PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

สิ้นสุดจุดเกรงใจแล้ว

เหรียญห้าสิบสตางค์ เหรียญบาท หล่นเสียงก๊องแก๊งในพรรคประชาธิปัตย์

แต่ระดับเซียนเขี้ยวลากดินทางการเมืองจะไม่ให้ราคา เพราะของจริงต้องโฟกัสไปที่ระดับแบงก์ 500 แบงก์ 1,000 อย่าง “เสี่ยต่อ” นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาเคลียร์ “คลิป” ที่ประกาศหนุนขั้วพลังประชารัฐอย่างชัดเจน

ยืดอกรับเต็มปากเต็มคำ เป็นความรู้สึกส่วนตัว จากการรับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่เห็นด้วยหากพรรคจะเข้าร่วมรัฐบาล จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจแสดงความเห็นดังกล่าว

“ผมพูดตรงๆว่าวันนี้ผมสอบตก ถ้าผมผลักดันไม่ได้ จะให้ผมทำอย่างไร ผมก็ต้องอยู่เฉยๆ”

สไตล์นักเลง “เสี่ยต่อ” บอกวันที่ 23-24 พฤษภาคมนี้ รู้คำตอบแน่

แต่ที่ร้อนแรงกว่า ระดับแบงก์พันอย่างนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่เพิ่งขึ้นแท่นอันดับสองในการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กแรงๆอัดผู้ใหญ่ในพรรคหนักๆ

“ผมเพิ่งประจักษ์ด้วยตัวผมเองว่าผู้ใหญ่บางคนที่ผมเคยเคารพนับถือมาเกือบ 30 ปี ที่ผมเคยเชื่อว่าดี แท้จริงแล้วก็เป็นภาพลวงตา ใครไม่ยอมอยู่ในอาณัติหรืออยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกันเมื่อใด ก็กลายเป็นคนต้องถูกพิฆาต แผ่บารมีต่อต้านวาดภาพให้เป็นคนไม่ดี เป็นคนของคนนั้นคนนี้ เพื่อให้ดูไม่ดีในสายตาเพื่อน บารมีมากล้นควรจะวางตัวเป็นกลางเพื่อสร้างเอกภาพ กลายเป็นตัวตอกลิ่มให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น”

เด็กเพิ่งหัดอ่านข่าวการเมืองก็เดาออกว่า หมายถึงใคร

ที่แน่ๆในอารมณ์ประชาธิปัตย์ “สิ้นสุดทางเพื่อน” เลยจุดเกรงใจ “ขาใหญ่” แล้ว

สะท้อนสภาพภายใน ปชป.แตกเละเป็นเสี่ยง

ตามรูปการณ์ที่เห็นกันได้ตรงหน้า ถ้าไม่ร่วมหนุน “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตีตั๋วต่อนายกฯ นายชวน หลีกภัย ก็แค่ได้รักษาภาพขลังๆ “เจ้าหลักการ” ก่อนล้างมือในอ่างทองคำ เช่นเดียวกันกับศิษย์รักอย่าง

“เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็แค่ได้ล้างคราบ “ตราบาป” ที่เคยนั่งเสลี่ยงคานหาม ตั้งนายกฯในค่ายทหาร แล้วก็จบเส้นทางทางการเมืองโดยปริยาย

“ชวน-อภิสิทธิ์” ไม่มีอะไรต้องสู้ในกระดานการเมืองอีกต่อไป

แต่เดิมพันมันอยู่ที่คนประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ที่ต้อง “ปากกัดตีนถีบ” บนเส้นทางการเมืองต่อไป ถ้ามัวยึดติด “อีโก้” กับสถานะ “ฝ่ายค้านอิสระ” ที่จับต้องอะไรไม่ได้ อนาคตเลือกตั้งใหม่ กระแสไม่มี นั่นไม่เท่ากับ “กระสุน”

นายทุนไม่กล้าเสี่ยงลงทุนในหุ้นที่ไร้อนาคต เหมือนบริษัทที่ไม่มีทิศทางในการบริหาร

ครั้นจะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน กระโดด “งับ” มุกสุดท้ายของ “นายใหญ่” ดูไบ

โหนรัฐบาลขั้วที่สาม ชิงพลิกขั้วอำนาจ คสช.กลับไปใส่มือ “ทักษิณ”

ประชาธิปัตย์มีหวังโดนคนปักษ์ใต้กับคนเมืองกรุงเหยียบจมธรณี

เงื่อนไขเดียวกับ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ที่โหน “กัญชา” ดึงเช็ง ไม่เปิดไต๋ร่วมรัฐบาล อ้างต้องฟังเสียงประชาชนที่อยากเห็นรัฐบาลขั้วที่ 3

พูดลอยๆแค่รัฐบาลเสียงข้างน้อยจะไม่มีพรรคภูมิใจไทยแน่นอน

ลากจนนาทีสุดท้าย “เสี่ยหนู” ก็ได้แค่ยื้อราคา ทั้งๆที่รู้ “ลุงตู่” ไม่ต่อรองกับใคร

เรื่องของเรื่องตามสภาพ “ตัวความหวัง” ของฝั่งอุปโลกน์ประชาธิปไตย “ชะตากรรม” ของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่โดนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยปมหุ้น ส่อ “หลุด” ส.ส.

“ความวัว” ไม่ทันหาย “ความควาย” เข้ามาแทรก

ล่าสุดกับคลิปให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ “ธนาธร” อ้างดื้อๆมีแกนนำพรรคพลังประชารัฐต่อสายหา “แม่” เพื่อขอ ส.ส. “งูเห่า” พรรคอนาคตใหม่ มาหนุน “นายกฯลุงตู่” แลกกับการเคลียร์คดีของตัวเอง

โดนกระแสสื่อจี้คอหอยให้เปิดชื่อคนติดต่อ ส่อเป็น “เด็กเลี้ยงแกะ”

และพรรคพลังประชารัฐจ่อให้ทีมกฎหมายไล่บี้ฟ้องหมิ่นประมาท ต้องหาหลักฐานมายันกัน

ไหนจะปมเงินที่ “ไพร่หมื่นล้าน” หลุดปากว่า ได้ควักเงินกงสีส่วนตัวให้พรรคอนาคตใหม่ยืมในการเลือกตั้งกว่า 110 ล้านบาท แต่นั่นก็ขัดกับที่ น.ส.พรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ระบุกลางรายการทีวีว่า มีการยืมเงินนายธนาธรมา 250 ล้านบาท โดยมีการคิดดอกเบี้ย เพราะหัวหน้าพรรคหน้าเลือด

ส่อวุ่นปมหุ้นวีลัค-เงินยืม เพราะพูดกันคนละอย่าง ยิ่งแก้ยิ่งมัดตัว

และนั่นก็ชัวร์ โดนนักร้องอาชีพอย่างนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จ่อยื่น กกต.ตรวจสอบเพื่อวินิจฉัยว่ากรณีดังกล่าวเป็นความผิดหรือไม่

“ธนาธร” ติดบ่วง ล็อกหน้าล็อกหลัง ดิ้นยังไงก็รอดยาก

แค่ฝันยังลำบาก “ขั้วที่สาม” หลอกกองเชียร์หวังลมๆแล้งๆ.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน


ไม่มีความคิดเห็น: