PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บทแห่งกรรมคือ "เจตนาสมีโย" : เปลว สีเงิน "นักการเมืองขี้โกง"..........

บทแห่งกรรมคือ "เจตนาสมีโย" : เปลว สีเงิน
"นักการเมืองขี้โกง"..........
โดยเฉพาะแก๊งเข้าไปเล่นการเมืองด้วยทัศนคติ "โกงไม่เป็นไร ได้แล้วเอามาแบ่งกัน"
เจริญ "ราชทัณฑ์สติ"
คุกหนอ...คุกหนอ..รอไว้นะ!
นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในปฐมยุคแห่งรัฐบาลทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่ย่านปทุมธานี
และนายวิทยา เทียนทอง อดีตเลขาฯ รมว.เกษตรฯ ผู้เป็นน้องชาย "นายเสนาะ เทียนทอง" ผู้ยิ่งใหญ่ย่านสระแก้ว-ปราจีนบุรี
ด้วยศรัทธาและยึดมั่นในระบอบทักษิณ "โกงไม่เป็นไร ได้แล้วเอามาแบ่งกัน"
๘ มิ.ย.๕๙ วานซืนนี้เอง........
เข้าไปแบ่งกันอยู่ในคุกเรียบร้อยแล้ว โดย "ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง"
ตัดสินขังคุก "คนละ ๖ ปี"
ฐานทุจริต-คอร์รัปชัน ฮั้วประมูลจัดซื้อปุ๋ย!
บน "มาตรฐานเดียวกัน" อย่างที่ขบวนการระบอบทักษิณชื่นชอบ และแหกปากตะโกนโหยหามาตลอด
ก็อีกหลายคนมิใช่หรือ?
ทั้งหญิง-ทั้งชาย ทั้งที่ชอบเสื้อดอกและดอกเองโดยสันดาน เห็นกำลังทยอยเข้าคิวรออยู่ที่ศาลอาญาบ้าง ศาลฎีกานักการเมืองบ้าง
เตรียมฟิตร่างกายกันไว้นะ....
เมื่อกฎกรรมและกฎหมายทำงานดังนี้ ราวๆ ปลายปีนี้-ต้นปีหน้า บางคนอาจโชคดี
ได้เข้าไปอยู่ร่วม-กินร่วม-นอนร่วม กับ "ชูชีพ-วิทยา" จะได้ไปอยู่แบบเฮลธี้ไงล่ะ!
เมื่อวงจร "โกงแล้วแบ่งกัน" กำลังบรรจบลักษณะนี้ ก็คงต้องแข่งกันหน่อย........
ว่าทีมไหน จะได้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นก่อนกัน ระหว่างทีมที่ไปสุมหัวเห่าอยู่อเมริกา กับพวกที่กำลังถูก "เรียกเก็บตัว" เข้าไปฟอร์มทีมในคุก ทีละคน-สองคน?
เรื่องกรรมและเรื่องกฎหมาย ทำหน้าที่ "เที่ยงตรง" เสมอ
ไม่เลือกหน้า-ไม่เว้นใคร ไม่ว่า "หัวดำ-หัวโล้น".........
ถ้าระยำ ด้วยโกงกิน อลัชชี ผิดศีล ขั้นครุกาบัติ ในยุคดาวอะไรมิต่ออะไรทั้งอม ทั้งคาย ทั้งชนกัน สับสนนัวเนีย อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ผมไม่ทราบ
ทราบอย่างเดียว..........
พวก "ดาวโจร" ทั้งหัวโล้น-หัวดำ" เมื่อสังคมชาติถึงยุคปฏิรูป "คือล้าง" ที่เละ มุ่งสู่อนาคตใหม่ที่เรี่ยมเร้
มนุษย์ประเภท "ฉิบหายแล้วจากความดี" ทั้งหลาย-ทั้งปวง จะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่สำนึก ไม่ปรับตัว
"ต้องไป......" สถานเดียว!
ไปอยู่ที่ใหม่ จะเป็นคุก-ตะราง หรือเป็น ๙ ขุมนรก นั่นขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละคน
จากที่ "ปทุมธานี" เหมือนกัน แต่คนละสถานะ มาดูทาง "สมีโย" เจ้าลัทธิธรรมกายบ้าง ว่ายังอยู่ดีหรือไม่ดีไฉน?
กรรม คือการกระทำ ทาง "กาย-วาจา-ใจ"
ตัวใจ คือ "มโนกรรม" นี่แหละ เป็น "ตัวกรรม" แท้จริง พระบรมศาสดาเจ้าตรัสว่า "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ"
แปลว่า....ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า เจตนา คือ กรรม"
เจตนาคือ ความคิด ความตั้งใจ ที่สั่งกาย สั่งวาจานั่นแหละ ถ้าสั่งด้วยเจตนาดี คิดดี ตั้งใจทำดี พูดดี
แบบนี้ ไม่ต้องตั้ง "ศูนย์ปราบโกงในโกงกูเอง" ก็ถือว่าประกอบกรรมดี มีผลเป็นสุขกาย-สุขใจ เทวดาและมนุษย์สรรเสริญแล้ว
แต่ถ้าสั่งด้วยเจตนาร้าย
ทุกอย่างจะตรงข้าม คือใช่ว่าคนพวกนี้ "ในความเป็นคน" จะไม่รู้จักชั่ว-ไม่รู้จักดี เสียเลย
รู้เต็มอก.......
แต่ด้วยความเป็นคนฉิบหายแล้วจากความดีนั่นแหละ คือดีไม่ได้-ดีไม่เป็น เหมือนหนอน มีแต่ขี้เท่านั้นหอม เป็นอาหารชื่นชอบ อย่างอื่นเหม็นหมด
"มโน" คือเจตนา จึงสั่งแต่ ให้กายเคลื่อน-ปากขยับ ด้วยคิดร้าย พูดร้าย-ทำร้าย มุ่งจ้องทางจะไปกินขี้สถานเดียว
ปกตินั้น ทางกาย ทางวาจา ทำอะไรลงไป ยังไม่ถือว่าเป็นกรรม
ต่อเมื่อ "ทำ-พูด" ด้วยเจตนาอย่างใด-อย่างหนึ่ง นั่นแหละ จึงถือเป็นกรรม!
เข้าใจตรงนี้กันไว้บ้างก็ดี แม้ทางกฎหมายบ้านเมือง การกระทำ จะเป็นโทษหรือไม่เป็น ก็ต้อง "ยึดเจตนา" เป็นหลักเช่นกัน
คนอดข้าวหลายวัน เราสงสาร เอาข้าวไปป้อน เจตนาดี หวังให้เขาหายหิว มีชีวิตอยู่ได้
แต่กินปุ๊บ ลมสว้านตีขึ้น เขาตายคาข้าวที่เราป้อน......
แบบนี้ ไม่บาป ไม่ติดคุกหรอก เพราะช่วยเขาด้วยเจตนาดี หวังให้อยู่ มิใช่หวังให้ตาย!
เมื่อมีหลักในการพิจารณาอย่างนี้แล้ว ก็ไปดูการไม่ยอมมอบตัวของสมีโย รวมทั้งการไม่ยอมให้แพทยสภาเข้าไปตรวจอาการ "ป่วยปางตาย" ด้วยโรค ๘ โรคบ้าง
การไม่ยอมมอบตัวแต่แรกก็ดี
การแสดงตนเป็นปฏิปักษ์ต่อกฎหมาย ขัดขืน-ขัดขวาง การเข้าไปจับกุมของ DSI ที่วัด ก็ดี
และตัวเอง ไม่ยอมให้แพทย์โรงพยาบาลเข้าตรวจอาการ แต่ไปร้องขอให้ "แพทยสภา" ตั้งคณะแพทย์มาตรวจที่วัด
เพื่อยืนยันว่า "ป่วยหนัก-ตีนโตจริง" ไม่สามารถออกจากวัดไปมอบตัวกับ DSI ได้ มิใช่เล่นเล่ห์ หลีกเลี่ยง การถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด นั่นก็ดี
เมื่อพิจารณาเรื่องราวบนความต่อเนื่อง จะเห็นตัว "มโนกรรม" คือ "ตัวเจตนา" ของสมีโย ชัดเจน
เจตนาสั่งกายให้เจ้าเล่ห์ "หลบเลี่ยง-หลบซ่อน" ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย
เจตนาสั่งวาจา ให้สาวกเรียงหน้าไปกะล่อนปล้อนปลิ้น "พระเดชพระคุณหลวงพ่อบริสุทธิ์...พระเดชพระคุณหลวงพ่ออาพาธหนัก"
หวังถ่วงดึง ยื้อเวลา และการเข้าค้นจับของ DSI ไปเรื่อยๆ ชนิดให้นานที่สุด
จนกว่า "อำนาจรัฐ" จะเปลี่ยน เป็นระบอบทักษิณ ประมาณนั้น!?
อย่างนี้ถือเป็นกรรม เกิดจาก "เจตนา" ชัด.......
การคิดชั่ว ตั้งใจทำชั่ว เรียกว่าเป็น "กรรมชั่ว" นี้ มีผลแล้ว ถึงใครไม่เห็น จิตใจตัวเองก็รู้-ก็เห็น ยังไม่ได้รับโทษทางกฎหมาย แต่โทษทางใจ ได้รับแล้ว
คือ กิน-เดิน-นั่ง-นอน เหมือนอยู่ในทะเลเพลิง-ทะเลหนาม เร่าร้อน เป็นทุกข์ ต้องซอกซอน-ซุกซ่อนอยู่ เรียกว่า "ตกนรกทั้งเป็น"
คนภายนอกไม่เห็น ผี เทวดา ก็เห็น.........
กระทั่งยมบาล เห็นชัดแจ๋ว ป่านนี้ บันทึกกรรมชั่วนี้ ใส่หนังหมาไว้เรียบร้อยแล้ว!
จากหนังสือ "คณะแพทย์รักษาพระธัมมชโย" ซึ่งก็คือบรรดาสาวกที่ออกมาเคลื่อนไหวแทนสมีโย แจ้งให้ "ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา" นายกแพทยสภา ทราบ ด้วยใจความว่า
"ขอให้แพทยสภาเลื่อนการตรวจอาการอาพาธของพระธัมมชโยออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้ออกหมายจับไปแล้ว
การเข้าไปตรวจของแพทยสภา ก็ไม่ได้มีผลต่อรูปคดี ก็ไม่จำเป็นต้องส่งแพทย์เข้าไปตรวจอีก"
นี่เท่ากับตัวเอง "จับโกหก" ตัวเอง!
จับทั้งโกหกคณะแพทย์สมีโย จับโกหกทั้งตัวสมีโย ว่าทั้งหมดที่แถลง-แกล้งทำ ป่วยหนัก ๘ โรค ถึงขั้นเป็น-ตาย ๕๐-๕๐
และที่ทำเป็นนอนให้หมอตรวจตีนเน่า-ตีนบวมออกโทรทัศน์โชว์นักข่าว เพื่อยืนยันว่า ป่วยหนัก เดินไม่ได้จริงๆ นั้น
"ต้มคนทั้งโลก"!
คือแพทย์แก๊งสมีโยเอง เมื่อสังคมจับผิดได้ ถึงขั้นโรงพยาบาลต้นสังกัดยืนยันใบรับรองแพทย์มิใช่ของโรงพยาบาล
ก็ไปยื่นขอแพทยสภา ให้ส่งคณะแพทย์ไปตรวจ พูดง่ายๆ นั่นคือเล่ห์ หวังใช้แก้หน้า-กู้สถานการณ์
โดยอาศัยยี่ห้อ "แพทยสภา" หวังให้คนเข้าใจ แบบนี้ แสดงว่าสมีโยป่วย "ปางตัด-ปางตาย" จริงๆ ไม่งั้น ไม่กล้าท้าพิสูจน์
แล้วนี่...คืออะไร?
".........เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้ออกหมายจับไปแล้ว การเข้าไปตรวจของแพทยสภา ก็ไม่ได้มีผลต่อรูปคดี ก็ไม่จำเป็นต้องส่งแพทย์เข้าไปตรวจอีก"
สรุปชัด การไปขอให้แพทยสภาตรวจ นั่นไม่ใช่ต้องพิสูจน์เพื่อยืนยันว่าสมีโยป่วยจริง
หากแต่หวังใช้ภาพแพทยสภาเป็น "ยันต์กัน DSI บุกเข้าไปจับ" เท่านั้นเอง!
แล้วตอนนี้ พอ DSI ไม่บุกเข้าไปค้น-ไปจับ.....
สมีโยหายป่วย หายตีนเน่า-ตีนโตฉับพลัน ประหนึ่งแม่ชีปัดระเบิดมาเป่า ทำหนังสือแจ้งแพทยสภาทันที
"ไม่ต้องส่งคณะแพทย์เข้าไปตรวจแล้ว"!?
นี่แหละ "มโนกรรม" คือเจตนาชั่ว เป็นตัวกรรม กรรมลวงโลกชัดแจ้ง มนุษย์ ผีสาง นางไม้ เทวดา ยังไม่ทัน "จับมั่น" ก็มีผลทันตา
โดยตัวเอง "คั้นตัวเอง" ให้ชั่วนั้น เป็นหางปรากฏ!
จะไม่กล่าวทาง DSI แต่ให้คอยดู ในเดือนนี้ จากสัปดาห์หน้าไป
DSI จะ I love YO.

ไม่มีความคิดเห็น: