PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โปรดเกล้าฯ พรฎ.ว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ. 2557

ในหลวงโปรดเกล้าฯ ตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ. 2557

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่าโดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 22 มาตรา 30 และมาตรา 43 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ. 2557 โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/A/059/2.PDF


//////
พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ

หน้า ๒
เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๕๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗

พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
เป็นปีที่ ๖๙ ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒ มาตรา ๓๐ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกา
ขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิก สภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎีกานี้
“คณะกรรมการสรรหา” หมายความว่า คณะกรรมการสรรหาตามมาตรา ๔
“คณะกรรมการสรรหาประจําจังหวัด” หมายความรวมถึงคณะกรรมการสรรหาประจํากรุงเทพมหานครด้วย “จังหวัด” หมายความรวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย
มาตรา ๔ ให้มีคณะกรรมการสรรหาทําหน้าที่สรรหาบุคคลด้านต่างๆ เพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
(๑) คณะกรรมการสรรหาด้านการเมือง หน้า ๓ เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๕๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗
(๒) คณะกรรมการสรรหาด้านการบริหารราชการแผ่นดิน
(๓) คณะกรรมการสรรหาด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
(๔) คณะกรรมการสรรหาด้านการปกครองท้องถิ่น
(๕) คณะกรรมการสรรหาด้านการศึกษา
(๖) คณะกรรมการสรรหาด้านเศรษฐกิจ
(๗) คณะกรรมการสรรหาด้านพลังงาน
(๘) คณะกรรมการสรรหาด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
(๙) คณะกรรมการสรรหาด้านสื่อสารมวลชน
(๑๐) คณะกรรมการสรรหาด้านสังคม
(๑๑) คณะกรรมการสรรหาด้านอื่น ๆ
(๑๒) คณะกรรมการสรรหาประจําจังหวัด จังหวัดละหนึ่งคณะ
มาตรา ๕ ให้คณะกรรมการสรรหาตามมาตรา ๔ (๑) ถึง (๑๑) แต่ละคณะ ประกอบด้วยกรรมการสรรหาจํานวนเจ็ดคนซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์เป็นที่ยอมรับในด้านที่ได้รับการแต่งตั้ง ทําหน้าที่สรรหาบุคคลเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติบุคคลใดจะเป็นกรรมการสรรหาเกินหนึ่งคณะมิได้

ให้กรรมการสรรหาตามวรรคหนึ่งประชุมเพื่อเลือกกรรมการสรรหาคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการสรรหา
ให้ประธานกรรมการสรรหาแต่งตั้งเจ้าหน้าที่จากสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งคนหนึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหา

ให้นําความในวรรคห้าและวรรคแปดของมาตรา ๖ มาใช้บังคับแก่คณะกรรมการสรรหาตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม

มาตรา ๖ ให้คณะกรรมการสรรหาประจําจังหวัดแต่ละจังหวัดนอกจากกรุงเทพมหานคร  ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด  ผู้ซึ่งได้รับเลือกเป็นผู้แทนสภาองค์กรชุมชนตําบลในระดับจังหวัดของจังหวัดนั้นครั้งล่าสุด และประธานกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัด เป็นกรรมการสรรหา ในจังหวัดใดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดด้วย

ให้กรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดเลือกกันเองเพื่อให้ได้คนหนึ่งเป็นกรรมการสรรหาแทนประธานกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดในจังหวัดใดมีผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดหลายคน ให้ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดซึ่งมีอาวุโสสูงสุดเป็นกรรมการสรรหา

ให้คณะกรรมการสรรหาประจํากรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้ซึ่งได้รับเลือกเป็นผู้แทนสภาองค์กร
ชุมชนเขตในระดับจังหวัดของกรุงเทพมหานครครั้งล่าสุด และประธานกรรมการการเลือกตั้งประจํา
กรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการสรรหา หน้า ๔ เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๕๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ กรรมการสรรหาตามวรรคหนึ่งและวรรคสี่จะแต่งตั้งหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นทําการแทนมิได้
ผู้ดํารงตําแหน่งตามวรรคหนึ่งและวรรคสี่ให้หมายความรวมถึงผู้รักษาราชการแทนผู้ดํารงตําแหน่ง
ดังกล่าวด้วย

ให้กรรมการสรรหาประจําจังหวัดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสี่เลือกกรรมการสรรหาประจําจังหวัด
คนหนึ่งเป็นประธานกรรมการสรรหาประจําจังหวัดของคณะกรรมการสรรหาประจําจังหวัดนั้น
ในกรณีที่ไม่มีกรรมการสรรหาประจําจังหวัดในตําแหน่งใด หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ว่า
ด้วยเหตุใด ให้คณะกรรมการสรรหาประจําจังหวัดประกอบด้วยกรรมการสรรหาประจําจังหวัดเท่าที่มีอยู่
จนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะแต่งตั้งบุคคลที่เห็นสมควรให้เป็นกรรมการสรรหาประจํา
จังหวัดแทน

ให้ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําจังหวัดเป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหาประจําจังหวัด

มาตรา ๗ วิธีการประชุมและการลงมติของคณะกรรมการสรรหาให้เป็นไปตามที่ที่ประชุม
คณะกรรมการสรรหาแต่ละคณะกําหนด

มาตรา ๘ ให้สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งรับผิดชอบงานเลขานุการและงานธุรการ
รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดําเนินการสรรหาและของคณะกรรมการสรรหา เพื่อการนี้ให้สํานักงาน
คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอํานาจออกระเบียบเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกานี้ แต่ต้อง
ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชกฤษฎีกานี้

ให้กรรมการสรรหาได้รับค่าตอบแทนการประชุมครั้งละสองพันบาท และให้กรรมการสรรหา
ซึ่งเป็นผู้แทนสภาองค์กรชุมชนได้รับค่าพาหนะเหมาจ่ายอีกคนละสามพันบาท

มาตรา ๙ ให้คณะกรรมการสรรหาตามมาตรา ๔ (๑) ถึง (๑๑) สรรหาบุคคลซึ่งสมควร
ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติคณะละไม่เกินห้าสิบคน แต่ต้อง
ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของรายชื่อที่ได้รับมาตามมาตรา ๑๐ ในด้านนั้น ๆ

ให้คณะกรรมการสรรหาประจําจังหวัดตามมาตรา ๔ (๑๒) สรรหาบุคคลที่สมควรได้รับ
การเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจากบุคคลซึ่งมีภูมิลําเนาในจังหวัดนั้น จังหวัดละห้าคน

การสรรหาตามมาตรานี้ ให้คํานึงถึงบุคคลซึ่งมีความรู้ความสามารถด้านต่าง ๆ จากภาครัฐ  ภาคเอกชน ภาคสังคม ภาควิชาชีพ ภาควิชาการ และภาคอื่น ความเท่าเทียมกันทางเพศ และการให้โอกาสแก่
ผู้ด้อยโอกาส

มาตรา ๑๐ ในการสรรหาตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาบุคคล
จากชื่อที่เสนอโดยนิติบุคคลซึ่งไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากําไรมาแบ่งปันกันที่อยู่ในภาคต่าง ๆ
ตามมาตรา ๙ วรรคสาม โดยแต่ละนิติบุคคลเสนอได้ไม่เกินสองชื่อหน้า ๕ เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๕๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗

ให้นิติบุคคลที่ประสงค์จะเสนอชื่อบุคคลตามวรรคหนึ่ง เสนอชื่อต่อหน่วยงานที่สํานักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนด ภายในยี่สิบวันนับแต่วันที่มีประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาตามมาตรา ๔ (๑) ถึง (๑๑)

มาตรา ๑๑ ในการเสนอชื่อบุคคลของนิติบุคคลตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง ให้ดําเนินการดังต่อไปนี้

(๑) ส่วนราชการ ให้เสนอชื่อตามมติของ อ.ก.พ. กระทรวง หรือ อ.ก.พ. กรม แล้วแต่กรณี
(๒) รัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชน ให้เสนอชื่อตามมติของคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ
หรือองค์การมหาชน
(๓) หน่วยงานอื่นของรัฐที่มีคณะกรรมการเป็นผู้กํากับดูแลหรือบริหารงาน ให้เสนอชื่อตามมติ
ของคณะกรรมการดังกล่าว ในกรณีที่ไม่มีคณะกรรมการเป็นผู้กํากับดูแลหรือบริหารงาน ให้หัวหน้า
หน่วยงานเป็นผู้เสนอชื่อ
(๔) นิติบุคคลที่มีลักษณะเป็นสมาคม มูลนิธิ หรือสภา ให้เสนอชื่อตามมติของคณะกรรมการ
สมาคมหรือมูลนิธิ หรือคณะกรรมการของสภา
(๕) นิติบุคคลอื่นที่มีคณะกรรมการเป็นผู้กํากับดูแลหรือบริหารงาน ให้เสนอชื่อตามมติ
ของคณะกรรมการของนิติบุคคลนั้น
(๖) สถาบันการศึกษา ให้เสนอชื่อตามมติของสภาหรือคณะกรรมการสถาบัน
(๗) นิติบุคคลใดไม่มีคณะกรรมการเป็นผู้กํากับดูแลหรือบริหารงาน ให้ผู้มีอํานาจทําการแทน
นิติบุคคลนั้นเป็นผู้เสนอชื่อ
มาตรา ๑๒ ให้นิติบุคคลตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง เสนอชื่อตามแบบที่สํานักงาน
คณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนด และต้องแนบเอกสารและหลักฐานดังต่อไปนี้ด้วย
(๑) สําเนาทะเบียนบ้าน และสําเนาบัตรประจําตัวประชาชนหรือสําเนาบัตรประจําตัวอื่น
ของบุคคลซึ่งได้รับการเสนอชื่อที่ทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐออกให้
(๒) เอกสารที่บุคคลซึ่งได้รับการเสนอชื่อแสดงความประสงค์ว่าจะเข้ารับการสรรหาในด้านใด
ด้านหนึ่งตามมาตรา ๔
(๓) หนังสือยินยอมให้เสนอชื่อ ทั้งนี้ บุคคลซึ่งได้รับการเสนอชื่อจะทําหนังสือยินยอมให้มี
การเสนอชื่อเกินหนึ่งฉบับมิได้
(๔) คํารับรองของบุคคลซึ่งได้รับการเสนอชื่อว่าตนมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่
รัฐธรรมนูญกําหนด
เอกสารและหลักฐานตามวรรคหนึ่ง ให้บุคคลซึ่งได้รับการเสนอชื่อลงลายมือชื่อเพื่อรับรอง
ความถูกต้องด้วยหน้า ๖
เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๕๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗
แบบการเสนอชื่อที่สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนดตามวรรคหนึ่ง อย่างน้อยต้องมี
รายการที่กําหนดให้ผู้เสนอต้องระบุถึงความรู้ความสามารถอันเป็นที่ประจักษ์ของบุคคลซึ่งได้รับ
การเสนอชื่อด้วย
มาตรา ๑๓ ให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือผู้ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการ
การเลือกตั้งมอบหมาย ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลซึ่งได้รับการเสนอชื่อ รวมทั้ง
ตรวจสอบว่าการเสนอชื่อเป็นไปโดยชอบด้วยพระราชกฤษฎีกานี้หรือไม่ แล้วส่งให้คณะกรรมการสรรหา
ภายในสิบวันนับแต่วันที่ครบกําหนดเวลาตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง เพื่อดําเนินการต่อไป
มาตรา ๑๔ ให้คณะกรรมการสรรหาเสนอบัญชีรายชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับการคัดเลือก
ให้เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติตามจํานวนที่กําหนดในมาตรา ๙ ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ภายในสิบวันนับแต่วันที่พ้นระยะเวลาตามมาตรา ๑๓
มาตรา ๑๕ เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้รับบัญชีรายชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับ
การคัดเลือกให้เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้ดําเนินการดังต่อไปนี้
(๑) พิจารณาคัดเลือกบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจาก
บัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาประจําจังหวัดเสนอ จังหวัดละหนึ่งคน
(๒) พิจารณาคัดเลือกบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจากบัญชี
รายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาแต่ละด้านตามมาตรา ๔ (๑) ถึง (๑๑) เสนอ ตามจํานวนที่เห็นสมควร
แต่เม่อรวมก ื ับจํานวนตาม (๑) แล้ว ต้องไม่เกินสองร้อยห้าสิบคน
ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาตินํารายชื่อบุคคลซึ่งได้รับการคัดเลือกตามวรรคหนึ่ง
ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับบัญชีรายชื่อตามมาตรา ๑๔ เพื่อทรงแต่งตั้งต่อไป
เมื่อทรงแต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติแล้ว ให้ประกาศรายชื่อนั้นในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๑๖ ในกรณีที่ตําแหน่งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือมีเหตุ
อันสมควรที่จะแต่งตั้งเพิ่ม คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะดําเนินการเพื่อให้มีการแต่งตั้งบุคคลจาก
บัญชีรายชื่อตามมาตรา ๑๔ เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติแทนตําแหน่งที่ว่างนั้นหรือเพิ่มขึ้นก็ได้
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเสนอชื่อหรือการสรรหา หรือมีปัญหาอื่นใดเกี่ยวกับ
การดําเนินการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติวินิจฉัย และเมื่อได้
ดําเนินการตามคําวินิจฉัยของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแล้ว ให้ถือว่าเป็นการชอบด้วย
พระราชกฤษฎีกานี้และกฎหมาย
ในกรณีที่มีความจําเป็นเพื่อให้การสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอํานาจประกาศเปลี่ยนแปลงระยะเวลา กําหนดให้ดําเนินการหรืองดเว้นหน้า ๗
เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๕๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗
การดําเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติตามที่กําหนดไว้ใน
พระราชกฤษฎีกานี้ได้
มาตรา ๑๘ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

หน้า ๘ เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๕๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๓๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ บัญญัติว่า องค์ประกอบและจํานวน

กรรมการในคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ วิธีการสรรหา กําหนดเวลาในการสรรหา จํานวนบุคคลที่จะต้องสรรหา และการอื่นที่จําเป็น ให้เป็นไปตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา

จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

ไม่มีความคิดเห็น: