PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

ถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา ของนายกฯ

นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา (Asian-African Summit) เสนอ “ข้อริเริ่มไทย-แอฟริกา” เพื่อขยายความร่วมมือการค้าและการลงทุนทั้งในภูมิภาคและแอฟริกา
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลง ในโอกาสเข้าร่วมประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา (Asian-African Summit) ตามคำเชิญของนายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 21– 23 เมษายน 2558 ณ Jakarta Convention Center (JCC) กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยรอ. น.พ. ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณอินโดนีเซียสำหรับการเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ ณ กรุงจาการ์ตา ที่ได้เวียนมาอีกครั้ง หลังจากผู้นำทั้งสองทวีปได้พบกันครั้งแรกเมื่อ 60 ปีที่ผ่านมา ณ เมืองบันดุง และวันนี้ ผู้นำกว่า 100 ประเทศ ได้มาพบกันท่ามกลางโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไทยในฐานะหนึ่งในประเทศผู้ก่อตั้งการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา ได้ให้ความร่วมมือและสนับสนุนเจตนารมณ์บันดุงมาโดยตลอด นับตั้งแต่การประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา ครั้งแรกของพระเจ้าวรวงค์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์
เมื่อเอเชียและแอฟริกามีความร่วมมือกันทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ ภูมิภาคทั้งสองจะมีความเข้มแข็งมากขึ้น ปัจจุบัน มูลค่าการค้ากับเอเชียมีสัดส่วนร้อยละ 26 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของแอฟริกา รวมทั้งมีการพัฒนาเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยมีสายการบินหลัก 8 สายการบิน เชื่อมโยงกว่า 28 เมืองของเอเชียและแอฟริกา เมื่อพิจารณาจากภูมิรัฐศาสตร์ของไทยแล้ว ไทยสามารถเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างเอเชียและแอฟริกา รวมทั้งประเทศในภูมิภาคต่างๆ ด้วย ดังนั้นการทำงานร่วมกันจึงจะสามารถเอาชนะอุปสรรค และทั้งสองภูมิภาคจะได้รับประโยชน์มหาศาลจากการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี ความรู้และประสบการณ์ในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน
นายกรัฐมนตรียังย้ำว่า จะต้องมีการผลักดันความเป็นหุ้นส่วนที่มีความพลวัตรระหว่างสองภูมิภาคต่อไป เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ ไทยพร้อมขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนกับแอฟริกา โดยอาเซียนซึ่งเป็นเสาหลักของนโยบายการต่างประเทศของไทย จะเป็นหนึ่งในองค์กรหลัก รวมทั้งกรอบความร่วมมือต่างๆ อาเซียนมีบทบาทนำ อาทิ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน จะมีส่วนอย่างสำคัญในการช่วยขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างเอเชียและแอฟริกาไปสู่จุดสูงสุดได้ พร้อมๆ ไปกับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม จะเป็นอีกหนึ่งเสาหลักที่จะเชื่อมโยงประชาชน และจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความเข้าใจและเจตนารมณ์ที่ดีระหว่างประชาชนทั้งสองภูมิภาคด้วย
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ไทยส่งเสริมการเติบโตของภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาต่อหุ้นส่วนของไทยในเอเชียเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และ เพิ่มขึ้น10 เท่า สำหรับแอฟริกา
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้น้อมนำปรัญชา “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชว่า เป็นหลักการพื้นฐานค่านิยมไทยที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ และเป็นเครื่องนำทางประเทศไทยไปสู่จุดมุ่งหมายแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยพร้อมที่จะให้ข้อมูล แบ่งปันประสบการณ์แนวทางดังกล่าวแก่มิตรประเทศ เนื่องจากความมั่นคงและมั่งคั่งของภูมิภาคเอเชียและแอฟริการจะเป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทยและภูมิภาค
ปัจจุบัน แอฟริกามีโอกาสมากมายเพราะเป็นหนึ่งในทวีปที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วที่สุดทวีปหนึ่งของโลก ทั้งยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลในประเทศแอฟริกามีการปฏิรูปมากขึ้น ส่งผลให้มีการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก ช่วยงานและโอกาสกับประชาชน
ดังนั้น รัฐบาลไทยมุ่งมั่นที่จะเป็นหุ้นส่วนความสำเร็จของแอฟริกาโดยมีนโยบาย “ข้อริเริ่มไทย-แอฟริกา” เพื่อแสดงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในทุกมิติระหว่างไทยและแอฟริกา
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวในตอนท้ายว่า ภูมิภาคเรากำลังเผชิญกับความท้าทายระหว่างประเทศมากมาย อาทิ ความยากจน ความขัดแย้ง การก่อการร้าย โรคระบาด และปัญหาสิ่งแวดล้อม ดังนั้น หุ้นส่วนใหม่ทางยุทธศาสตร์เอเชีย-แอฟริกาที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2548 จะมีความสำคัญยิ่งขึ้น และขอให้ร่วมมือกันเพื่อสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองแก่ประชาชน เพื่อให้มั่นใจว่า จะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง


ไม่มีความคิดเห็น: