PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562

การเมืองไม่มีลิ้นไม่มีเอ็น

การเมืองไม่มีลิ้นไม่มีเอ็น

สมัย 2 แล้วก็ยังอดเขิน ประหม่า ไม่ได้อยู่ดี

ตามอาการของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่โดนนักข่าวลอบสังเกตอากัปกิริยา ก่อนพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 สมัย 2 ที่จัดขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล
โดยผลงานสร้างสรรค์ของทีม “อีเวนต์” ฝ่าย เสธ.ตึกไทย “บี กปปส.” และสื่อขาใหญ่ ต่อสายเรียกหัวหน้าและแกนนำ 18 พรรคร่วมรัฐบาล ยืนประกอบฉากยิ่งใหญ่
เป็นไม้ประดับ “นายกฯลุงตู่ ภาค 2” ดูแน่นปึ้ก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าเพิ่งทึกทัก “ตีขลุม” ว่าโควตา ครม.ปิดกล่องเรียบร้อย ตามร่องรอยที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย แบะท่าแล้ว “นายกฯลุงตู่” และ ครม.ชุดเดิมยังต้องทำหน้าที่เป็นประธานจัดประชุมอาเซียนในวันที่ 22-23 มิถุนายนไปก่อน นั่นหมายถึง ครม.ชุดใหม่ยังคลอดไม่ทัน
ล้อตามเงื่อนไขสถานการณ์แบบที่ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุการเจรจาจัดโผ ครม.ลงตัวแค่บางส่วน ยังต้องคุยกันอีกยก ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พูดชัด โควตากระทรวงเศรษฐกิจสำคัญจำเป็นต้องอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ
ขณะที่ประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย แผ่นเสียงตกร่อง “ยึดดีลเดิม”
กอดเก้าอี้หุ้มทองฝังเพชรแน่น ไม่ยอมคายอ้อยออกจากปากช้าง
ตามรูปการณ์ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ชูธงตามหลักการ “ชงลูก” ให้เป็นหน้าที่ของ “นายกฯลุงตู่” ในการเลือกคนดีที่สุดมาทำงานให้บ้านเมือง
โควตารัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ส่วนบุคคลหรือพรรคการเมือง
โดยเงื่อนไขไฟต์บังคับ “ลุงตู่” หนีไม่พ้นแบกภาระในฐานะหัวหน้าทีมบริหารผู้รับผิดและรับชอบ ครม. แบกความคาดหวังของประชาชนคนไทยที่อยากเห็นการเมืองยุคปฏิรูป
จะหวังได้แค่ไหน ในอารมณ์แบบที่ส่อเค้าขอแค่ “ตีตั๋วต่อ” ก็ทิ้งทุกอย่างหมด
แกะรอยตามฟอร์มแปร่งๆ แบบที่ผู้มีอำนาจสายท็อปบูตปล่อย “ล็อบบี้ยิสต์ขาใหญ่” ในพลังประชารัฐ ประสานเสียงโทนเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย
ดีลจบแล้ว ตามคำพูดของผู้ใหญ่ได้ตกลงกันไม่มีการเปลี่ยนแปลง
นัยว่า ยึดสัจจะชายชาติทหารคำไหนคำนั้น ตามสถานการณ์ได้สมใจ “3 ป.” แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ เบิ้ลเก้าอี้นายกฯ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปต่อบนเก้าอี้รองนายกฯและ รมว.กลาโหม “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ล็อกคิวยาวเก้าอี้ รมว.มหาดไทย
สไตล์ทหารกับ “กรอบเหลี่ยม” ในค่ายทหาร แต่นี่มันสถานการณ์จับขั้วรัฐบาลเลือกตั้ง
ในดงนักการเมือง “ลิ้น” ไม่มีเอ็น
ตัวอย่างตรงหน้าชัดๆทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ ไล่ตั้งแต่ปรมาจารย์ชวน หลีกภัย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช รวมถึงคนประชาธิปัตย์ครึ่งพรรค
ไม่เคยหนุน พล.อ.ประยุทธ์ พูดชัดๆถึงขั้นต่อต้านสืบทอดอำนาจ
รวมทั้งบทบาทของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่พลิ้วไปพลิ้วมา ทั้งๆที่ทางลึกวงในรู้กันทั่วดีลอยู่กับ 3 ป. แต่พอเผลอก็ด่าทหาร คสช. หันไปแอบอิงกับนายใหญ่ทีมดูไบ
กระตุกต่อมหมั่นไส้ “นายกฯลุงตู่” เขม่นหูเขม่นตาตลอด
แต่สุดท้ายทั้งภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ก็ “พลิกลิ้น” แบบ 180 องศา จับขั้วรัฐบาลพลังประชารัฐ ด้วยเหตุผลหรูๆตามสคริปต์ เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้า ยึดประโยชน์ประชาชน
แน่นอน ว่ากันตามเหลี่ยมลีลา เหตุผลของคนยี่ห้อภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ ยึดประโยชน์ประเทศและประชาชน วัด “ความจำเป็น” กับสถานการณ์หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับลำเพื่อชาติ
ในการเปลี่ยนดีลเดิมที่ผู้มีอำนาจเผลอเสีย “ค่าโง่” แอบไปตกลงลับหลังกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ยกกระทรวงเศรษฐกิจเกรดเอให้พรรคร่วมหมด เพื่อแลกกับตั๋วสืบทอดอำนาจ
ขณะที่แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ความจำเป็นที่กัปตันทีมเศรษฐกิจอย่างนายสมคิด ต้องมีเครื่องมือ คุมกระทรวงสำคัญอย่างคลัง คมนาคม พาณิชย์ อุตสาหกรรม ในการเดินเนื้องานต่อเนื่องจากที่รัฐบาล “ลุงตู่” ภาคแรก ที่ได้ปักหมุดลงเสาเข็มสารพัดเมกะโปรเจกต์ ทั้งโครงการอีอีซี รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟความเร็วสูงเส้นทางไทย-จีน การขยายท่าเรือน้ำลึก ศูนย์กลางเมืองการบินอู่ตะเภา ฯลฯ
งานคืบไปกว่า 60-70 เปอร์เซ็นต์ รองรับการพัฒนาการทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
ถ้าเอากระทรวงคมนาคมประเคนให้ภูมิใจไทย งานสะดุดแน่นอน
เช่นเดียวกับกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องดีลข้อตกลงการค้ากับมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ องค์กรระดับโลก สนธิสัญญานานาชาติ ตามยุทธศาสตร์ต่อเนื่องจากรัฐบาล “ลุงตู่ ภาค 1”
ถ้าเปลี่ยนไปอยู่ในมือประชาธิปัตย์ ต้องติดๆขัดๆเริ่มตั้งต้นใหม่
เหตุผลความจำเป็นเบื้องต้นแค่นี้ มันเกินพอรองรับความชอบธรรมในการล้มดีลผู้มีอำนาจ
ถ้ายังคิดไม่ได้ ช่วงรอเปลี่ยนจากนายกฯอำนาจพิเศษไปสู่นายกฯจากเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไปนั่งเรียนหลักสูตร “อนุบาลทางการเมือง” เริ่มจากแบบฝึกหัดขั้นต้นก่อนอื่นใด
ท่องให้ขึ้นใจ การเมือง “1 บวก 1 ไม่เท่ากับ 2” เสมอไป.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: