PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

มาร์ค-สุเทพ ยันพบดีเอสไอ14พ.ค.นี้


มาร์ค-สุเทพ ไม่หวั่น ดีเอสไอ ส่งหมายเรียกรับทราบข้อหา ก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล พยายามฆ่า 14 พ.ค.นี้ เตรียมพบพนักงานสอบสวนตามนัด มาร์ค ลั่น ไม่ยอมให้ต่อรองเรื่องนิรโทษกรรม ไม่เสียสมาธิในการต่อสู้ทางการเมือง ด้าน สุเทพ ใช้หลักตาต่อตาฟันต่อฟัน ย้อนศร ฟ้องกลับ ธาริต-พวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทุกคดี รับสภาพ อยู่ในยุคอธรรมครองเมือง กร้าว ยอมติดคุกเพื่อรักษากฎหมายแต่ไม่สยบให้กับอำนาจอธรรม จวก แม้ว และพวก เหลิงอำนาจ ไม่ใช่นัก ปชต. เชื่อ ใกล้ถึงจุดจบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดีเอสไอได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมาที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อยื่นหนังสือแจ้งให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ไปรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานดีเอสไอในวันที่ 14 พ.ค. 56 ในสองคดี ประกอบด้วย ข้อหา ก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล กรณีการเสียชีวิตของ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา และฐานพยายามฆ่า นายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการเข้าควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบในปี 2553 ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งถือเป็นคดีที่สองและสามหลังจากที่ดีเอสไอเคยแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วครั้งหนึ่ง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนพร้อมกับนายสุเทพ ตามที่ดีเอสไอนัดหมายเพื่อรับทราบการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งก็อยู่บนฐานแนวคิดเดิมของดีเอสไอที่เคยมีการแจ้งข้อหามาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่นั้นจะต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาให้ชัดเจนก่อน โดยคาดว่าคงใช้เวลาไม่นานแตกต่างจากคราวที่แล้วที่พนักงานสอบสวนมีการบรรยายข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายยาว แต่คราวนี้คงไม่ต้องท้าวความอะไรอีก อย่างไรก็ตามแรงบีบที่เกิดขึ้นไม่มีผลต่อจุดยืนของตนและนายสุเทพ นอกจากทำให้ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาเท่านั้น และการดำเนินคดีกับตนและนายสุเทพ หลายคดีก็จะส่งผลเพียงแค่ทำให้ต้องใช้เวลาไปกับการต่อสู้คดีมากขึ้น แต่ยืนยันว่าไม่ทำให้เสียสมาธิในการต่อสู้ทางการเมืองที่กำลังทวีความเข้มข้นมากขึ้นในหลายประเด็น โดยเห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้สังคมเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐในขณะนี้ เหมือนกับที่พรรคได้เขียนไปในจดหมายเปิดผนึกว่าทั้งตำรวจและดีเอสไอเป็นเครื่องมือทางการเมือง

“ผมเตือนไปแล้วว่าถ้าหวังว่าจะเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อต่อรองก็บอกได้ว่าไม่มีผล และไม่อยากให้คนมีหน้าที่ตามกฎหมายไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ถ้ากระทำผิดกฎหมายผมก็มีสิทธิ์ที่จะใช้สิทธิเท่านั้นเอง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีต เลขาสมช.ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระบุว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอจะสะดุดพฤติกรรมของตัวเองไม่วันใดก็วันหนึ่งนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนย้ำไปหลายครั้งว่าใครก็ตามที่ไม่ทำตามเนื้อของกฎหมายในที่สุดก็ต้องรับผิดชอบ ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเหตุใดนายธาริตจึงยังเดินหน้าแบบนี้ เพราะหากมีอำนาจการเมืองเข้าไปสั่งการในที่สุดแล้วคนทใช้อำนาจตามกฎหมายต้องเป็นคนรับผิดชอบ

ด้านนายสุเทพ กล่าวยืนยันว่า การที่นายธาริตเจ้าเก่าดำเนินคดีกับตนและนายอภิสิทธิ์เพิ่มนั้นเป็นสิ่งที่คาดหมายไว้อยู่แล้ว เพราะคนเหล่านี้มีเป้าหมายที่จะยัดเยียดข้อหาสั่งฆ่า และพยายามฆ่าให้กับตนและนายอภิสิทธิ์ มาโดยตลอด แต่ตนยืนยันว่า การทำหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบจากการก่อจลาจล ก่อการร้าย มีการใช้อาวุธสงครามฆ่า ทหาร ตำรวจ และประชาชนในขณะนั้นเป็นไปตามหลักของกฎหมายซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่คืนความสงบให้บ้านเมือง และดีเอสไอไม่มีอำนาจในการสอบสวนคดีนี้ เพราะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ดังนั้นเมื่อมีการแจ้งข้อหาตนเพิ่มอีกสองคดีก็จะฟ้องกลับนายธาริตเพิ่มอีกสองคดีฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเช่นเดียวกัน

นายสุเทพ ยังฝากถึงพนักงานสอบสวนด้วยว่า ตนจะใช้สิทธิทางกฎหมายตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อเห้นว่านายธาริตและพวกได้ทำตัวเป็นพนักงานสอบสวนทั้งที่ไม่มีอำนาจ แต่มีเจตนาที่จะเอาผิดตนกับนายอภิสิทธิ์ ด้วยการตั้งข้อหาทั้งตนและนายอภิสิทธิ์ไปเรื่อย ๆ จนไม่สามารถกระดิกกระเดี้ยไปไหนได้ เพื่อหวังผลกดดันให้ยอมจำนนและบีบบังคับให้จำยอมในเรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และสมุน บริวาร โดยกฎหมายที่จะออกมานั้นพยายามจะบอกว่าพวกตนจะได้ประโยชน์ด้วย ซึ่งทั้งตนและนายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่าไม่ต้องการได้รับการนิรโทษกรรม แต่เห็นว่ากฎหมายบ้านเมืองต้องศักดิ์สิทธิ์ ใครทำผิดต้องได้รับโทษ แต่ถ้าสู้คดีแล้วแพ้ก็ต้องรับโทษ นี่คือหลักของบ้านเมือง ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองก็จะไม่สงบสุข และเชื่อว่าความพยายามของรัฐบาลจะไม่สำเร็จ เพราะพวกตนมีหัวใจที่หนักแน่น ไม่ยอมสยบให้กับอธรรม หรือคนที่ใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง เราไม่มีวันยอมแม้ต้องแลกด้วยการติดคุกก็ตาม เป็นไงเป็นกัน ขอรักษาหลักการของบ้านเมืองและหลักการของกฎหมาย จึงขอย้ำว่าจะบีบบังคับอย่างไร พวกตนก็ไม่มีวันยอมจำนน แต่จะสู้คดีตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน โดยถือว่าเกิดมามีชีวิตในประเทศไทยช่วงอธรรมครองเมืองก็ต้องก้มหน้าก้มตาสู้คดีไป

นายสุเทพ ยังเรียกร้องให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย อย่ายอมให้มีการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้อง อย่ายอมให้ใช้พวกมากเขียนกฎหมายยกเว้นโทษ ลบล้างความผิดให้พวกตัวเอง เพราะนั่นคือการทำลายหลักการที่สำคัญของบ้านเมือง และจะทำให้บ้านเมืองมีปัญหาต่อไปไม่สิ้นสุด ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันทุกองค์กรต้องไม่หวั่นไหว แต่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยเชื่อว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังถูกกดดันในขณะนี้ก็จะไม่หวั่นไหวเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เห็นว่าบรรยากาศทางการเมืองในขณะนี้กำลังนำไปสู่ปัญหา ซึ่งพรรคก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองและประชาชนก็ต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเองในการรักษาประเทศด้วย

สำหรับสัญญาณที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งถึงพรรคเพื่อไทยนั้นทำให้เห็นชัดเจนขึ้นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นนักโทษหนีคดีมีอิทธิพลบงการนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ทำตามได้ทุกเรื่อง โดยมีความฮึกเหิม เหลิงอำนาจ ไม่เคารพกฎหมายและศาล ไม่ใช่นักประชาธิปไตย ซึ่งจะทำให้ชัยชนะของคนเหล่านี้ไม่ยั่งยืน เพราะในวันหนึ่งประชาชนจะทนไม่ได้ และวันนั้นก็จะได้รับผลกรรมที่สร้างขึ้น โดยในส่วนของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ทำงานเพื่อประชาชนทั้งประเทศ แต่ทำตามคำบงการของพี่ชายโดยไม่คำนึงถึงความถูก ผิด ถึงขนาดบิดเบือนข้อเท็จจริงในการกล่าวปาถกฐาทำร้ายประเทศไทยในเวทีโลกอย่างที่ไม่เคยมีผู้นำชาติไหนทำมาก่อน
//////

ไม่มีความคิดเห็น: