ผบ.ทบ.แถลง 7 ข้อ ลั่นถ้าสถานการณ์ถึงจลาจลจะใช้ทหารเข้าคลี่คลาย - ห้ามปิดล้อมหน่วยทหารเด็ดขาด
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ระบุว่าขอเป็นกำลังใจให้ทุกพวกทุกฝ่ายที่กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมือง เพื่อนำประเทศชาติไปสู่ความสงบเรียบร้อย ทั้งด้วยวิธีการทางกฎหมาย การพูดคุยเจรจา หรือสันติวิธีอื่น ๆ แต่ทั้งนี้การใช้ช่องทางตามกฎหมาย หรือการพูดคุยประชุมหารือกันอาจไม่ประสบผลมากนักในช่วงเวลานี้ เพราะมีข้อถกเถียงและโต้แย้งมากมาย ซึ่งอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ มีแนวโน้มเกิดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นทุกฝ่ายควรดำเนินการด้วยวิธีการอันสงบสันติ ไม่สร้างเงื่อนไขและปัญหาเพิ่มมากขึ้น ต้องหยุดสร้างความรุนแรง และช่วยกันนำพาประเทศชาติออกจากความขัดแย้งให้ได้โดยเร็ว
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์การใช้อาวุธเมื่อช่วงคืนวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้กระทำล้วนแต่เป็นการกระทำผิดกฎหมายทั้งสิ้น จึงขอให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมช่วยกันประณามทุกฝ่ายที่ใช้ความรุนแรง และใช้อาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งขอให้ส่งข้อมูลหรือเบาะแสให้กองทัพบกทันทีเมื่อได้รับทราบ ทั้งนี้การที่หลายฝ่ายกล่าวพาดพิงผบ.ทบ. และผบ.เหล่าทัพว่าอยู่เฉย ไม่ดำเนินการใดๆ นั้น กองทัพได้ดำเนินการทุกอย่างมาด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาในครั้งนี้มีความซับซ้อน และมีผลกระทบในหลายมิติ ขอเตือนผู้ที่กล่าวให้ร้ายกองทัพขอให้ระมัดระวังคำพูด ซึ่งถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของกองทัพ ทหารทุกคนไม่สามารถยอมรับได้ และขอเตือนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ขอให้หยุดการกระทำนั้นตั้งแต่บัดนี้ เพราะหากสถานการณ์ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ทหารอาจจำเป็นต้องออกมาระงับเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและประเทศชาติโดยรวม หรือหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นจนมีแนวโน้มถึงขั้นจะเกิดการจลาจล เพื่อความสงบเรียบร้อย
“กองทัพอาจมีความจำเป็นต้องใช้กำลังทหารเข้าคลี่คลายสถานการณ์ในขั้นนั้น หากมีผู้หนึ่งผู้ใดหรือกลุ่มบุคคล หรือกองกำลังติดอาวุธตอบโต้กองทัพ หรือทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อีก บุคคลผู้นั้นหรือกลุ่มบุคคลนั้นจะต้องถูกเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการทางกฎหมายปราบปรามอย่างเด็ดขาด โดยผู้ที่กระทำความผิดดังกล่าวอาจจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ได้ เช่นกันกับกลุ่มบุคคลที่มีความคิดจะบุกรุกหรือปิดล้อมหน่วยทหาร ขอให้ยุติแนวคิดการกระทำดังกล่าวโดยทันที กองทัพเป็นของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ได้เป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่กองทัพก็ต้องปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ และประชาชน เมื่อมีความจำเป็นอย่างเต็มความสามารถ” รองโฆษกกองทัพบก กล่าว
ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานด้วยว่า ทางพ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกทบ. ชี้แจงคำแถลง 7 ข้อของผู้บัญชาการทหารบก โดยระบุว่า
1.ขอเป็นกำลังใจให้ทุกพวกทุกฝ่ายที่กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมือง เพื่อนำประเทศชาติไปสู่ความสงบเรียบร้อย ทั้งด้วยวิธีการทางกฎหมายก็ดี หรือการพูดคุยเจรจาก็ดี หรือสันติวิธี
อื่น ๆ ก็ดี อย่างไรก็ตาม การใช้ช่องทางตามกฎหมาย หรือการพูดคุยประชุมหารือกัน อาจไม่ประสบผลมากนักในห้วงเวลานี้ เพราะมีข้อถกเถียงและโต้แย้งมากมาย และอาจไม่ทันต่อสถานการณ์
ซึ่งมีแนวโน้มเกิดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นทุกฝ่ายควรดำเนินการด้วยวิธีการอันสงบสันติ ไม่สร้างเงื่อนไขและปัญหาเพิ่มมากขึ้น ต้องหยุดสร้างความรุนแรง และช่วยกันนำพาประเทศชาติ
ออกจากความขัดแย้งให้ได้โดยเร็ว
2.จากสถานการณ์การใช้อาวุธเมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค.57 ซึ่งมีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้กระทำ ล้วนแต่เป็นการกระทำผิดกฎหมายทั้งสิ้น จึงขอให้ประชาชนที่ไม่
เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ช่วยกันประณามทุกฝ่ายที่ใช้ความรุนแรง และใช้อาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งขอให้ส่งข้อมูลหรือเบาะแสให้กองทัพบกทันทีเมื่อได้รับทราบ
3.การที่หลายฝ่ายกล่าวพาดพิง ผบ.ทบ และผบ.เหล่าทัพ ว่า อยู่เฉย ไม่ดำเนินการใด ๆ ขอเรียนว่า กองทัพได้ดำเนินการทุกอย่าง มาด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาในครั้งนี้ มี
ความซับซ้อน และมีผลกระทบในหลายมิติ
4. ขอเตือนผู้ที่กล่าวให้ร้ายกองทัพ ให้ระมัดระวังคำพูด ซึ่งถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของกองทัพ ทหารทุกคนไม่สามารถยอมรับได้
5.ขอเตือนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ให้หยุดการกระทำนั้นตั้งแต่บัดนี้ เพราะหากสถานการณ์ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทหารอาจจำ
เป็น ต้องออกมาระงับเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและประเทศชาติโดยรวม
6.หรือหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นจนมีแนวโน้มถึงขั้นจะเกิดการจลาจล เพื่อความสงบเรียบร้อย กองทัพอาจมีความจำเป็นต้องใช้กำลังทหารเข้าคลี่คลายสถานการณ์ ในขั้นนั้นหากมีผู้หนึ่งผู้ใด
หรือกลุ่มบุคคล หรือกองกำลังติดอาวุธ ตอบโต้กองทัพ หรือทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อีก บุคคลผู้นั้น หรือกลุ่มบุคคลนั้น จะต้องถูก จนท.ใช้มาตราการทางกฏหมายปราบปรามอย่างเด็ดขาด โดย
ผู้ที่กระทำความผิดดังกล่าวอาจจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ได้ เช่นกันกับกลุ่มบุคคลที่มีความคิดจะบุกรุกหรือปิดล้อมหน่วยทหาร ขอให้ยุติแนวคิดการกระทำดังกล่าวโดยทันที
7. กองทัพเป็นของ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนคนไทยทุกคน มิได้เป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่กองทัพก็ต้องปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของ
ประเทศชาติ และประชาชน เมื่อมีความจำเป็น อย่างเต็มความสามารถ
จึงขอเรียนให้ทราบโดยทั่วกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น