ร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ฉบับลงประชามติ ไม่เขียนให้ #พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เขียนนวัตกรรมใหม่ให้รัฐต้องส่งเสริมและเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท และเพิ่มข้อยกเว้นเสรีภาพในการนับถือศาสนาว่าต้อง "ไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของรัฐ"
อ่านต่อที่ http://ilaw.or.th/node/4080
สำหรับประเด็นการคุ้มครอง #เสรีภาพในการนับถือศาสนา และการรับรองสถานะของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อถกเถียงที่อ่อนไหวในสังคมไทยมานานหลายปีนั้น กรธ.เขียนสองประเด็นดังกล่าวไว้ดังนี้
"มาตรา 31 บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนาและย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติหรือประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนาของตน แต่ต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของรัฐ และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน"
"มาตรา 67 รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น
ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย"
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และ 2550 แล้วจะพบข้อแตกต่างที่น่าสนใจมากมาย โดยเรื่องหน้าที่ของรัฐที่เพิ่มการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาและเผยแร่พระพุทธศาสนาเถรวาท โดยไม่ได้กล่าวถึงศาสนาอื่น หรือพุทธศาสนานิกายอื่น และยังตัดหน้าที่ของรัฐที่ห้ามลิดรอดสิทธิบุคคลเพราะการนับถือศาสนาแตกต่างกัน และหน้าที่ของรัฐในการสร้างความสมานฉันท์ระหว่างศาสนา
#ร่างรัฐธรรมนูญ #ศาสนา #พระพุทธศานา #มีชัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น