12มิถุนายน 2558
มติชน
รายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง แห่งประเทศจีน กล่าวต่อนางออง ซาน ซูจี หัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านเมียนระหว่างการเดินทางเยือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ตนหวังให้เมียนมารักษาความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นระหว่างสองประเทศต่อไป
รายงานระบุว่า ประธานาธิบดีสีไม่ได้กล่าวถึงประเด็นการเปลี่ยนแปลงการเมืองภายในประเทศของเมียนมาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ไม่มีรายงานระบุชัดเจนว่านางซูจีได้กล่าวถึงประเด็นการจำคุกนายหลิว เสี่ยวโป เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2553 ที่ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 11 ปี ตั้งแต่ปี 2552 ฐานยั่วยุให้เกิดการบ่อนทำลายอำนาจรัฐ ซึ่งนักเคลื่อนไหวจำนวนมากได้เรียกร้องให้นางซูจีเจรจาประเด็นดังกล่าวต่อทางการจีน
หลายฝ่ายมองว่าการพบปะของนายสีและผู้นำฝ่ายค้านจากต่างชาตินั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ซึ่งประธานาธิบดีจีนระบุต่อนางซูจีถึงความคาดหวังต่อพรรคเอ็นแอลดีว่า จะมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์และนำเมียนมาไปสู่ความสัมพันธ์ภายใต้มุมมองอันมีเหตุมีผล
“ผมหวังและเชื่อว่าทางการเมียนมาจะมีความมั่นคงต่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศโดยไม่ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ภายใน และเมียนมาจะยังคลักดันมาตรการเชิงรุกในการพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไป” ประธานาธิบดีจีนเผย ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ผมหวังว่าการเยือนครั้งนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจประเทศจีนและพรรคคอมมิวนิสต์อย่างลึกซึ้งมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจซึ่งกันและกัน รวมถึงความไว้วางใจ และรากฐานที่ดีสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างพรรค และระหว่างรัฐ”
ขณะที่นางซูจีตอบรับว่า พรรคของเธอให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่มีต่อพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน และชื่นชมความสำเร็จของพรรคด้วย เมียนมาและจีนต่างเป็นเพื่อนบ้านกันและ “เพื่อนบ้านไม่สามารถถูกเลือกได้”
ทั้งนี้ นางซูจีชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2534 และใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วง 20 ปีภายใต้การควบคุมตัวในบ้านของเธอเนื่องจากต่อต้านการปกครองรัฐบาลทหารเมียนมา ก่อนจะถูกปล่อยตัวเมื่อปี 2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น