PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ในสายตานักลงทุน หม่อมอุ๋ย กับ ดร.สมคิด ใครเก่งกว่ากัน

ในสายตานักลงทุน หม่อมอุ๋ย กับ ดร.สมคิด ใครเก่งกว่ากัน

การลงทุนการเงินเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์

2 ขาใหญ่ซดเกาเหลา เศรษฐกิจไม่กระเตื้อง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000134197

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    21 พฤศจิกายน 2557 07:18 น.

“ครม.บิ๊กตู่” ได้ฤกษ์ปรับทัพอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่งวดนี้ยังไม่มีใครถูกปรับออก เป็นเพียงการเติมเต็มใน 2 ตำแหน่งที่ยังขาดหายไป ซึ่งตามภาษาข่าวต้องเรียกว่า “ครม.ตู่ 2” โดยมีชื่อ “อำนวย ปะติเส” เข้ามาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ “วิสุทธ์ ศรีสุพรรณ”เข้ามาเป็น รมช.คลัง
     
       ทั้ง 2 หน่อก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลนั่งเป็น “ที่ปรึกษา” ของทั้งสองกระทรวงอยู่แล้ว
     
       ชื่อของ “อำนวย” ติดโผมาพักใหญ่ ที่จะมีการดึงให้เข้าช่วยเสริมยุทธศาสตร์ด้านการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องยางพารา โดยมักมีชื่ออยู่ในลิสต์ลำดับต้นๆที่จะเข้ามาช่วยดูแลปัญหาราคายางพาราของรัฐบาลเกือบทุกยุค ยังเคยนั่งเป็นกุนซือของ “ธีระชัย แสนแก้ว” อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย ในช่วงรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มาก่อนด้วย
     
       ส่วนชื่อของ “วิสุทธิ์” ถือว่าสร้างเซอร์ไพรส์เล็กๆ เพราะก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีข่าวหลุดออกมาก่อนเลย แต่ด้วยดีกรี “ลูกหม้อคลัง” จึงถูกหัวหน้าทัมเศรษฐกิจ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ดึงตัวมาช่วยงาน หลังจากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร เมื่อครั้งตั้ง “สมหมาย ภาษี” เป็น รมว.คลัง เพียงคนเดียว โดยไม่มีรัฐมนตรีช่วยเลย ทั้งที่แต่ละรัฐบาลที่ผ่านมาอย่างน้อยๆต้องมี รมช.คลังถึง 2 คนด้วยซ้ำ
     
       จากนี้ไป “กระทรวงคลัง” ก็อยู่ในอุ้มมือของ “หม่อมอุ๋ย” เรียกว่าคุมหางเสือเศรษฐกิจไทยในยุค “รัฐบาลทหาร” อย่างเบ็ดเสร็จ
     
       ขณะเดียวกันบรรดา “ขุนทหาร” ก็ยังพอมี “หมาก” ที่ทำให้รู้เท่าทัน “หม่อมอุ๋ย” เหมือนกัน โดยเฉพาะการวางตัว “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” สมาชิก คสช.เข้ามาเป็นประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งตำแหน่ง ที่คอยให้คำแนะนำทั้งทางลับและทางเปิด
     
       ซึ่งรู้กันทั้งบางว่าทฤษฎีทางเศรษฐกิจของ “สมคิด - หม่อมอุ๋ย” แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
     
       โดย “หม่อมอุ๋ย” มีแนวคิดสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าของอาเซียน โดยเร่งจัดทำระบบคมนาคมให้ดีที่สุด เพื่อรองรับการขนส่งของอาเซียนที่จะใช้ไทยเป็นศูนย์กลาง และเร่งสร้างท่าเรือน้ำลึกโดยเร็ว และต้องการให้รัฐบาลผลักดันให้นักลงทุนไทยหันไปลงทุนในต่างประเทศบ้าง เพราะไทยเริ่มประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และต้องการให้นักลงทุนไทยจับมือกับนักลงทุนต่างชาติ เปิดสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค ในประเทศไทย
     
       ไทยต้องเป็นศูนย์กลางของอาเซียนให้ได้คือแนวทางของ “หม่อมอุ๋ย” ซึ่งดูจะมองไกล โดยไม่เหลียวมองปัญหาที่อยู่ใกล้ตัว เพราะสิ่งที่ “หม่อมอุ๋ย” ลืมคิดไปในตอนนี้คือการแก้ไขปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะเรื่องของแพง ที่ต่อเนื่องมาจากสมัย “รัฐบาลปูแดง” ซึ่งที่ผ่านมา 6 เดือนของ คสช.ยังแก้ปัญหากันไม่ตก
     
       ส่วนแนวคิดของ “สมคิด” ที่เพิ่งโชว์วิสัยทัศน์ผ่านการปาฐกถาพิเศษเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็เน้นย้ำเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจควรกระทำต่อเมื่อจำเป็น การใช้จ่ายภาครัฐต้องทำเพื่อกระตุ้นในสิ่งที่สอดรับ สอดคล้องเท่านั้น
     
       "ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ขอยกตัวอย่างจีน ในปี 2551 จีนได้ทุ่มเทเงิน 4 ล้านล้านหยวน เพื่อลดช่องว่างความการเติบโตระหว่างเมืองกับชนบท”
     
       สิ่งที่ “สมคิด” พูดคือการส่งสัญญาณชัดเจนว่าอีกไม่นานอาจจะมีการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่จะกระทำก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น พูดง่ายๆว่าหาก “รัฐบาลบิ๊กตู่” เข้าตาจนเมื่อไร มีหวังโปรโมชั่นลด-แลก-แจก-แถม ออกมากระหน่ำซัมเมอร์เซลแน่ๆ
     
       เพราะ “กุนซือสมคิด” รู้ดีกว่าหากปล่อยให้ดีอีกไม่นาน แรงหนุนจากพ่อค้า-แม่ค้า-ประชาชน จะสวิงกลับโจมตี “รัฐบาล-คสช.” ได้ เพราะอย่าลืมว่า “ภัยความมั่นคง-ภัยม็อบ” แก้ไขหายไปได้ถือเป็นชัยชนะแบบชั่วคราว แต่หากแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ยิ่งปล่อยผ่านไปจะกลับเป็นหอกทิ่มแทง “รัฐบาล-คสช.” เสียเอง
     
       ซึ่งด้านพรรคเพื่อไทยก็รู้เกมดีว่าประเด็นทางเศรษฐกิจถือเป็น “ม๊อคกิ้งเจย์” ของพลพรรคสีแดง เป็นหมากเด็ดที่จะทำให้คะแนนนิยมของ “บิ๊กตู่” ตกลงเรื่อยๆ จนเสียรังวัด และหมากต่อไปคงหนีไม่พ้นการออกมาโจมตีว่า “รัฐบาลทหาร” ไม่มีความรู้ความเข้าใจทางเศรษฐกิจ และไม่สามารถนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่นคั่งได้
     
       ตัวอย่างที่มีให้เห็นทันตาคือ “พิชัย นิริพทะพันธุ์” มือเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ไม่เพียงพอต่อการฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาดีขึ้น สอดคล้องกับตัวเลขการเติบโตด้านเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 โดยคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่ระบุว่า ขยายตัวเพียง 0.6%
     
       “พิชัย” บวกลบคูณหารให้ฟังว่า “เมื่อตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีในไตรมาส 3 โตเพียง 0.6% ทำให้ 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้โตเพียง 0.2% ส่งผลให้โอกาสที่ทั้งปี 2557 จะขยาย ตัวถึง 1% เป็นไปได้ยาก แต่ “ขุนคลัง” ของรัฐบาล กลับดื้อดึงว่า จีดีพีของไทยทั้งปีจะโตเกิน 1.5% ซึ่งเท่ากับว่าในไตรมาส 4 จะจีดีพีต้องโตเกิน 6% ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย” “พิชัย” ฟันธงไว้แบบนี้
     
       คำพูดคำเตือนของ “พิชัย” สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนด้อยของ “ทีมเศรษฐกิจ” ที่อยู่เบื้องหลัง “รัฐบาลบิ๊กตู่” ซึ่งนำโดย “หม่อมอุ๋ย” เตรียมรับสภาพเอาไว้เลย หากยังไม่มีมุกกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆออกมา ดูท่ารัฐบาล คสช.คงจะลำบาก
     
       หากเทียบนโยบายของ “หม่อมอุ๋ย” ที่มักจะวาดฝันอนาคต กับแนวคิดของ “สมคิด” ที่ติดอยู่กับปัจจุบัน “รัฐบาล-คสช.” คงต้องเลือกว่าใครดีกว่ากัน
     
       มีเสียงแว่วจาก “ตึกไทยคู่ฟ้า” ออกมาเหมือนกันว่าอีกไม่นานให้จับตาว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยน ครม. เพราะมีการประเมินกันว่า “รัฐมนตรีบางคน” ทำผลงานได้ไม่ตรงตามเป้า ซึ่งอาจจะมีการประเมินกันในช่วงปลายเดือนมกราคม 2558 เพราะถือว่า “รัฐมนตรี” ทำงานครบ 5 เดือนพอดี หากใครไม่เข้าเป้าปรับออกเมื่อครบ 6 เดือน
     
       แม้ “สมคิด” จะเป็น “รัฐมนตรี” ด้วยตัวเองไม่ได้ เพราะถูกรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเขียนล็อคห้ามเอาไว้ แต่เด็กในคาถาที่อยู่ในทีมที่ปรึกษานายกฯก็มีดีกรีไม่ธรรมดาทีเดียว ดีไม่ดีต้นปีหน้าอาจจะเห็น “ทีม สมคิด” ผงาดเข้ามาคุมบังเหียนเศรษฐกิจให้รัฐบาลก็เป็นได้
     
       ส่วนเรื่องเกาเหลาไม่กินเส้นกันนั้น ตามบทก็ต้องแก้ตัวเพื่อสร้างบรรยากาศกันไป ถึงขนาด “บิ๊กตู่” ยังต้องออกมาคอนเฟิร์มด้วยตัวเองว่ารักกันดูดดื่มดี แต่หากจับทิศทางให้ดี ทั้ง “หม่อมอุ๋ย - สมคิด” ต่างคนต่างกันเล่นเกมปล่อยข่าวบลั๊ฟกันไปมาอยู่เนืองๆ
     
       จากนี้ต้องติดตามเกม “แทงข้างหลัง” แต่ “แทงถึงหัวใจ” ของทั้ง 2 คน ว่าสุดท้ายแล้วใครจะชนะเกมยาว ปรับ ครม.หนหน้าก็คงรู้กัน


----------------
เกาเหลา​หม่อม​อุ๋ย–​สมคิด ซ้ำเติม​ภาวะ​เศรษฐกิจ
โดย ลมกรด 18 พ.ย. 2557 05:01

ทีม​เศรษฐกิจ​ของ​รัฐบาล​กำลัง​เป็น​ที่​จับตา​มอง​อย่าง​มาก​ใน​ช่วง​นี้ เพราะ​จะ​มี​การ​เสริม​รัฐมนตรี​ใหม่​เข้าไป​อีก 2 คน ซึ่ง “หม่อม​อุ๋ย” ม.ร.ว.​ป​รี​ดิ​ยา​ธร เทวกุล รอง​นายกรัฐมนตรี​ฝ่าย​เศรษฐกิจ เผย​ว่า​ได้​ส่ง​ราย​ชื่อ​แต่งตั้ง​รัฐมนตรี​เพิ่มเติม​ให้ พล.อ.​ประยุทธ์ จันทร์​โอชา นายกรัฐมนตรี​ไป​แล้ว ประกอบ​ด้วย​คุณ​อำนวย ปะ​ติ​เส เป็น รมช.​เกษตร​และ​สหกรณ์ กับ​คุณ​วิสุทธิ์ ศรี​สุพรรณ เป็น รมช.​คลัง

ขณะ​เดียวกัน​ทีม​งาน​ของ​ คุณ​สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กรรมการ​คสช.​ที่​รับหน้า​เสื่อ​คุม​งาน​เศรษฐกิจ ก็​ย่าง​ก้าว​เข้า​มา​มี​บทบาท​เต็มตัว​แล้ว โดย “บิ๊ก​ตู่” ได้​ลง​นาม​คำสั่ง​แต่งตั้ง​คณะ​ที่​ปรึกษา​นายกฯ​จำนวน 12 คน ยก​ให้​คุณ​สมคิด​เป็น​ประธาน มี​อำนาจ​ให้​คำ​ปรึกษา​ทุก​เรื่อง ประสาน​และ​ขับเคลื่อน​นโยบาย​เร่ง​ด่วน ติดตาม​งานที่​ เป็น​ภารกิจ​หลัก​ของ​นายกฯ และ​สามารถ​เชิญ​หน่วย​งาน​ต่างๆมา​ให้​ข้อมูล​และ​แสดง​ความ​คิดเห็น เรียก​ว่า​ติด​อาวุธ​ให้​เต็ม​พิกัด

เป็น​ที่​รับ​รู้​กัน​ใน​แวดวง​อยู่​แล้ว​ว่า​ หม่อม​อุ๋ย​กับ​คุณ​สมคิด​ไม่ค่อย​ลงรอยกัน​เท่า​ไหร่ แม้​กระทั่ง​ใน​งาน​สัมมนา​ทิศทาง​เศรษฐกิจ​ไทย​ปี 2558 ที่​จัด​โดย​สมาคม​เศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ซึ่ง​หม่อมอุ๋ย​นำ​ทีม​รัฐมนตรี​เศรษฐกิจ​ไป​ร่วม​กล่าว​ปาฐกถา ทั้ง​คุณ​สม​หมาย ภาษี รมว.​คลัง คุณ​ปีติ​พง​ศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.​เกษตรฯ และ​คุณ​ณรงค์​ชัย อัครเศรณี รมว.​พลังงาน หม่อม​อุ๋ย​ถึง​กับ​ประกาศ​บน​เวที​ว่า​พวก​เขา​ไม่​ใช่กลุ่มเดียว​ที่​มี​อำนาจ​ใน​การ​กำกับ​ดูแล​ขับเคลื่อน​เศรษฐกิจ พูด​อย่าง​นี้​ยิ่ง​ตอกย้ำ​อาการ​ขบ​เหลี่ยม​ปีนเกลียว​ชัดเจน

จะ​ว่า​ไป​แล้ว​รัฐมนตรี​เศรษฐกิจ​ชุด​นี้​ไม่​มี​ผล​งาน​อะไร​โดดเด่นเลย ที่​ดู​เข้าท่า​เข้า​ทาง​หน่อย​เห็นจะ​เป็น​คุณ​ณรงค์​ชัย​ที่​สามารถ​ปรับ​โครงสร้าง​พลังงาน ราคา​น้ำมัน​และ​ก๊าซ​ขยับ​เข้า​ใกล้​ต้นทุน​แท้จริง แต่​ช่วง​ที่​เศรษฐกิจ​ฝืดเคือง​ก็​ควร​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​บ้าง ส่วน​คุณ​ปีติ​พง​ศ์​ยัง​ไม่ได้​โชว์​ฝีมือ​ช่วยเหลือ​เกษตรกร​ให้​เข้า​ตา​ซัก​นิด

ยิ่ง​คุณ​สม​หมาย​ขุน​คลัง ​ตอน​แรก​บอก​นโยบาย​เศรษฐกิจ​จะ​ทำให้​ผู้คน​ร้อง​ว้าว ทำไปทำมา​ดูเหมือน​จะ​ต้อง​ร้อง​ว้าย​แทน ทั้ง​ยัง​ทำให้​ภาค​ธุรกิจ​สับสน​อย่าง​มาก คุย​ว่า​ออก​มาตรการ​กระตุ้น​เศรษฐกิจ​แล้ว​เศรษฐกิจ​จะ​โต​ทะลุ 2% แต่​หลังจาก​นั้น​ไม่​นาน​ก็​อ้าง​ภาวะ​เงิน​ฝืด​ทำให้​เศรษฐกิจ​โต​ไม่​ถึง 1.5%

ส่วน​หม่อม​อุ๋ย​ก็​ดู​จะ​หนัก​ไป​ทาง​คุย​โว บอก​จะ​ทำ​งาน​ใหญ่​ต้องใจ​ถึง แต่​ยัง​ไม่​เห็น​ท่าน​แสดง​ความ​ใจถึง​ตรง​ไหน​เลย หว่าน​เงิน​อัดฉีด​ก็​ทำ​แบบ​กั๊กๆ ไม่​มี​ประสิทธิภาพ งบประมาณ​ยัง​ค้าง​ท่อ​อยู่​อีก​เพียบ ไม่​เพียง​พึ่ง​การ​ลงทุน​ภาค​รัฐ​ไม่ได้ แม้แต่​การ​ส่ง​ออก การ​ท่องเที่ยว การ​ลงทุน​ภาค​เอกชน ก็​ลด​ลง​อย่าง​มาก ใจ​ผม​ยัง​ผวา​ผล​งาน​ใน​อดีต​ของ​ท่าน​ตอน​เป็น รมว.​คลัง​ใน​ยุค​รัฐบาล​ขิง​แก่​อยู่​เลย ที่​ไปออก​มาตรการ​ควบคุม​เงิน​ทุน​ระยะ​สั้น​จาก​ต่าง​ประเทศ ทำให้​หุ้น​ตก 108 จุด​ภายใน​วัน​เดียว สุดท้าย​ต้อง​ยกเลิก​มาตรการ​ดังกล่าว​ใน​ตลาดหุ้น

มา​ดู​ทาง​คุณ​สมคิด​บ้าง เท่า​ที่​ได้​พูด​คุย​กับ​นัก​เศรษฐศาสตร์​หลาย​คน ส่วน​ใหญ่​มอง​คุณ​สมคิด​เป็น​แค่​นัก​วิชาการ​นัก​อธิบาย​ความ​เท่านั้น ไม่ได้​รู้สึก​ถึง​ความ​เป็น​นัก​คิด​นัก​บริหาร​หรือ​มี​ฝีมือ​ใน​การ​กุม​บังเหียน​เศรษฐกิจ​เลย ว่า​กัน​ว่า​หลาย​สิ่ง​ที่​ท่าน​หยิบ​มา​พูด​เป็นตุเป็นตะ ก็​มา​จาก​ไอเดีย​ของ พ.ต.ท.​ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

ภาวะ​เศรษฐกิจ​ปี​หน้า​น่า​เป็น​ห่วง​มาก​นะ​ครับ ลำพัง​คนเก่ง​ยัง​แทบ​จะ​เอา​ไม่​อยู่ นี่​ดัน​เอา​คน​ไม่​ลงรอยกัน​มา​นั่ง​ขัด​แข้ง​ขัด​ขา​กัน​อีก ถ้า​ไม่​มี​ตัว​เลือก​ที่​ดี​กว่า​นี้ ผม​อยาก​เสนอ​ให้​บิ๊ก​ตู่​ควร​เลือก​ใช้​บริการ​คน​เดียว​พอ​ครับ.

ไม่มีความคิดเห็น: