในสภาฯขึ้นมาขู่

“พรรคเราเคยเป็นมาหมดแล้วทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่ที่ยังไม่เคยเป็นคือเป็นพรรคการเมืองที่ดำรงตนอยู่ในสภาพเป็นกลางในสภา หรือฝ่ายกลางในสภา คือไม่สังกัดฝ่ายใด เป็นการทำหน้าที่โดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน แต่ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติโหวตเป็นวาระๆไป เรายังไม่เคยเป็นตรงนี้ ในสถานการณ์แบบนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ” นายนิกรกล่าว เมื่อถามย้ำว่านี่ไม่ใช่การขู่พรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ นายนิกรตอบว่า ก็แค่ยังไม่เคยเป็น

7 พรรคกอดคอทำงานในสภาฯ

วันเดียวกันเวลา 14.30 น. ที่โรงแรมอวานีเอเทรียม แกนนำ 7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยนัดหารือกัน ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และนายสุภดิช อากาศฤกษ์ รักษาการหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ รวมถึงนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นนายภูมิธรรมกล่าวว่า ประมวลสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว พึงพอใจที่ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เรายังยืนยันยึดมั่นในเจตนารมณ์ที่ประชาชนตัดสินใจเลือกพวกเรามา และยังคงยึดมั่นพยายามทำให้ประเทศกลับสู่สภาวะประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ต้องการเห็นการสืบทอดอำนาจไม่อยากเห็น พล.อ.ประยุทธ์มาทำหน้าที่ต่อ จะจับมือกันทำหน้าที่ในสภาฯอย่างสมบูรณ์ที่สุด

อุบไต๋แนวทางเสนอชื่อนายกฯ

นายภูมิธรรมกล่าวว่า จากนี้ไปจะเป็นกระบวนการเลือกนายกฯ ซึ่งต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯประธานสภาฯให้เรียบร้อย ยังยืนยันว่าสิ่งที่เรายึดมั่นและตัดสินใจเลือกไปในทิศทางเดียวกันเหมือนเดิม เมื่อถามว่าทั้ง 7 พรรคจะเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไร นายภูมิธรรมตอบว่า ต้องเชื่อมั่นในสมาชิกพรรคของเราทุกคน เชื่อมั่นใน 7 พรรคของเรา เชื่อว่าเสียงโหวตจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และจะสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนชัดเจน เรื่องเหล่านี้ต้องคุยกันต่อเพื่อตัดสินใจในทิศทางเดียวกัน ตอนนี้ยังมีเวลา มีการหารือแนวทางเหล่านี้ไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมจะเสนอรายชื่อที่ชัดเจน

“ภูมิธรรม” กระทุ้งคนทรยศ ปชช.

เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ที่เคยประกาศว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่กลับมาจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ นายภูมิธรรมตอบว่า สิ่งที่นักการเมืองพูดไว้กับประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องยึดมั่นในสิ่งที่แสดงกับประชาชนไว้ เพราะจะสะท้อนให้ประชาชนเห็นว่าเราเป็นนักการเมืองที่ซื่อสัตย์จริงใจกับประชาชนหรือไม่ ต้องเคารพในสิ่งที่พูดไว้ ใครก็ตามที่ไม่สามารถยืนหยัดกับพี่น้องประชาชน หรือทรยศกับสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ ประชาชนจะตัดสินใจและจัดการกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ไปไหนไปกันแม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล

เมื่อถามว่า หากฝ่ายพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ นายภูมิธรรมตอบว่า การเลือกประธานสภาฯเพิ่งผ่านพ้นไป ยังมีกระบวนการเลือกนายกฯ ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายเป็นอย่างที่พลังประชารัฐคิดหรือไม่ เพราะเขายังต่อรองไม่สิ้นสุด ผลประโยชน์ยังไม่ลงตัว ทั้งที่การจัดตั้งรัฐบาลควรมาดูว่าใครเหมาะสมมากกว่าใคร ไม่ได้มองที่ผลประโยชน์ เมื่อเขายับยั้งตั้งรัฐบาลไม่ได้เราก็ต้องติดตามสภาพ การณ์ต่อไปว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร แต่ยืนยันขณะนี้ทั้ง 7 พรรคจับมือกันเดินตามเจตนารมณ์เหมือนเดิม ไม่ว่าจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ก็ตาม นอกจากนี้ต้องขอแสดงความยินดีกับ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคอนาคตใหม่ ที่ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ในการเลือกตั้งซ่อม ด้วยคะแนน 75,819 คะแนน นับว่าเป็นคะแนนที่สูงที่สุดในประเทศ

“ธนาธร” ติง ปชป. เลือกให้ถูก

นายธนาธรกล่าวว่า ถ้าเราไม่ต้องการการสืบทอดอำนาจไม่ต้องไปเรียกร้องให้พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนหลักในการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังคาดหวังไปคุยให้พรรคพลังประชารัฐแก้รัฐธรรมนูญ มองว่าเป็นเรื่องตลกและเป็นไปไม่ได้ เพราะพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่ตั้งมาเพื่อสืบทอดอำนาจของระบอบ คสช. ถ้าต้องการแก้รัฐธรรมนูญจริงก็เห็นอยู่แล้วว่าพรรคไหนที่ต้องการทำเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. มันเลือกข้างได้ชัดเจน ไปดูหัวบันไดพรรคตนใสปิ๊งขัดรอทุกวันเลย แต่ที่ทำอยู่ไม่มีอะไรเพียงแค่ได้คืบจะเอาศอกได้ประธานสภาฯไปแล้ว ก็เอารัฐธรรมนูญมาต่อรอง นี่คือเรื่องผลประโยชน์ไม่ใช่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ

เสียงเตือนชนะเลือกซ่อมถล่มทลาย

เมื่อถามถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 8 จ.เชียงใหม่ อาจทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มรวม 2 คน นายธนาธรตอบว่า ขอบคุณประชาชนที่ต้องการสนับสนุนประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น และสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ให้ชนะถล่มทลาย เป็นความพยายามร่วมกันของประชาชนที่รักประชาธิปไตย ที่น่าสนใจคือการชนะอย่างถล่มทลาย ถือเป็นเสียงความโกรธแค้นของประชาชนที่บอกว่าไม่เอาแล้วกับระบอบเผด็จการ และเป็นเสียงที่ดังที่สุด เพราะหลังการเลือกตั้งประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร รู้ว่ามีการกระทำที่ไม่เป็นธรรมต่างๆมากมาย ดังนั้น ประชาชนจึงลงโทษระบอบเผด็จการและเสียงของประชาชนเชียงใหม่ก็สะท้อนเสียงประชาชนทั้งประเทศได้ดีที่สุด

แจกใบแดง-ดำอีก สภามีพลิก

นายธนาธรกล่าวต่อว่า คำนวณคร่าวๆแล้ว ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จะเพิ่มจาก 115 เป็น 116 คน พรรคประชาธิปัตย์จาก 52 เป็น 53 คน และพรรคอนาคตใหม่ จาก 80 เป็น 81 คน ส่วนพรรคไทยรักธรรม ส.ส.จะหายไป รวมทั้งหมดพรรคฝ่าย ต่อต้านเผด็จการจะมี ส.ส.รวมกัน 246 ที่นั่ง พรรค อื่นรวมกัน 254 ที่นั่งในสภาฯ แต่ต้องรอผลอย่างเป็นทางการจาก กกต.อีกครั้ง และหากมีการแจกใบแดง ใบดำในเขตอื่น และมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เชื่อว่าเราจะได้ ส.ส.เพิ่มอีก แต่ขอเรียกร้องให้ กกต.ใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม ซื่อสัตย์ อย่าให้การเมืองมากดดัน และประกาศผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 โดยเร็ว เพื่อให้เสียงของคนเชียงใหม่ เขต 8 สะท้อนเข้าไปในการโหวตเลือกนายกฯ ส่วนการเดินสายส่งเทียบเชิญของพรรคพลังประชารัฐ ขอเรียกร้องไปที่กรรมการบริหารทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ให้เดินตามสิ่งที่สัญญากับประชาชน ประชาชนเขาจับตาดูอยู่ ทางเราเองยังเปิดประตูอยู่ และจะพยายามให้ถึงที่สุด ตนยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ เราพูดคุยได้อยู่แล้ว ทำสิ่งที่ตนเองเสนอ ลดทิฐิลง แล้วมองอนาคตประเทศเป็นหลัก

ถูลู่ถูกังตั้งรัฐบาลไร้เสถียรภาพ

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายชวน หลีกภัย ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร และว่าที่รองประธานสภาฯทั้ง 2 คน ผลการเลือกตั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าเป็นไป ตามครรลองประชาธิปไตย และเผด็จการรัฐสภาไม่มีจริง วันนี้พรรคเพื่อไทยยังมีความตั้งใจจะเดินหน้านำพาประชาชนหลุดพ้นจากสภาพความยากจนให้ได้ตามที่เคยให้คำสัญญาณไว้ และขอเรียกร้องไปยังพรรคต่างๆ อย่ามัวแต่เจรจาแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาล นึกถึงแต่ผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างเดียว จนลืมนึกถึงผลประโยชน์ของประชาชน หากมีการจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจะกลายเป็นรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ ทำงานในสภาฯได้ยาก

เย้ยแค่สร้างภาพรอรับขันหมาก

ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุใดพรรคประชาธิปัตย์กล้าพูดว่ายังไม่ตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ในเมื่อเห็นกันอยู่ว่าโดนเจาะไข่แดงไปเรียบร้อยแล้ว ยังอ้างว่ารอยกขันหมากมาขอ อย่างนี้ไม่ให้เรียกตระบัดสัตย์จะให้เรียกว่าอะไร นายอภิสิทธิ์ไม่ได้พูดแค่ครั้งสองครั้งตอนหาเสียง หรือนี่เป็นแค่เทคนิคหาเสียงเลือกตั้งแบบศรีธนญชัย ทำไมไม่ตรงไปตรงมากับประชาชน อย่าอ้างว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว เพราะอาจเป็นแค่การหาทางลงเพื่อจูบปากกับเผด็จการ เลยต้องเล่นไพ่หลายหน้าพอเลือกตั้งจบกลืนน้ำลายตัวเอง แล้วไปเจรจาต่อรองเก้าอี้ มีจุดยืนบ้างหรือไม่ ผลเลือกตั้งซ่อมที่ จ.เชียงใหม่ เห็นชัดว่าพวกเขาตื่นตัวมาใช้สิทธิและส่งสัญญาณว่าไม่เอาเผด็จการ อยากสั่งสอนพรรค การเมืองที่หักหลังประชาชน เพราะคิดว่าเมื่อได้อำนาจไปแล้วจะใช้อย่างไรก็ได้โดยไม่แคร์ความรู้สึกประชาชน

ตอก พปชร.ชะโงกดูเงาก่อน

นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ว่าที่นายธนกรบอกว่าอยากเห็น ส.ส.ทำหน้าที่ตามที่ประชาชนคาดหวังนั้น อย่ามาแนะนำสั่งสอนพวกตน เอาเวลาไปเตือนสติ ส.ส.ในพรรคตัวเองดีกว่า เพราะแค่ประชุมสภาฯมา 2 วัน ก็มีแต่เกมการเมือง เราอยากให้มีประมุขฝ่ายนิติบัญญัติโดยไว ทุกอย่างจะได้เดินหน้า แต่พรรคพลังประชารัฐเป็นคนเสนอเลื่อนญัตติหวังยื้อเวลาเพื่ออะไร คนเขาดูออก ภาษีประชาชนจ่ายมาเป็นเงินเดือน เป็นค่าห้องประชุม จึงไม่ควรคิดแค่เรื่องต่อรองทางการเมือง เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ถ้านายธนกรว่างนัก ลองไปดูกระแสในโซเชียลหรือเปิดทีวีดูย้อนหลังจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง และมาแข่งกันทำงานให้ประชาชนดีกว่า

แจงยิบที่มามูลค่างูเห่า 30 ล.

นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า ผลการเลือกประธานและรองประธานสภาฯ 2 วันที่ผ่านมา คะแนนเสียงที่สวิงไปมาเชื่อว่าคงมีกลุ่มงูเห่าเกิดขึ้นแน่นอน แต่จะมีการเสนอเงื่อนไขหรือสิ่งจูงใจอื่นหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ขนาดตนประกาศจุดยืนไม่เอาเผด็จการสืบทอดอำนาจแล้ว ก็ยังมีติดต่อมาเป็นระยะ แบ่งสายกันมา แม้ก่อนวันเลือกประธานสภาฯหนึ่งวัน ยังได้รับการติดต่อมีการเสนอให้ 30 ล้านบาท แบ่งเป็น 5-5-10 มีการพูดในทำนอง 5 แรก สำหรับการประกาศตัวให้ชัดเลือกฝั่งใด 5 ที่สองสำหรับการโหวตประธานสภาฯ และ 10 คือการโหวตเลือกนายกฯ แต่มันยังไม่หมดเท่านั้น เพราะอีก 10 ที่ซอยแบ่งเป็นอีก 5 และ 5 แต่เขายังไม่บอกให้ทำอะไร เข้าใจว่าคงเอาไว้สำหรับการโหวตในเรื่องอื่นๆตามมา แต่ทั้งหมดนี้ไม่นับรวมเงินเดือนที่จะให้ทันทีต่างหากอีกเดือนละ 2 แสนบาทหากรับงาน ส่วนเงินก้อนนั้นผู้มาติดต่อบอกจะได้เมื่อจบงานแล้ว เพราะจะมาเป็นลอตๆไม่ได้

“ปรีชาพล” ฟุ้งขอตายอย่างเสือ

ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า คุณสมบัติสำคัญของนักการเมืองที่ดี คือมีคุณธรรม รักษาสัจจะ ที่หายากในบ้านเมืองยุคนี้ เมื่อผลประโยชน์อยู่เหนืออุดมการณ์การสร้างเหตุผลอธิบายนั้นทำได้ไม่ผิด แต่คนฟังจะเชื่อหรือไม่เป็นอีกเรื่อง จดจำวันนี้ไว้ไม่ใช่การโกรธแค้น แต่พร้อมเปลี่ยนเป็นพลังเมื่อมีจังหวะที่เหมาะสม จงมอบบทเรียนให้นักการเมืองเหล่านั้น ที่ทรยศหักหลังประชาชน บางคนอาจคิดว่าเป็นสมัยนี้สมัยเดียวหรือสมัยสุดท้าย ไม่ต้องสนใจอะไรมาก แต่ชื่อเสียงจะปรากฏในความทรงจำประชาชนตลอดไป ถ้าหัวใจคือประชาชนเราจะไม่ทรยศต่อจิตวิญญาณ จิตสำนึกที่มีต่อประเทศชาติ และประชาชน ผลประโยชน์ เงินทอง สิ่งของล่อตา ล่อใจเป็นใครก็อยากได้ แต่ให้ขายจิตวิญญาณและอุดมการณ์ขอตายอย่างเสือดีกว่า

เต้น” ชี้สภาฯวุ่นตัดเค้กไม่ลงตัว

ที่ศาลอาญา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า บรรยากาศในสภาผู้แทนราษฎรเป็นเรื่องปกติของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ว่างเว้นมากว่า 5 ปี เมื่อสภาฯเปิดต้องแสดงบทบาทชิงไหวพริบ พยายามสร้างความได้เปรียบ ไม่อยากให้ประชาชนมองว่าเป็นเรื่องอึดอัดรำคาญใจ หรือคิดว่าทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ความจริงถ้ามันจะวุ่นวายก็มาจากเจตนาของคนบางกลุ่มที่ต้องการใช้สภาฯตอบสนองต่อเป้าหมายทางการเมือง ต่อรองจัดสรรอำนาจแบ่งผลประโยชน์กันไม่ลงตัว แม้การเริ่มต้น 2 วันแรกสับสนอลหม่าน การต่อสู้กันนอกสภาฯกว่า 10 ปีที่ผ่านมามันอธิบายชัดเจนแล้วว่า ไม่มีฝ่ายใดชนะกันจริงๆ มีแต่ความเจ็บปวด เสียหายและสูญเสีย

รอดู “มาร์ค” ขานชื่อ “ประยุทธ์”

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ยังจำท่าทีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้อัดคลิปออกเผยแพร่ยืนยันชัดเจนจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ และยังจำท่าทีนายอนุทิน ชาญวีรกูลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ว่าจะยืนยันหลักการประชาธิปไตย ดังนั้นถ้าจะกล่าวอ้างว่าที่นายอภิสิทธิ์ พูดตอนเลือกตั้งเป็นเรื่องที่กรรมการบริหารชุดใหม่ไม่ต้องรับผิดชอบ ก็พูดมาให้ชัด ประชาชนจะได้รู้ว่าเล่นเกมกันแบบนี้ และอยากจะเห็นด้วยว่านายอภิสิทธิ์จะลุกขึ้นยืนในสภาฯ แล้วขานชื่อโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้อย่างไร แต่เชื่อว่าทั้งหมดมีการตกลงกันเรียบร้อยแล้ว การยกขันหมากเทียบเชิญเป็นเพียงละครการเมืองฉากหนึ่ง

เย้ยสภาพซ้ำรอย “ถนอม” แน่

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า เชื่อมาตั้งแต่ต้นว่าประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยจะไปรวมกับพลังประชารัฐแน่ แต่ต้องรับผิดชอบคำพูดต่อประชาชนช่วงหาเสียง พูดอะไรกันไว้บ้าง เสียงถึงอย่างไรก็ปริ่มน้ำแม้จะมีงูเห่า ในวันโหวตเลือกนายกฯต้องขานชื่อโดยเปิดเผย ใครคิดจะเป็นงูเห่าก็ฆ่าตัวตาย และรัฐบาลที่เริ่มต้นด้วยงูเห่าจะอยู่ได้ไม่ยืด ขาดความชอบธรรมเอาคนที่ทรยศประชาชนมาสนับสนุนรัฐบาลปริ่มน้ำจะจมน้ำเร็ว การต่อรองจะอยู่ในทุกห้วงเวลาของสภาฯจะล่มแทบทุกเวลา ท้ายที่สุดสภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จะเหมือนจอมพลถนอม กิติขจร คือทน ส.ส.ไม่ได้

เลื่อนสั่งคดีไลฟ์พลังดูด คสช.

นายวิเชียร ถนอมพิชัย อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เปิดเผยว่า กรณีอัยการสำนักงานคดีอาญา นัดฟังคำสั่งคดีที่พนักงานสอบสวน ปอท.ส่งสำนวนรวม 2 คดี ที่ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้รับมอบอำนาจ คสช.กล่าวหา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายไกลก้อง ไวทยาการ นายทะเบียนพรรค น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ กรรมการบริหารพรรค เป็นผู้ต้องหาที่ 1-3 ข้อหาร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ร่วมกันจัดรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ วิจารณ์กระแสข่าวพลังดูดของ คสช.ขณะนี้ผู้ต้องหาร้องให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม อัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่ม แต่ยังไม่ส่งผลสอบสวนเพิ่มเติมเข้ามา การฟังคำสั่งคดีในวันที่ 28 พ.ค.ต้องเลื่อนออกไป

“วิษณุ” แย้มกันเองไม่ต้องมีเทียบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนจะเริ่มให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า “ยังไม่มีเทียบมา รีบบอกเสียก่อน เขาคงไปที่อื่นไปข้างหน้าก่อน” ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า เทียบเรามาทีหลัง เนื่องจากเป็นคนกันเองหรือ นายวิษณุตอบว่า “ไม่ต้องเขาอาจเรียกให้ผมไปหาเขาแล้วหลับหูหลับตาหยิบเทียบมาเอง”