ในสายตานักลงทุน หม่อมอุ๋ย กับ ดร.สมคิด ใครเก่งกว่ากัน
การลงทุนการเงินเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์
2 ขาใหญ่ซดเกาเหลา เศรษฐกิจไม่กระเตื้อง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000134197
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 พฤศจิกายน 2557 07:18 น.
“ครม.บิ๊กตู่” ได้ฤกษ์ปรับทัพอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่งวดนี้ยังไม่มีใครถูกปรับออก เป็นเพียงการเติมเต็มใน 2 ตำแหน่งที่ยังขาดหายไป ซึ่งตามภาษาข่าวต้องเรียกว่า “ครม.ตู่ 2” โดยมีชื่อ “อำนวย ปะติเส” เข้ามาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ “วิสุทธ์ ศรีสุพรรณ”เข้ามาเป็น รมช.คลัง
ทั้ง 2 หน่อก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลนั่งเป็น “ที่ปรึกษา” ของทั้งสองกระทรวงอยู่แล้ว
ชื่อของ “อำนวย” ติดโผมาพักใหญ่ ที่จะมีการดึงให้เข้าช่วยเสริมยุทธศาสตร์ด้านการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องยางพารา โดยมักมีชื่ออยู่ในลิสต์ลำดับต้นๆที่จะเข้ามาช่วยดูแลปัญหาราคายางพาราของรัฐบาลเกือบทุกยุค ยังเคยนั่งเป็นกุนซือของ “ธีระชัย แสนแก้ว” อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย ในช่วงรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มาก่อนด้วย
ส่วนชื่อของ “วิสุทธิ์” ถือว่าสร้างเซอร์ไพรส์เล็กๆ เพราะก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีข่าวหลุดออกมาก่อนเลย แต่ด้วยดีกรี “ลูกหม้อคลัง” จึงถูกหัวหน้าทัมเศรษฐกิจ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ดึงตัวมาช่วยงาน หลังจากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร เมื่อครั้งตั้ง “สมหมาย ภาษี” เป็น รมว.คลัง เพียงคนเดียว โดยไม่มีรัฐมนตรีช่วยเลย ทั้งที่แต่ละรัฐบาลที่ผ่านมาอย่างน้อยๆต้องมี รมช.คลังถึง 2 คนด้วยซ้ำ
จากนี้ไป “กระทรวงคลัง” ก็อยู่ในอุ้มมือของ “หม่อมอุ๋ย” เรียกว่าคุมหางเสือเศรษฐกิจไทยในยุค “รัฐบาลทหาร” อย่างเบ็ดเสร็จ
ขณะเดียวกันบรรดา “ขุนทหาร” ก็ยังพอมี “หมาก” ที่ทำให้รู้เท่าทัน “หม่อมอุ๋ย” เหมือนกัน โดยเฉพาะการวางตัว “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” สมาชิก คสช.เข้ามาเป็นประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งตำแหน่ง ที่คอยให้คำแนะนำทั้งทางลับและทางเปิด
ซึ่งรู้กันทั้งบางว่าทฤษฎีทางเศรษฐกิจของ “สมคิด - หม่อมอุ๋ย” แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
โดย “หม่อมอุ๋ย” มีแนวคิดสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าของอาเซียน โดยเร่งจัดทำระบบคมนาคมให้ดีที่สุด เพื่อรองรับการขนส่งของอาเซียนที่จะใช้ไทยเป็นศูนย์กลาง และเร่งสร้างท่าเรือน้ำลึกโดยเร็ว และต้องการให้รัฐบาลผลักดันให้นักลงทุนไทยหันไปลงทุนในต่างประเทศบ้าง เพราะไทยเริ่มประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และต้องการให้นักลงทุนไทยจับมือกับนักลงทุนต่างชาติ เปิดสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค ในประเทศไทย
ไทยต้องเป็นศูนย์กลางของอาเซียนให้ได้คือแนวทางของ “หม่อมอุ๋ย” ซึ่งดูจะมองไกล โดยไม่เหลียวมองปัญหาที่อยู่ใกล้ตัว เพราะสิ่งที่ “หม่อมอุ๋ย” ลืมคิดไปในตอนนี้คือการแก้ไขปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะเรื่องของแพง ที่ต่อเนื่องมาจากสมัย “รัฐบาลปูแดง” ซึ่งที่ผ่านมา 6 เดือนของ คสช.ยังแก้ปัญหากันไม่ตก
ส่วนแนวคิดของ “สมคิด” ที่เพิ่งโชว์วิสัยทัศน์ผ่านการปาฐกถาพิเศษเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็เน้นย้ำเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจควรกระทำต่อเมื่อจำเป็น การใช้จ่ายภาครัฐต้องทำเพื่อกระตุ้นในสิ่งที่สอดรับ สอดคล้องเท่านั้น
"ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ขอยกตัวอย่างจีน ในปี 2551 จีนได้ทุ่มเทเงิน 4 ล้านล้านหยวน เพื่อลดช่องว่างความการเติบโตระหว่างเมืองกับชนบท”
สิ่งที่ “สมคิด” พูดคือการส่งสัญญาณชัดเจนว่าอีกไม่นานอาจจะมีการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่จะกระทำก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น พูดง่ายๆว่าหาก “รัฐบาลบิ๊กตู่” เข้าตาจนเมื่อไร มีหวังโปรโมชั่นลด-แลก-แจก-แถม ออกมากระหน่ำซัมเมอร์เซลแน่ๆ
เพราะ “กุนซือสมคิด” รู้ดีกว่าหากปล่อยให้ดีอีกไม่นาน แรงหนุนจากพ่อค้า-แม่ค้า-ประชาชน จะสวิงกลับโจมตี “รัฐบาล-คสช.” ได้ เพราะอย่าลืมว่า “ภัยความมั่นคง-ภัยม็อบ” แก้ไขหายไปได้ถือเป็นชัยชนะแบบชั่วคราว แต่หากแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ยิ่งปล่อยผ่านไปจะกลับเป็นหอกทิ่มแทง “รัฐบาล-คสช.” เสียเอง
ซึ่งด้านพรรคเพื่อไทยก็รู้เกมดีว่าประเด็นทางเศรษฐกิจถือเป็น “ม๊อคกิ้งเจย์” ของพลพรรคสีแดง เป็นหมากเด็ดที่จะทำให้คะแนนนิยมของ “บิ๊กตู่” ตกลงเรื่อยๆ จนเสียรังวัด และหมากต่อไปคงหนีไม่พ้นการออกมาโจมตีว่า “รัฐบาลทหาร” ไม่มีความรู้ความเข้าใจทางเศรษฐกิจ และไม่สามารถนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่นคั่งได้
ตัวอย่างที่มีให้เห็นทันตาคือ “พิชัย นิริพทะพันธุ์” มือเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ไม่เพียงพอต่อการฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาดีขึ้น สอดคล้องกับตัวเลขการเติบโตด้านเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 โดยคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่ระบุว่า ขยายตัวเพียง 0.6%
“พิชัย” บวกลบคูณหารให้ฟังว่า “เมื่อตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีในไตรมาส 3 โตเพียง 0.6% ทำให้ 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้โตเพียง 0.2% ส่งผลให้โอกาสที่ทั้งปี 2557 จะขยาย ตัวถึง 1% เป็นไปได้ยาก แต่ “ขุนคลัง” ของรัฐบาล กลับดื้อดึงว่า จีดีพีของไทยทั้งปีจะโตเกิน 1.5% ซึ่งเท่ากับว่าในไตรมาส 4 จะจีดีพีต้องโตเกิน 6% ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย” “พิชัย” ฟันธงไว้แบบนี้
คำพูดคำเตือนของ “พิชัย” สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนด้อยของ “ทีมเศรษฐกิจ” ที่อยู่เบื้องหลัง “รัฐบาลบิ๊กตู่” ซึ่งนำโดย “หม่อมอุ๋ย” เตรียมรับสภาพเอาไว้เลย หากยังไม่มีมุกกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆออกมา ดูท่ารัฐบาล คสช.คงจะลำบาก
หากเทียบนโยบายของ “หม่อมอุ๋ย” ที่มักจะวาดฝันอนาคต กับแนวคิดของ “สมคิด” ที่ติดอยู่กับปัจจุบัน “รัฐบาล-คสช.” คงต้องเลือกว่าใครดีกว่ากัน
มีเสียงแว่วจาก “ตึกไทยคู่ฟ้า” ออกมาเหมือนกันว่าอีกไม่นานให้จับตาว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยน ครม. เพราะมีการประเมินกันว่า “รัฐมนตรีบางคน” ทำผลงานได้ไม่ตรงตามเป้า ซึ่งอาจจะมีการประเมินกันในช่วงปลายเดือนมกราคม 2558 เพราะถือว่า “รัฐมนตรี” ทำงานครบ 5 เดือนพอดี หากใครไม่เข้าเป้าปรับออกเมื่อครบ 6 เดือน
แม้ “สมคิด” จะเป็น “รัฐมนตรี” ด้วยตัวเองไม่ได้ เพราะถูกรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเขียนล็อคห้ามเอาไว้ แต่เด็กในคาถาที่อยู่ในทีมที่ปรึกษานายกฯก็มีดีกรีไม่ธรรมดาทีเดียว ดีไม่ดีต้นปีหน้าอาจจะเห็น “ทีม สมคิด” ผงาดเข้ามาคุมบังเหียนเศรษฐกิจให้รัฐบาลก็เป็นได้
ส่วนเรื่องเกาเหลาไม่กินเส้นกันนั้น ตามบทก็ต้องแก้ตัวเพื่อสร้างบรรยากาศกันไป ถึงขนาด “บิ๊กตู่” ยังต้องออกมาคอนเฟิร์มด้วยตัวเองว่ารักกันดูดดื่มดี แต่หากจับทิศทางให้ดี ทั้ง “หม่อมอุ๋ย - สมคิด” ต่างคนต่างกันเล่นเกมปล่อยข่าวบลั๊ฟกันไปมาอยู่เนืองๆ
จากนี้ต้องติดตามเกม “แทงข้างหลัง” แต่ “แทงถึงหัวใจ” ของทั้ง 2 คน ว่าสุดท้ายแล้วใครจะชนะเกมยาว ปรับ ครม.หนหน้าก็คงรู้กัน
----------------
เกาเหลาหม่อมอุ๋ย–สมคิด ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจ
โดย ลมกรด 18 พ.ย. 2557 05:01
ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลกำลังเป็นที่จับตามองอย่างมากในช่วงนี้ เพราะจะมีการเสริมรัฐมนตรีใหม่เข้าไปอีก 2 คน ซึ่ง “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เผยว่าได้ส่งรายชื่อแต่งตั้งรัฐมนตรีเพิ่มเติมให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไปแล้ว ประกอบด้วยคุณอำนวย ปะติเส เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ กับคุณวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ เป็น รมช.คลัง
ขณะเดียวกันทีมงานของ คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กรรมการคสช.ที่รับหน้าเสื่อคุมงานเศรษฐกิจ ก็ย่างก้าวเข้ามามีบทบาทเต็มตัวแล้ว โดย “บิ๊กตู่” ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะที่ปรึกษานายกฯจำนวน 12 คน ยกให้คุณสมคิดเป็นประธาน มีอำนาจให้คำปรึกษาทุกเรื่อง ประสานและขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วน ติดตามงานที่ เป็นภารกิจหลักของนายกฯ และสามารถเชิญหน่วยงานต่างๆมาให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็น เรียกว่าติดอาวุธให้เต็มพิกัด
เป็นที่รับรู้กันในแวดวงอยู่แล้วว่า หม่อมอุ๋ยกับคุณสมคิดไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ แม้กระทั่งในงานสัมมนาทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2558 ที่จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ซึ่งหม่อมอุ๋ยนำทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจไปร่วมกล่าวปาฐกถา ทั้งคุณสมหมาย ภาษี รมว.คลัง คุณปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรฯ และคุณณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน หม่อมอุ๋ยถึงกับประกาศบนเวทีว่าพวกเขาไม่ใช่กลุ่มเดียวที่มีอำนาจในการกำกับดูแลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พูดอย่างนี้ยิ่งตอกย้ำอาการขบเหลี่ยมปีนเกลียวชัดเจน
จะว่าไปแล้วรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดนี้ไม่มีผลงานอะไรโดดเด่นเลย ที่ดูเข้าท่าเข้าทางหน่อยเห็นจะเป็นคุณณรงค์ชัยที่สามารถปรับโครงสร้างพลังงาน ราคาน้ำมันและก๊าซขยับเข้าใกล้ต้นทุนแท้จริง แต่ช่วงที่เศรษฐกิจฝืดเคืองก็ควรผ่อนหนักผ่อนเบาบ้าง ส่วนคุณปีติพงศ์ยังไม่ได้โชว์ฝีมือช่วยเหลือเกษตรกรให้เข้าตาซักนิด
ยิ่งคุณสมหมายขุนคลัง ตอนแรกบอกนโยบายเศรษฐกิจจะทำให้ผู้คนร้องว้าว ทำไปทำมาดูเหมือนจะต้องร้องว้ายแทน ทั้งยังทำให้ภาคธุรกิจสับสนอย่างมาก คุยว่าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วเศรษฐกิจจะโตทะลุ 2% แต่หลังจากนั้นไม่นานก็อ้างภาวะเงินฝืดทำให้เศรษฐกิจโตไม่ถึง 1.5%
ส่วนหม่อมอุ๋ยก็ดูจะหนักไปทางคุยโว บอกจะทำงานใหญ่ต้องใจถึง แต่ยังไม่เห็นท่านแสดงความใจถึงตรงไหนเลย หว่านเงินอัดฉีดก็ทำแบบกั๊กๆ ไม่มีประสิทธิภาพ งบประมาณยังค้างท่ออยู่อีกเพียบ ไม่เพียงพึ่งการลงทุนภาครัฐไม่ได้ แม้แต่การส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนภาคเอกชน ก็ลดลงอย่างมาก ใจผมยังผวาผลงานในอดีตของท่านตอนเป็น รมว.คลังในยุครัฐบาลขิงแก่อยู่เลย ที่ไปออกมาตรการควบคุมเงินทุนระยะสั้นจากต่างประเทศ ทำให้หุ้นตก 108 จุดภายในวันเดียว สุดท้ายต้องยกเลิกมาตรการดังกล่าวในตลาดหุ้น
มาดูทางคุณสมคิดบ้าง เท่าที่ได้พูดคุยกับนักเศรษฐศาสตร์หลายคน ส่วนใหญ่มองคุณสมคิดเป็นแค่นักวิชาการนักอธิบายความเท่านั้น ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นนักคิดนักบริหารหรือมีฝีมือในการกุมบังเหียนเศรษฐกิจเลย ว่ากันว่าหลายสิ่งที่ท่านหยิบมาพูดเป็นตุเป็นตะ ก็มาจากไอเดียของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
ภาวะเศรษฐกิจปีหน้าน่าเป็นห่วงมากนะครับ ลำพังคนเก่งยังแทบจะเอาไม่อยู่ นี่ดันเอาคนไม่ลงรอยกันมานั่งขัดแข้งขัดขากันอีก ถ้าไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ ผมอยากเสนอให้บิ๊กตู่ควรเลือกใช้บริการคนเดียวพอครับ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น