PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

นพดล โพสFBชี้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีไม่รับคำร้องตามมาตรา 68

นายนพดล ปัทมะ กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ชี้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีไม่รับคำร้องตามมาตรา 68

นายนพดล ปัทมะ กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่เมื่อวานนี้ ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไม่รับคำร้องที่มีผู้ยื่นตามมาตรา68 กล่าวหาว่าการชุมนุมของ กปปส. ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ตนรู้สึกผิดหวังและเห็นว่าคำตัดสินมิชอบด้วยกฎหมาย และขัดกับสามัญสำนึกเป็นอย่างมาก โดยถ้าย้อนเวลาไปดูคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าการลงมติของ ส.ส. และ ส.ว. ในสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องให้ ส.ว. มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ที่มีเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ศาลเคยตัดสินว่าขัดมาตรา68 เพราะเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิธีการที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำตัดสินครั้งนั้น ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักกฎหมายมหาชนชั้นนำ อย่างหนักมาแล้ว ว่าศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจวิ่งคร่อมเลนฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ เพราะอำนาจเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติในการตราและแก้ไขกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องของศาลที่จะเข้ามาแทรกแซงได้ แต่ศาลก็ได้วินิจฉัยไปเช่นนั้น จนนำไปเป็นฐานในการร้องต่อ ปปช. ที่กำลังไต่สวนเอาความผิดกับ 308 ส.ส. และ ส.ว. ที่ลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสุ่มเสี่ยงจะถูกถอดถอน เพียงเพราะทำหน้าที่ของตนเองตามที่ประชาชนเลือกตั้งมา ในทางตรงกันข้าม กปปส. ที่ขัดขวางการเลือกตั้ง ยึดสถานที่ราชการ ปิดล้อมไม่ให้ข้าราชการเข้าทำงาน ไล่ล่านายกฯ บีบบังคับให้ลาออกเพื่อตั้งนายกฯ คนกลางและสภาประชาชน ชัตดาวน์กรุงเทพ มีการใช้ความรุนแรง และมีการพบอาวุธร้ายแรงระหว่างการชุมนุม ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และถ้าไปถามตำรวจที่ขาเกือบขาดเพราะถูกระเบิดก็จะทราบ และการตัดสินเมื่อวานนี้ ก็ยิ่งทำให้คนที่มีใจเป็นธรรมรู้สึกผิดหวัง ไม่สบายใจ และข่มขื่นใจเป็นอย่างมาก

"ศาลรัฐธรรมนูญเคยสร้างความประหลาดใจให้วงการนิติศาสตร์ ใช้พจนานุกรมตีความว่าการทำกับข้าวเป็นลูกจ้างจนนายสมัครพ้นตำแหน่ง หรือตีความมาตรา 68 โดยไม่มีอำนาจและขัดหลักการตีความกฎหมายอย่างชัดเจน เช่นตีความคำว่า ”และ” ว่าหมายถึง ‘หรือ” ที่ บ้านเมืองแตกแยกและแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายกันมาก เพราะคนจำนวนมากของประเทศ รู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ประเทศอุดมไปด้วย 2 มาตรฐาน แต่ขาดแคลนความเท่าเทียม ฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ได้ ฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิด ตนไม่อยากเห็นองค์กรต่างๆ ผลักไสคนส่วนใหญ่ให้เป็นคนชั้น 2 ของประเทศ และอย่าคิดว่าคนอื่นไม่มีสติปัญญาที่จะรู้ว่าคำวินิจฉัยใดถูกต้อง หรือถูกใจ ดังนั้น ถ้าความยุติธรรมมี สามัคคีจึงจะเกิด ควรยุติการสร้างประเทศเป็นหนึ่งประเทศ 2 ระบบกฎหมายได้แล้ว" นายนพดล กล่าว

6มีนาคม 2557

ไม่มีความคิดเห็น: