PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ล่าทองคำ8พันกิโล เณรคำ

รายงานหน้าหนึ่ง : “พระมหานรินทร์” วิเคราะห์ข้ามช็อตกรณี “เณรคำ”


พระมหานรินทร์ นรินฺโท




ข้อมูลเกี่ยวกับบ้านของเณรคำในอเมริกา ที่เว็บ อะลิตเติลบุดด้า นำออกเผยแพร่


โฉนดที่ดินของบ้านในเลค เอลซินอร์ ซึ่งระบุชัดเจนว่ามีชื่อ วิรพล สุขผล เป็นเจ้าของ


โดย ภาณุพล รักแต่งาม

ในช่วงที่ข่าวของหลวงปู่เณรคำ หรือพระวิรพล ฉัตติโก กำลังเป็นที่สนใจของสื่อทุกค่ายอยู่ในเวลานี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์ของวัดไทย ลาสเวกัส ที่ชื่อ “อะลิตเติลบุดด้าดอทคอม” ได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่สื่อใหญ่จากประเทศไทยนำไปใช้ โดยข้อมูลล่าสุดที่มีการนำไปใช้อย่างกว้างขวางคือหลักฐานการเป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่ในเลค เอลซินอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ “หลวงปู่เณรคำ” ใช้ชื่อ “วิรพล สุขผล” ถือครองเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว

 

 

          ........

          นอกจากกรณีของอรหันต์กำมะลอที่ชื่อ “หลวงปู่เณรคำ” แล้ว เว็บไซต์ “อะลิตเติลบุดด้าดอทคอม” มีบทบาทในการตีแผ่พฤติกรรมผิดเพี้ยนของเหล่าอลัชชี มายาวนาน

          และเบื้องหลังของเว็บไซต์แห่งนี้ก็คือ พระมหานรินทร์ นรินฺโท พระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ 3 (2540) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เจ้าอาวาสวัดไทยลาส เวกัส อยู่ในเวลานี้...

          สยามทาวน์ยูเอส ได้กราบเรียนถามท่านหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้ามายังสหรัฐอเมริกา และเรื่องอื่นๆ ของพระวิรพล ฉัตติโก เพื่อนำเสนอเป็นข่าวหน้าหนึ่งของฉบับนี้ แต่การสนทนาครั้งนี้ยังมีความน่าสนใจอีกหลายประเด็นที่เราเห็นควรแยกออกมานำเสนอเป็นบทสัมภาษณ์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและผู้สนใจทั่วไปได้เข้าใจถึง “แนวคิด” ของพระธรรมทูตหนุ่มรูปหนึ่ง ที่อุทิศตัวเพื่อปกป้องพระศาสนาอย่างเต็มที่ โดยไม่หวั่นเกรงกับผลกระทบที่อาจจะตามมา

          ดังนี้...

          ......

          ท่านเชื่อว่าเณรคำคงขอลี้ภัยอยู่ที่อเมริกานี้

          “แหงอยู่แล้ว เรื่องอะไรจะกลับเมืองไทย เขาขีดเส้นตายหมดแล้ว หรือกลับได้ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว คณะสงฆ์ศรีสะเกษก็ประกาศไม่ให้เข้าจังหวัดแล้ว ที่เขาไปตั้งวัดไว้ แล้วจะไปทางไหน อุบล บ้านเกิดเขาก็บอกว่าพ้นสภาพแล้ว ก็เหลือร้อยเอ็ด ซึ่งองค์นั้น (พระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 (ธรรมยุต) ก็ยังกระเตงกันอยู่องค์เดียว ซึ่งคงช่วยไม่ได้แล้ว เพราะดีเอสไอ เขาทำเป็นคดีอาญา”

          คดีที่ดีเอสไอพูดถึง มากพอจะทำให้ถูกส่งตัวข้ามแดนไหม

          “บางเรื่อง ถ้าเป็นคดีส่วนตัวนี่ อเมริกาไม่ค่อยสนนะ แต่ถ้าเป็นคดีส่วนรวม มีผลในวงกว้างเช่นคดียาเสพติดนี่ มีผลมากเลย ฉะนั้นถ้าจะเอาคดีไวๆ ให้ได้ผลชัดเจน คดียาเสพติดจะต้องขึ้นเป็นตัวเมน ถ้าจะเอาไวๆ ให้เห็นผล แต่ไม่งั้นจะลากกันหลายปี

          มีโอกาสไหมที่จะเอาผิดพระเณรคำในคดียาเสพติด

          “ต้องเข้าใจว่า กรณียาเสพติดนี่ มันมีข่าวมาหลายปีแล้วว่ารถของท่านผู้นี้ถูกจับ แล้วตัวท่านไม่โดนจับ เหมือนกรณีของกิตติวุฑโฒสมัยก่อน ที่เอารถติดตราจิตตภาวันไปขนอาวุธชายแดนเขมรอะไรนั่นน่ะ นี่มันเป็นอย่างนั้น เขากำลังเท้าความกลับไป ไปรื้อฟื้นคดี เพราะตอนนั้นมันเกิดปัญหาว่าเขากำลังมาแรงมาก สามารถปิดปากได้ก็ข้ามไป แต่ตอนนี้มันเอาไม่อยู่แล้ว ก็ไปเอาของเก่าข้างหลังมารวมเอาไว้ทีเดียว”

          จะไปเจอผู้มีอิทธิพลขวางทางหรือไม่

          “อันนี้ก็พูดยาก จริงๆ แล้วนี่ การวิเคราะห์ของข่าวแต่ละสำนักเห็นตรงกันหมดว่า ทำอะไรเณรคำไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้ ซื้อรถเบนซ์ 20 คันน่ะ มีที่ไหน แล้วก็หลายๆ อย่าง อย่างนักข่าวเมืองไทย เมื่อวานก็บอกว่า เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้มองจุดนี้แล้ว ไม่ได้มองรถเบนซ์ ไม่ได้มองเงินในแบงก์เท่าไหร่ เพราะว่ารถเบนซ์มันมีทะเบียนรถ ประกอบที่ไหน ย้ายที่ไหน เสียภาษียังไง เถื่อนหรือไม่เถื่อนเขารู้ ใครครอบครองเขาก็รู้ รถมันคันใหญ่ วิ่งออกถนนก็จำได้ เผาก็เหลือเชสซี เงินในแบงก์ ธนาคารเขาก็มีเรคคอร์ดไว้หมด ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้นแล้ว ปัญหาอยู่ที่ทองคำ แปดพันกิโลไปอยู่ไหน เพราะที่บ้านก็ไม่มี ที่วัดก็ไม่มี แล้วอย่าลืมนะ ทองคำนี่ไม่เหมือนเพชรพลอย ที่แปลงรูปไม่ได้ แต่ทองคำแค่เอาไปเข้าความร้อนก็แปรรูปได้แล้ว ไปรวมกันเป็นก้อนได้เลย แปรรูปง่าย เก็บก็ง่าย ขายก็ง่าย ปัญหาทุกวันนี้คือทองคำอยู่ที่ใคร ไม่ได้อยู่ที่เณรคำน่ะ ไม่ได้เอาใส่เครื่องบินไปด้วยนี่ ย่ามน่ะ ถึงเอาไปก็คงไม่เกินสามกิโล แต่มันแปดพันกิโล มันมากกว่าขุมทองลิเจีย เรื่องนี้ถ้าขุดกันจริงๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองไทยตายกันเกลี้ยงเลยนะ ของเณรคำกระจายอยู่กับผู้มีอำนาจระดับบิ๊กๆ ทั้งหมดเลย จะไปฝากตาสีตาสาเป็นไปได้หรือเปล่า ไม่มีทาง”

          เป็นไปได้ไหมถึงที่สุดแล้ว เอาผิดเณรคำไม่ได้

          “เอาผิดให้ง่ายที่สุดก็คือเรื่องผู้หญิงน่ะ เรื่องอื่นมันอาจจะยาก เพราะว่าคนที่เขาทำบุญ อย่างตอนมาแอลเอ เขาทำบุญน่ะ แล้วทำบุญให้วัดเมืองไทยด้วย ไม่ใช่วัดอเมริกา ถ้าทำบุญกับวัดในอเมริกา วัดไม่ให้ใบเสร็จก็จะมีปัญหาภายหลังได้ แต่ไอ้นี่ หลายคนหมดทองไปเป็นกิโลๆ ก็ยกไปให้เขาเฉยๆ ให้เขาเอากลับเมืองไทย ใบเสร็จก็ไม่มี ซวยแล้วกู เอาคืนก็ไม่รู้เอาคืนยังไง 

          “นี่ไง ถึงว่าฉลาดเป็นกรดเลย แต่คนในอเมริกานี่ โทษเถอะ โง่ เป็นไปได้ไง พวกเราอยู่วัดที่นี่ บริจาคห้าบาทสิบบาททวงใบเสร็จนะ ไอ้นั้นน่ะ เอาเงินให้เป็นแสนๆ เหรียญ ทองคำเป็นสิบๆ กิโล ไม่มีใบเสร็จแม้แต่ใบเดียว บอกว่าท่านเป็นอรหันต์ไง”

          จนถึงวันนี้ ทำไมยังมีคนศรัทธา อย่างกรณีของยันตระด้วย เพราะเหตุใด

          “กรณีอาจารย์ยันตระนี่ ตอนเป็นพระเขาเลี้ยงคน กรณีเณรคำกับยันตระนี่ต้องเข้าใจนะ เวลาจับสึกเขาจับคนเดียว หรือนิกรด้วย แต่ลูกศิษย์ท่านที่เป็นพระนี่ยังเคารพนับถือท่านในฐานะเป็นครูบาอาจารย์ เลี้ยงกันมาตั้งแต่เป็นเณร ตั้งแต่เกิด มันก็เห็นอยู่ เคารพนับถือ เหมือนพระเบญจวัคคีย์เคยไหว้พระพุทธเจ้า ตอนทิ้งไป พระพุทธเจ้าเดินไปตาม ก็นัดกันว่าพวกเราจะไม่ต้อนรับ ไม่กราบ ไม่ไหว แต่พอเห็นพระพุทธเจ้าจริงๆ มันเคยน่ะ เคยตะเบ๊ะเหมือนทหารตำรวจน่ะ มันก็ต้องยกมือไหว ทีนี้เมื่อไหว้แล้ว พระไหว้แล้วลูกศิษย์ก็ไหว้ เวลามีงานก็ไปนิมนต์มา แล้วก็ดันไปนิมนต์พระรูปอื่นไปร่วมงานด้วย อ้าว! อาจารย์ยันตระมา พระองค์อื่นก็พูดไม่ออกสิ มันไม่ใช่งานเรา จะกลับก็เสียมารยาท ก็ตอนนิมนต์ไปไม่ได้บอกนี่ว่านิมนต์ยันตระมาด้วยนี่ อ้าว ซวยเลย มันตกกระไดพลอยโจนน่ะ ไม่งั้นก็ต้องกระทืบเท้าออกใช่ไหม แถมดันถูกถ่ายรูปด้วยกันอีก เอาละ ซวยเลย”

          “คิดหรือว่าคนอย่างเณรคำธรรมดา คิดหรือว่าคนอย่างยันตระธรรมดา คนพวกนี้ไม่กระจอกหรอก เขาต้องมีดี แต่คุณสมบัติส่วนตัวของเขา อาจจะมีปัญหาอย่างอื่น ซึ่งทางสังคมพุทธแบบไทยๆ ไม่เอา แต่อีกสังคมหนึ่งเขาเห็นว่าโอเค ใช้ได้ เราทิ้ง แต่เขาเก็บไป รีไซเคิล ของบางอย่างรีไซเคิลแพงจะตาย”

          สรุปว่าเณรคำสามารถใช้ชีวิตอย่างอเมริกาได้อย่างสบาย เพราะมีบ้านมีวัดของตัวเอง

          “ปัญหาคือกลุ่มคนลาวนิยมเขามากๆ เลย แล้วคนลาวที่นี่เขาก็ไม่แคร์สังคมไทยเราด้วย มึงไม่เอาสิ กูจะเอา เพราะฉะนั้นในกลุ่มสร้างวัดสร้างวาของเณรคำ ไม่ว่าจะที่ฝรั่งเศสหรือที่อเมริกานี่ ไม่มีคนไทยเท่าไหร่ คนลาวเยอะมาก แกรู้เลยว่าวันหนึ่ง ถ้าแกอยู่กับสังคมไทยไม่ได้ แกจะมีสังคมใหญ่กว่ารองรับ คือสังคมลาวและเขมร โยมก็รู้ อยู่ที่นี่ ชุมชนลาวเยอะกว่าไทย... ถ้าไม่มีการส่งตัวกลับเมืองไทย อาตมาเชื่อว่าเขาอยู่ได้ แต่อาจจะไม่ป๊อปปูลาร์เหมือนเดิม แต่อยู่ได้อย่างแน่นอน เรายังไม่รู้ว่าเขามีสมบัติเก่าที่เก็บไว้เท่าไหร่ มีคนที่มีผลประโยชน์ร่วม เป็นฐาน อะไรต่างๆ ที่นี่อยู่”

          “ประเด็นต่อไปคือ เรื่องทองคำนี่ เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย มันไม่ใช่เรื่องคดีความแล้วล่ะที่จะทำให้เณรคำกลับเมืองไทยไม่ได้ มันจะกลายเป็นทองคำนี่แหละ เอาไปฝากไว้กับใครบ้าง คงหลายๆ เจ้า ไม่ได้ฝากไว้ที่เดียวหรอก แปดพันกิโลนี่ เป็นไปไม่ได้ ต้องกระจาย คนพวกนี้ ถ้าเป็นคนมีสี มีอำนาจ มีอิทธิพลมากๆ นี่ ถ้าเขาโลภขึ้นมาแล้วนี่ ทองนี่มันไม่มีใบเสร็จแน่นอนว่าใครเอามาฝากใคร ถ้าเขาสามารถปิดปากเณรคำได้ เขาก็เป็นเจ้าของทันที จะกลายเป็นการล่าขุมทองอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเพชรซาอุ น่ากลัว

          “ลองไปนั่งวิคราะห์กันดูว่าปัญหาที่คุยๆ กันวันนี้นี่ เขามองข้ามไปแล้ว ข้ามช็อตไปแล้ว เรื่องเณรคำ เรื่องคดีความ เป็นเรื่องรองแล้ว เรื่องทองคำแปดพันกิโล ที่ไม่ได้เอาติดกระเป๋ามาด้วยน่ะ มันตกค้างอยู่เมืองไทยหมดเลย แล้วไอ้พวกที่ครอบครองอยู่ทุกวันนี้ มันเงียบๆ กำลังจะฮุบกันหรือเปล่า ขณะที่เรากำลังวิ่งไปตามหาบ้านที่ฟลอริดา ที่แคลิฟอร์เนีย ไปตามหาว่าอยู่ที่ไหน คนอีกกลุ่มไปตามหาทองอยู่ ไม่สนใจว่าเณรคำจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรด้วย ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกไปเลยยิ่งดี อ้าว จริงๆ มันไม่เข้าใครออกใคร... มันกำลังจะกลายเป็นมหกรรมล่าขุมทองเณรคำ

          จะมีวันที่เณรคำออกมาแฉมั่งไหม

          “ก็นี่ไง เขาก็กลัวกันนะ เณรคำก็อาจจะต้องบอกว่าพวกคุณต้องช่วยผมนะ ถ้าพวกคุณไม่ช่วยผม ทองที่อยู่ที่พวกคุณน่ะ โดนยึดเข้าหลวงหมดแน่”

          ถามถึงการจัดทำเว็บไซต์ อะลิตเติลบุดด้า ของท่าน ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ปกป้องพระศาสนาหรือไม่

          “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เราช่วยคนในคณะสงฆ์ทำงาน เป็นคนคอยกระตุ้น พูดง่ายๆ ก็เหมือนสื่อมวลชนนี่แหละ แต่เป็นเหมือนสื่อมวลชนในวงการพระ เราไม่ถนัดเรื่องการบ้านการเมือง ก็จะระวังมากเลยหากจะแสดงความเรื่องทางนั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องทางพระนี่ คือใครจะรู้เรื่องพระดีกว่าพระล่ะ ใช่ไหม เพราะฉะนั้นบางที แม้แต่เรื่องราวที่เราเสนอไป โยมที่ไม่รู้เรื่องลึกๆ รับไม่ได้ก็มี ‘ท่านพูดอย่างนี้ได้ไง’ เราก็ไม่เถียง เราเป็นพระใช่ไหม ก็ต้องรอให้มันกระจ่างออกมาแบบนี้ถึงจะยอมรับกันได้

          “ปัญหาของสังคมไทยคือเราเป็นสังคมปัจเจก อยู่ใครอยู่มัน พอไฟไหม้ลามถึงบ้านตัวเองค่อยรีบขนของออก ไม่รู้คุณค่าของการจัดระเบียบสังคม ไม่รู้คุณค่าของการช่วยกันดูแล จะปิดประตูอยู่คนเดียว”

          ทำให้ท่านมีปัญหากับพระสงฆ์ด้วยกันหรือเปล่า

          “พระหลายๆ ส่วนก็ไม่ชอบว่าเราไปแฉ เราก็เป็นพระทั่วไป พระก็อยู่ร่วมกัน ไปมาหาสู่กัน แต่บางอย่างก็ เฮ้ย! อย่าโอเวอร์ไปนะ ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็แก้ได้ แต่ถ้าอย่างเณรคำนี่มันหนัก มันเป็นกระบวนการ เป็นแก๊ง เป็นเจ้าพ่อไปแล้ว ถึงตอนนั้นถ้ามันพังครืนลงมา มันจะพังทั้งระบบ มันเหมือนเขื่อนแตกใช่ไหม ดังนั้น เราจะโฟกัสปัญหาที่เป็นปัญหาพัวพันถึงพระธรรมคำสอนอย่างหนึ่ง องค์กร หรือแม้แต่วัดใหญ่ที่สามารถเข้าไปมีอำนาจทางคณะสงฆ์น่ะ ก็จะดู”

          “เรื่องเณรคำนี่ก็ทักมาตั้งแต่สมัยกำลังดัง ตอนที่ยังไม่มีปัญหามากมายอย่างเดียวนี้ แค่ภาพลักษณ์ของความเป็นอริยบุคคลก็ดี การสำรุ่มสำรวยต่างๆ ก็ดี มันไม่ใช่หรอก ถ้างั้นก็ฉีกพระไตรปิฎกทิ้งเลย จบเลย ใช่ไหม มันไม่ต้องเอาไว้แล้ว มันสวนทางกันหมดเลยกับแนวทางครูบาอาจารย์อริยบุคคล ความมักน้อย สันโดษ อยู่กันตามแบบพระพุทธเจ้าออกจากวัง ไม่ใช่แล้ว มันกลายเป็นเจ้าของรถเบนซ์เต็มบ้านเต็มเมือง 

          “พวกเราที่นี่ก็ขับรถ แต่รถเก่ามั่ง รถมือสองมั่ง จะเปลี่ยนรถทีก็ต้องตามญาติโยมว่าจะมีปัญหาผ่อนส่งกันไหม เราอยู่ในความดูแลของญาติโยม ไม่ใช่นั่งอยู่บนหัวเขานะ ไม่ใช่แล้ว ถึงเป็นอรหันต์จริงๆ อาตมาก็ไม่เอา พระอรหันต์แล้วมีทองคำเป็นพันๆ กิโล นั่งรถกินเที่ยวงี้นะ อาตมาบอกไม่นับถืออรหันต์นะ จริงๆ ไม่นับถืออรหันต์ประเภทนี้

          “คือเราประมวลทั้งหมดแล้ว ด้วยเหตุด้วยผลแล้ว... ไม่มีคนพูดเหรอ เราจะพูด ไม่มีคนฉายไฟ เราจะฉายไฟ จะพูดในท่ามกลางความเงียบ จะเดินสวนกระแสท่ามกลางผู้คนที่เฮโลไปทางเดียวกันหมด

          ท่านมีแนวร่วมเยอะไหม

          “จะว่าไป เรามีแนวร่วมจากทั่วโลกนะ ทั้วแนวร่วมที่เป็นพระธรรมทูต หรือที่สึกออกไปแล้ว เป็นอาสาสมัครส่งข้อมูลข่าวสารให้อาตมา จากทุกทวีปเลย ทั่วโลก เมืองไทยก็มีแทบทุกจังหวัด ตั้งแต่ระดับพระราชาคณะถึงระดับธรรมดา คนเดินดินกินข้าวแกงก็มี ที่เขาให้ความร่วมมือเพราะว่าเราไม่มีผลประโยชน์อะไร ไม่มีอะไรให้เขา เขาก็ไม่มีอะไรให้เรา ตรงนี้เต็มที่เลย บางเรื่องนี่ ไม่มองหน้ากันเลย ครูบาอาจารย์บางท่านโกรธเลยนะ แต่บางทีก็ช่วยไม่ได้นะ เราก็มีอุดมการณ์ของเรา จะมายกเว้นเพื่อน ยกเว้นพี่ ไม่ได้ ขอกันได้มากที่สุดคือไม่ชนให้เต็มๆ เท่านั้นเอง”

          พระที่ทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาแบบท่านมีเยอะไหม

          “จริงๆ อาตมาว่ามีเยอะนะ แต่หลายๆ ท่านอาจจะไม่พร้อมที่จะออกมายืนในจุดนี้ ถึงบอกว่ามีแนวร่วมเยอะไง พี่อยู่ตรงนั้น กันชนพี่ใหญ่กว่า ผมกันชนเล็ก ขออยู่ข้างหลังดีกว่า”

          แสดงว่ากันชนของพระมหานรินทร์ใหญ่

          “ใหญ่ไหม ก็ไม่รู้นะ เพียงแต่ว่ากันชนใหญ่ที่สุดของเราคือความถูกต้อง นั่นคือกันชนของเรา อย่าลืมว่ากรณีเณรคำเขาก็ใหญ่นะ ผู้ใหญ่ระดับบิ๊กๆ ของเมืองไทยเป็นกันชนให้ แต่จริงๆ นะ ถ้ามันไม่ถูกก็เอาไว้ไม่ได้ ใช่ไหมครับ ถ้าไปสืบดู เส้นสายเขาก็ไม่ธรรมดาเลย เพราะฉะนั้น กันชนที่ดีที่สุดก็คือความถูกต้องนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าใหญ่หรือไม่ใหญ่ ใหญ่ก็อยู่ไม่ได้ถ้าไม่ถูกต้อง”

          .....

          นี่คือแนวคิดและอุดมการณ์ของพระหนุ่ม “มหานรินทร์ นรินฺโท” ที่เราเห็นว่าท่านกำลังทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาให้รอดพ้นจากเหล่าเหลือบริ้นที่ห่มผ้าเหลืองเข้ามาเกาะกินอย่างแน่วแน่...

          เป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศอีกคน ที่เรากราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ...

          

ไม่มีความคิดเห็น: