PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การไม่ยอมรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ

โดย สุชาติ ศรีสังข์

รัฐธรรมนูญ มาตรา ๓ บัญญัติว่า อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อํานาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
.....รัฐสภา มีหน้าที่หลักคือ การตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและการตราพระราชญัญญัติ หรือพูดกันประสาชาวบ้านก็คือมีหน้าออกกฎหมายมาใช้บังคับแก่ประชาชน ตามที่บัญญัติไว้

ในรัฐธรรมนูญ หมวด 6 รัฐสภา ส่วนที่ 6 และส่วนที่ 7 มาตรา 138 ถึงมาตรา 153
.....คณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรามนูญ หมวด 9 คณะรัฐมนตรี มาตรา 171 ถึงมาตรา 196 โดยมาตรา มาตรา 171 วรรคแรก บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรง

แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งและรัฐมนตรีอื่นอีก ไม่เกินสามสิบห้าคน ประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน
.....ศาล มีหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดี ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หมวด 10 ศาล มาตรา 197 ถึงมาตรา 228 โดยมาตรา 197 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีเป็นอํานาจของ

ศาลซึ่งต้องดําเนินการให้เป็นไป โดยยุติธรรม ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย และในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์
.....นี่คือหลักของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดอำนาจหน้าของอำนาจแต่ละฝ่ายคือรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ไว้ชัดเจน เพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน

.....รัฐสภาต้องยอมรับอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีและการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
.....คณะรัฐมนตรีต้องยอมรับการตรากฎหมายออกมาใช้บังคับของรัฐสภาและการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
.....ศาลต้องยอมรับการตรากฎหมายออกมาใช้บังคับของรัฐสภาและการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี

.....วันนี้ที่ 19 พฤศจิกายน 2556 ที่รัฐสภาเวลา 10.50 นาฬิกา นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย และนายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ได้นำตัวแทน ส.ส.และ ส.ว.ที่สนับสนุนการ

แก้ไขรัฐธรรมนูญ ในฐานะตัวแทน ส.ส. และ ส.ว. จำนวน 312 คน แถลงข่าวว่า จะไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะมีคำวินิจฉัยคำร้องที่ขอให้พิจารณาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มาของ ส.ว.

นั้นเป็นไปตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในวันที่ 20 พฤศจิกายน เวลา 11.00 นาฬิกา
.....เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2556 พรรคเพื่อไทย ก็แถลงว่า ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

.....ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ต่างก็พูดว่า รัฐสภามีอำนาจที่จะแก้รัฐธรรมนูญ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
.....ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจเข้ามาก้าวก่ายการทำหน้าที่ของรัฐสภา

.....รัฐสภามีอำนาจที่จะแก้รัฐธรรมนูญ ไม่มีผู้ใดเถียง
.....แต่ที่ ส.ส. และ ส.ว. กลุ่มหนึ่ง ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า การแก้รัฐธรรมนูญของรัฐสภาดังกล่าว ไม่ได้ดำเนินการไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
..........มีการลงคะแนนโดยการเสียบบัตรแทนกัน
..........ผู้ทำหน้าที่เป็นประธานรัฐสภาและทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมรัฐสภา ไม่ได้ดำเนินประชุมให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุม และตามบทบัญญัตืของรัฐธรรมนูญ
.....เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาและส่งคำร้องให้บรรดา ส.ส. และ ส.ว. ทั้ง 312 คน
.....ส.ส. และ ส.ว.ดังกล่าวต่างก็ไม่ให้การแก้ข้อกล่าวหา
.....แสดงว่า ยอมรับว่า มีการกระทำผิด ตามคำร้องที่ ส.ส. และ ส.ว. ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญจริง

.....เมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
.....ก็เป็นการเพื่อให้ได้อำนาจมาในการปกครองประเทศโดยวิธีซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
.....ศาลรัฐธรรมนูญย่อมมีอำนาจที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้

.....การที่พรรคเพื่อไทย ส.ส. และ ส.ว. ออกมาแถลงว่า ไม่ยอมรับคำวินิจของศาลรัฐธรรมนูญ
.....ก็คือการไม่ยอมรับอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของ ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งกระทำในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ มาตรา 197

.....ถ้าวันนี้สมาชิกรัฐสภาไม่ยอมรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ
.....ต่อไปตุลาการไม่ยอมรับกฎหมายที่รัฐสภาตราขึ้นมา
.....ฝ่ายบริหารดำเนินคดีแก่ผู้กระผิดกฎหมายที่รัฐสภาบัญญัติขึ้นมา เมื่อนำมาฟ้องต่อศาล
.....ศาลปฏิเสธที่จะพิจารณาพิพากษาคดี โดยอ้างว่าไม่ยอมรับกฎหมายดังกล่าว

.....บ้านนี้ เมืองนี้ จะดำรงอยู่ได้อย่างไร ครับ !

ไม่มีความคิดเห็น: