PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เปิดใจครั้งแรก"วัฒนา อัศวเหม"


วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18:35:02 น.






"อย่าว่าแต่ติดคุก1-2 วัน นาทีเดียวก็ไม่ยอม ผมไม่ผิดจะยอมได้อย่างไร"


บทสัมภาษณ์ครั้งแรกของ "วัฒนา อัศวเหม" หลังจากเปลี่ยนสถานะเป็น"คนต่างแดน" ในหนังสือรู้จัก"วัฒนา" รู้จริง "คลองด่าน" ได้เปิดเผยถึงเรื่องราว ความรู้สึก วันพิพากษาคดีคลองด่านนั้น น่าสนใจอย่างยิ่ง

@ย้อนวันฟังคำพิพากษาคดีคลองด่านเป็นอย่างไร

วันจะไปฟังคำพิพากษา ผมเต็มปรี่ เพราะคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด กำลังขึ้นรถจะไปศาล แต่มีผู้หวังดีที่น่าเชื่อถือโทรศัพท์มาบอกว่า"อย่ามา" แต่โปรดอย่าถามผมว่าผู้หวังดีเป็นใคร ทุกวันนี้ยังคิดถึงเขาอยู่ แสดงว่าผมไม่ใช่คนบาป ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครโทร.มาบอก
 
เมื่อรู้อย่างนั้นจิตใจไม่ดีแน่ สองปีแรกเครียดมาก เครียดจนจะบ้าตาย ใช้เวลานานกว่าจะปรับตัวได้  เดือนแรกๆจะบ้าให้ได้  นอนไม่หลับ กินยานอนหลับเป็นกำๆ  คิดว่าถ้ายังขืนกินยานอนหลับอยู่อย่างนี้  สุขภาพผมแย่แน่ ผมขว้างยาทิ้งเลย แล้วก็นอนไม่หลับอยู่แบบนี้เป็นหลายเดือน ผมเดินทางไปหลายที่ ด้วยความที่มีเพื่อนเยอะ ไม่เคยคิดร้ายใคร ไปที่ไหนมีเพื่อนฝูงดูแล จนสุดท้ายผมก็ปรับตัวได้ ผมตั้งใจทุ่มเทแรงใจแรงกายให้กับวัดเหมอัศวาราม ผมขายที่ดินไปแล้วหลายแปลงเพื่อนำเงินมาสร้างวัดแห่งนี้
 
ชีวิตผมไม่ได้หวาดหวั่นอะไรตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เป็นคนจริง ทำจริง ไม่เคยเอาทรัพย์สินใคร ไม่เคยเอาทรัพย์สินของรัฐมาเป็นของตัวเอง มีกำลังที่จะทำเอง ไม่ได้ทำความผิด ที่ผ่านมามีคนมาติดต่อประสานผ่านมาหลายทาง บอกให้รีบกลับเถอะ ไปรับผิด ผมติดคุกสักพัก จากนั้นจะได้รับการช่วยเหลือ
 
นิสัยผม ถ้าผมทำผิด ผมยอมรับ แต่นี่ผมไม่ได้ทำผิด จะให้ผมยอมรับ ผมทำไม่ได้ ผมบอกกับมั่น (นายมั่น พัธโนทัย อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิด) ว่า อย่าว่าแต่ให้ติดคุกวันสองวันเลย แม้แต่เพียงนาทีเดียว ผมก็ไม่ยอม เพราะไม่ได้ทำผิดจะยอมรับผิดได้อย่างไร
 
ตั้งแต่ออกมาจากเมืองไทย คิดถึงบ้านทุกวัน คิดทุกลูก คิดถึงหลาน  คิดถึงญาติพี่น้อง คนรู้จัก คิดถึงไปหมด ผมเดินทางไปหลายที่ ผมว่าประเทศไทยน่าอยู่ที่สุดแล้ว ผมอยากให้คนไทยได้ตระหนักเหมือนผม อยากให้รักประเทศไทยให้มากๆ ไม่มีที่ไหนที่ดี ประเสริฐ และมีความสุขสมบูรณ์เหมือนประเทศไทยอีกแล้ว อยากให้ร่วมกันหวงแหนและปกป้องบ้านเรา อย่าทำลาย และทำร้ายบ้านเราให้แย่ไปกว่านี้เลย รักและสามัคคีกัน 

ปกติคนที่สิ้นหวังจะนึกถึงธรรมะ แต่ผมไม่ใช่คนสิ้นหวัง ผมมีมันสมอง พละกำลัง จึงได้เข้าถึงธรรมะ เพราะฉะนั้น คนเข้าถึงธรรมะต้องมีขวัญและกำลังใจ ธรรมะจะเกิด
 
...ความดีกับธรรมะคู่กัน อย่างที่สมเด็จเกี่ยวท่านเคยบอก ธรรมะเกิดจากความสุจริต ...และคนอย่างวัฒนา บุญคุณทดแทนเต็มที่ แต่แค้นไม่ชำระ

@ที่บอกว่าแค้นไม่ชำระ คิดได้เมื่อไหร่

ตอนที่ผมออกมาใหม่ๆ ผมคิดทุกวัน ว่าจะชำระแค้นอย่างไร แต่พอมาสร้างวัด ความคิดที่จะชำระแค้นค่อยๆลดจนหายไป และปล่อยให้ตัวผมเองชดใช้กรรมไป ผมตระหนักว่า เพราะมีกรรมถึงมาอยู่อย่างนี้ คนที่ก่อกรรมกับผม เขาต้องชดใช้กรรมเองเช่นกัน เท่าที่รู้หลายคนก็ชดใช้กรรมไปแล้ว โดยผมไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ กรรมก็สนองเขาเหล่านั้นเอง  

@ต่อสายกับนักการเมืองรุ่นเดียวกันบ้างหรือไม่

ก็มีหลายคนที่โทร.มาถามข่าวคราวด้วยความเป็นห่วง ท่านเสนาะ เทียนทอง ก็โทร.มา  ส่วนท่านบรรหาร (นายบรรหาร ศิลปอาชา) ไม่ได้โกรธกัน แต่ขอให้ไปถามว่าเขารู้จักวัฒนาหรือไม่ (หัวเราะ)  มีนักการเมืองมาขอเบอร์โทรศัพท์แต่ตอนหลังไม่ได้ให้ เพราะให้ไปแล้วโทร.มาก็เกิดกิเลส กับอดีตนายกฯทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ก็ได้พบกันบ้างแต่ไม่บ่อย
 
ปรากฎว่าหลังจากบทสัมภาษณ์ของนักการเมืองลายครามผู้นี้ได้ตีพิมพ์ออกไป "บรรหาร ศิลปอาชา"นักการเมืองลายครามรุ่นพี่ ได้ยกหูไปหา"วัฒนา"สอบถามสารทุกข์สุขดิบทันที"ตามประสานักการเมืองรุ่นเก่าแม้มี"ปม"ในใจต่อกัน แต่ให้อภัยกันได้เสมอ
 
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ตัดตอนมาจากหนังสือ ถ้าจะให้หนำใจ ต้องไปหาอ่าน ฉบับเต็มรู้จัก"วัฒนา" รู้จริง "คลองด่าน"

ไม่มีความคิดเห็น: