PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สนิมเนื้อใน


สถานการณ์จัดตั้งรัฐบาล “ลุงตู่เฟส 2” ยังอยู่ในอาการชุลมุน แย่งโควตารัฐมนตรี ซัดกันนัวเนียไปหมด

หลังจากแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ประกาศขอดึงเรื่องการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีและการแบ่งกระทรวงให้พรรคร่วมรัฐบาล กลับเข้าสู่ระบบพรรค

หวังล้มดีลเดิมที่ผู้มีบารมีขาใหญ่นอกพรรค แบ่งชิ้นปลามันให้ 2 พรรคตัวแปร ภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์

โดยพรรคภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับประเคน 3 กระทรวงบิ๊กเบิ้ม คือ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ของ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รับพานถวาย 3 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

สมใจนึกบางลำพู แลกกับการโหวตหนุน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เบิ้ลเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ

แต่การดีลแบ่งโควตากระทรวงโดยขาใหญ่ผู้มีบารมีครั้งนี้ สร้างความกระอักกระอ่วนปั่นป่วนคลื่นไส้ ให้กับบรรดาแกนนำกลุ่มก๊วน ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างยิ่ง

เพราะแกนนำทุกก๊ก กดเครื่องคิดเลขบวกลบคูณหารแล้ว ทุบโต๊ะเปรี้ยง ดีลนี้ “พลังประชารัฐ” ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลขาดทุนยับเยิน

มองเป็นความอ่อนด้อยประสบการณ์ต่อรองทางการเมือง ทำให้ 2 พรรคตัวแปรปั่นราคาโก่งค่าตัวแพงเกินเหตุ คว้าพุงปลา เนื้อปลา ไข่ปลา ไปกินกันสบายแฮ

เหลือแต่หัวกับก้าง ประเภทกระทรวงรองๆ เกรดบี เกรดซี ให้พรรคพลังประชารัฐ ไม่สมศักดิ์ศรีพรรคแกนนำ ที่ควรจะต้องได้ดูแลกระทรวงหลักด้านเศรษฐกิจเป็นแพ็กเกจ

เพื่อความราบรื่นในการเดินหน้าสานต่อนโยบายของทีมเศรษฐกิจ ที่มี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ลูกพี่ใหญ่ ของ อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นำร่องเอาไว้ ให้เกิดความต่อเนื่องและบรรลุผลในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ

ยกเหตุผล กระทรวงคมนาคม เกษตรฯ และพาณิชย์ ถือเป็นกระทรวงหลักที่จะนำนโยบายของพรรคที่หาเสียงไว้กับประชาชนไปปฏิบัติให้เกิดผลงานเป็นรูปธรรม

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ากระทรวงใหญ่เบิ้ม โดนพรรคร่วมรัฐบาลฮุบไปหมด แกนนำกลุ่มก๊วน ส.ส.พลังประชารัฐ ก็คงไม่มีที่นั่งที่ยืน ได้ดูแลแต่กระทรวงจิ๊บจ๊อย กระทบสภาพคล่องในการสะสมเสบียงกรังไว้สู้ศึกเลือกตั้งรอบหน้า

แต่งานนี้ดูเหมือนสัญญาณที่ต้องการเปิดดีลใหม่เพื่อขอแลกเก้าอี้กับ 2 พรรคตัวแปร ไม่ได้รับการตอบสนอง แถมทั้ง 2 พรรคยังประกาศเสียงแข็งทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลงเดิมสถานเดียว

ไม่ยอมคายกระทรวงหลักคืน พร้อมขู่กลับ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงโควตา อาจต้องทบทวนการร่วมรัฐบาล

เหตุลึกๆที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์กล้าซ่าขนาดนี้ ก็เพราะ “2 ขาใหญ่” ผู้มีบารมีนอกพรรค ดันไปตกปากรับคำไว้แบบดีลลับ โดยไม่ผ่านระบบพรรค

กลายเป็นประเด็นสร้างความร้าวฉานกับกลุ่มก๊วนในพรรคพลังประชารัฐ ส่อเค้ากลายเป็นสนิมเนื้อใน

ที่แน่ๆเพลานี้ “2 ขาใหญ่” กำลังมึนตึ้บคลำหาทางออก เมื่อเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้กันเองนะโยม!!!

“พ่อลูกอิน”

ไม่มีความคิดเห็น: