PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558

ผอ.ทัณฑสถานหญิงเผยปล่อยตัว 99 ตัวนักโทษหญิง มีป้าเช็งน้ำหมักด้วย


ผอ.ทัณฑสถานหญิงเผยปล่อยตัว 99 ตัวนักโทษหญิง มีป้าเช็งน้ำหมักด้วย

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. นางสิริพร ชุติกุลัง ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง กล่าวว่า หลังจากราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศพระราชกฤษฎีกาลงวันที่ 30 มี.ค.58 พระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 58 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยหลักเกณฑ์ผู้ต้องขังที่มีสิทธิได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว กรณีผู้หญิงซึ่งต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรกไม่ว่าความผิดเดียวหรือหลายคดี ซึ่งต้องรับโทษจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษตามกำหนด เป็นคนที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 60 ปี ซึ่งเหลือโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือคนที่มีอายุเกิน 70 ปีขึ้นไป เป็นผู้ต้องโทษจำคุกครั้งแรกและมีอายุยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ โดยต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 เป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นดีเยี่ยมซึ่งมีโทษจำคุกเหลือไม่เกิน 2 ปี ทั้งนี้ทัณฑสถานหญิงกลาง มีผู้ต้องขังหญิงที่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับการอภัยโทษ ในวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 99 ราย

"หนึ่งในนั้นมีน.ส.ศรวรรณ ศิริสุนทรินทร์ หรือป้าเช็ง อายุ 74 ปี ผู้ต้องโทษคดีศาลสั่งจำคุก 18 เดือน ฐานขายยาหยอดตาเจียรนัยเพชร โดยไม่ได้ขึ้นตำรับยา ทำให้ผู้ใช้ตาบอด แถมยังต้องขึ้นศาลอีก 3 คดี ฐานผลิต-จำหน่ายยาหยอดตาเจียรนัยเพชรและยาน้ำมหาบำบัด ผ่านทีวีดาวเทียมช่อง Super Cheng โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาเมื่อปี 56 ได้รับการอภัยโทษด้วย ซึ่งระหว่างที่ ป้าเช็งได้รับโทษถูกคุมขังอยู่ในส่วนผู้ต้องขังสูงอายุ ทัณฑสถานหญิงกลางนั้น ปฎิบัติตัวดี และเป็นที่รักของผู้ต้องขังรายอื่นๆ เป็นคนอารมณ์ดีตลอด แต่ป้าเช็งไม่ได้สอนวิธีทำน้ำหมักให้เลย เนื่องจากได้รับโทษไม่นาน" นางสิริพร กล่าวต่อ

ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2556 เจ้าหน้าที่ บก.ปคบ.ดำเนินคดี ป้าเช็ง รวมเป็น 5 คดี อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล 3 คดี และศาลมีคำพิพากษาแล้ว 2 คดี โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. คดีอาญาที่ 15/2553 เป็นกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ.ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกองการประกอบโรคศิลปะ เข้าตรวจค้นบ้านป้าเช็ง เมื่อ 21 ม.ค.2553 แล้วจับกุมตัวป้าเช็งกับพวกรวม 7 คน ไว้ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันผลิตและขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ ทั้งนี้ ผลการดำเนินการพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วโดยมีความเห็น ควรสั่งฟ้อง และพนักงานอัยการศาลจังหวัดธัญบุรีมีความเห็นสั่งฟ้องตามความเห็นของพนักงาน สอบสวน ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลจังหวัดธัญบุรี

2. คดีอาญาที่ 17/2553 เป็นกรณีเจ้าหน้าที่ อย. และกองการประกอบโรคศิลปะ ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เมื่อ 26 ม.ค. 2553 ให้ดำเนินคดีกับป้าเช็งเพิ่มเติม จำนวน 4 ข้อหา คือ โฆษณาขายยาทางวิทยุ โทรทัศน์ โดยไม่ได้รับอนุมัติข้อความ เสียง หรือภาพที่ใช้ในการโฆษณาจากผู้อนุญาต, โฆษณาขายยาโดยแสดงสรรพคุณยาว่าสามารถบำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค หรืออาการของโรคที่รัฐมนตรีประกาศ,ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดย ไม่ได้รับอนุญาต และประกอบโรคศิลปะโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต ซึ่งผลการดำเนินการพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วโดยมีความเห็น ควรสั่งฟ้อง และพนักงานอัยการศาลจังหวัดธัญบุรีมีความเห็นสั่งฟ้องตามความเห็นของพนักงาน สอบสวน ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลจังหวัดธัญบุรี

3.คดีอาญาที่ 21/2553 เป็นกรณีนายสมชาย เถื่อนศรี ผู้เสียหายได้ใช้ยาหยอดตาเจียรนัยเพชรของป้าเช็งไปทำการหยอดตาจนตาบอด ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เมื่อ 12 ก.พ. 2553 ให้ดำเนินคดีกับป้าเช็ง ข้อหาขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ

โดยล่าสุดผลการดำเนินการ พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วโดยมีความเห็น ควรสั่งฟ้อง และพนักงานอัยการศาลจังหวัดพัทยามีความเห็นสั่งฟ้องตามความเห็นของพนักงาน สอบสวน ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลจังหวัดพัทยา

4. คดีอาญาที่ 24/2553 กรณีนายสุทิน ชมกลิ่น ผู้เสียหายได้ใช้ยาหยอดตาเจียรนัยเพชรของป้าเช็งไปทำการหยอดตาจนตาบอด ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เมื่อ 19 ก.พ.2553 ให้ดำเนินคดีกับป้าเช็ง ข้อหาขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ

และ 5. คดีอาญาที่ 25/2553 กรณีนางทิพย์อุทัย ศุภบุญมี ผู้เสียหายได้ใช้ยาหยอดตาเจียรนัยเพชรของป้าเช็งไปทำการหยอดตาแล้วดวงตาพร่า มัว ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เมื่อ 19 ก.พ. 2553 ให้ดำเนินคดีกับป้าเช็ง ข้อหาขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ ซึ่งผลการดำเนินการพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วโดยมีความเห็น ควรสั่งฟ้อง และพนักงานอัยการศาลจังหวัดธัญบุรี มีความเห็นสั่งฟ้องตามความเห็นของพนักงานสอบสวน ต่อมาศาลจังหวัดธัญบุรีได้มีคำสั่งให้รวมคดีและมีคำพิพากษาทั้งสองคดีดัง กล่าวแล้ว โดยพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ให้จำคุกรวม 18 เดือน ริบของกลาง ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1360/2555 และที่ 1361/2555 ลง 18 มี.ค.2555

ไม่มีความคิดเห็น: