PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

นายกฯลั่น ถ้าไม่มีทหาร ประเทศไทยไปไม่ได้




นายกฯลั่น ถ้าไม่มีทหาร ประเทศไทยไปไม่ได้ ผมไม่ได้มีทหารเพื่อไว้รบกับใครหรือจับกุมใคร รบทุกวัน จนหน้ายับ..... เหน็บBangkok Post เปลี่ยนไป
"นายกฯ"เปิดประชุม G77 ย้ำความร่วมมือจากทุกฝ่าย สร้างความเข้มแข็งกลุ่มประเทศสมาชิก ระบุประเทศไทยมีทหารเพื่อใช้ขับเคลื่อน ไม่ได้มีไว้ รบจับกุมดำเนินคดีนักการเมือง แจง ความจำเป็นใช้กฎอัยการศึก - ม.44 เหน็บ "พิชัย" จบอะไรมาวิจารณ์ ศก. ลั่นวันนี้การแก้ปัญหาผมไม่ได้แก้เพื่อประเทศไทยหรือตัวผมเอง จะขึ้นจะลงผมไม่ได้ต้องการอำนาจอะไรทั้งสิ้น เพราะผมมีอำนาจมาพอเพียงแล้ว 30 กว่าปีเกือบ 40 ปีในกองทัพ แล้วผมจะต้องใช้อีกทำไม ประเทศไทยวันนี้จะต้องเดินหน้าโดยผมเป็นผู้ปฏิบัติมาตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ.ดูแลทหาร 2 แสนกว่าคน ดูแลประชาชน ลั่น ถ้าไม่มีทหารประเทศไทยไปไม่ได้ ในทุกวันนี้เราใช้ทหารในการขับเคลื่อน และขอให้เข้าใจว่า ผมไม่ได้มีทหารเพื่อไว้รบกับใครหรือจับกุมดำเนินคดีนักการเมือง เผยผมต้องรบทุกวัน จนหน้ายับมาถึงทุกวันนี เผย ทุกวันนี้ใช้อำนาจเพื่อการพัฒนาต่างๆให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ผมจะได้ไปๆเสียที ผมก็เบื่อหน้าตัวเองในจอโทรทัศน์ เบื่อจะตายอยู่แล้ว"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมประเทศสมาชิก กลุ่ม G77 ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอต้อนรับผู้แทนสมาชิกกลุ่มประเทศG77 ซึ่งนับเป็นเกียรติที่ได้ทำหน้าที่ประธานในครั้งนี้ แต่ถือว่าทุกคนเป็นประธานร่วมกัน ถือว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันทั้งสิ้น
เราจะต้องเจริญเติบโตและแข็งแรงไปพร้อมพร้อมกัน โดยทุกคนจะต้องร่วมกันพาทั้ง 134 ประเทศไปพร้อมพร้อมกัน เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และสถานการณ์โลกในปัจจุบัน
ประเทศไทยมีความพร้อมและมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกประเทศ ร่วมมือและเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือทางด้านความมั่นคงในทุกระดับ ซึ่งความจริงประเทศไทยน่าจะรวยมานานแล้วเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นตั้งแต่ 10 ปีที่ผ่านมา แต่วันนี้ก็ยังไปได้ช้า
วันนี้ทุกอย่างมีพร้อมทั้งหมด แต่ขาดการบริหารจัดการที่ดี วันนี้ทุกฝ่ายต้องหาความร่วมมือกันให้ได้ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นรูปธรรม เราต้องเร่งทำงานให้เกิดขึ้นโดยเร็วเพื่อประเทศประชาชนและประชาคมของเรา อย่าลืมว่าวันนี้ปัญหาของประเทศกำลังพัฒนามีทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำความไม่เป็นธรรมและการเข้าถึงทรัพยากรที่ไม่สมดุลย์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเป็นแกนหลักสำคัญในการพัฒนาทุกๆด้าน 167 เป้าหมาย รัฐบาลไทยจึงได้วางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและดำเนินการตามแผนปฏิรูป ถ้าประชาชนไม่รู้อนาคตก่อนก็จะเกิดความขัดแย้งเพราะโลกไร้พรมแดนมีระบบสื่อสารที่รวดเร็ว รัฐไม่ใช่ผู้ที่จะกำหนดทุกอย่าง เราต้องพัฒนาที่ตัวบุคคลก่อน ต้องปฏิรูป ว่าเราจะทำงานเพื่อใคร ต้นทราบดีว่าทุกคนมีความรู้และประสบการณ์มากกว่าผม แต่ต้นเป็นทหารเก่าหลายคนคิดว่าผมไม่รู้เรื่อง
แต่ก็ยอมรับว่าไม่รู้เรื่องจริงๆแต่ก็ใช้เวลาสองปีในการอ่านและเรียนรู้ก็พอจะรู้เรื่อง แต่ตนจะทำทุกอย่างในสิ่งที่ทุกคนเก่งอยู่แล้วเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ลดความขัดแย้งในอนาคต แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปกีดกันใคร แต่เราต้องมองอนาคตโดยประชาชนจะต้องเป็นผู้กำหนดอนาคตตัวเองบ้าง แต่ต้องผ่านช่องทางที่ถูกต้อง แล้วแต่ว่าประเทศนั้นนั้นมีการปกครองแบบใด ถ้าเป็นประชาธิปไตยก็คือประชาธิปไตย
"ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมแต่ไม่ใช่รวมหัวกันเพื่อสร้างความขัดแย้ง ต้องรวมตัวกันเพื่อหาทางช่วยภาครัฐ การทำงานต้องมีการวางแผนและตั้งเป้าหมาย ไม่จะคิดจะทำอะไรก็ทำจากนั้นก็จะติดไปหมด เพราะหนึ่งไม่เคยเรียนรู้และประชาชนเองก็ไม่รับรู้มีการต่อต้านตลอดเมื่อมีคนชักนำไปในทิศทางหนึ่งทางใด เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเสียประโยชน์หรือได้ประโยชน์จากอะไรบ้าง เพราะส่วนใหญ่จะมองกันไม่พ้นตัวเอง ดังนั้นเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องทำให้เขามองทั้งตัวเองและส่วนรวมต้องช่วยกันสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ไม่มีทางทำอะไรได้สำเร็จแต่หาประชาชนไม่ให้ความร่วมมือเพราะเค้าจะเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจหวาดระแวงและกลัวว่าจะได้รับผลประโยชน์ที่ไม่เท่าเทียมปัญหาทั้งหมดอยู่ที่คนทั้งสิ้น แต่ถ้าเราสามารถสร้างคนที่มีธรรมาธิบาล มีคุณธรรม จริยธรรมได้ก็จะไม่เกิดปัญหาเหล่านี้
ประเทศไทยวันนี้จะต้องเดินหน้าโดยผมเป็นผู้ปฏิบัติมาตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ.ดูแลทหาร 2 แสนกว่าคน ดูแลประชาชน
" ถ้าไม่มีทหารประเทศไทยไปไม่ได้ ในทุกวันนี้เราใช้ทหารในการขับเคลื่อน และขอให้เข้าใจว่า ผมไม่ได้มีทหารเพื่อไว้รบกับใครหรือจับกุมดำเนินคดีนักการเมือง
ซึ่งความจริงการดำเนินคดีเรานั้นตำรวจก็สามารถดำเนินการได้แต่ก็พยายามต่อต้านโดยใช้กลไกในด้านอื่นๆซึ่งผมไม่อยากจะพูดตรงนี้
เพราะผมต้องรบทุกวัน จนหน้ายับมาถึงทุกวันนี
เมื่อคืนก็สะดุ้งตื่นตอนตีหนึ่งครึ่ง เพราะตื่นเต้นที่จะได้มางานนี้และเจอปัญหาและคิดว่าวันนี้จะต้องสั่งการอะไรวันนี้ก็จะต้องสั่งอีกประมาณ 50 เรื่อง ที่ผ่านมาเกือบสามปีสั่งไปแล้ว 8,500 เรื่อง
แต่ก็ยังไม่เสร็จนี่คือตัวอย่างของประเทศไทยถ้าเราปล่อยประละเลยทั้งหมดระบบบริหารราชการแผ่นดินและการเลือกตั้งล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น
วันนี้การแก้ปัญหาผมไม่ได้แก้เพื่อประเทศไทยหรือตัวผมเอง จะขึ้นจะลงผมไม่ได้ต้องการอำนาจอะไรทั้งสิ้น เพราะผมมีอำนาจมาพอเพียงแล้ว 30 กว่าปีเกือบ 40 ปีในกองทัพ แล้วผมจะต้องใช้อีกทำไม
ทุกวันนี้ใช้อำนาจเพื่อการพัฒนาต่างๆให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ผมจะได้ไปๆเสียที ผมก็เบื่อหน้าตัวเองในจอโทรทัศน์ เบื่อจะตายอยู่แล้ว"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายอย่างอาจจะถูกบิดเบือนทำให้เกิดความไม่เข้าใจ เพราะกลไกทางการเมือง ก็มีทั้งดีและไม่ดี ทำให้ความเข้าใจผิดเพี้ยนไปจนทำให้เกิดความขัดแย้งภายในประเทศและลามไปถึงต่างประเทศก็จะทำให้ยุ่งกันไปหมด ภาคประชาชนไม่ควรมุ่งแต่กำไรสูงสุดเพียงอย่างเดียว รัฐเองก็ต้องอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ
ทั้งการเปิดตลาดการออกกฏหมายการสร้างความเป็นธรรมซึ่งประเทศไทยแก้ปัญหาเหล่านี้เยอะมาก ซึ่งวันนี้ทุกคนเริ่มพอใจ วันนี้เราถูกกำหนดหลักเกณฑ์ด้วยโลกและขั้วต่างๆ จึงต้องพยายามเอาสิ่งเหล่านี้มาทำให้เกิดประโยชน์โดยการรวมกลุ่มให้เกิดความแข็งแรงไม่ใช่รวม กันเพื่อสร้างความขัดแย้ง แต่ต้องรวมตัวเพื่อให้มีการรับฟัง ต้องพูดในภาษาเดียวกันเพื่อสร้างความเชื่อมั่น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บางครั้งมีคนต้องการตัดเสื้อตัวเดียวให้กับเรา ซึ่งในประเทศ G 77 จะต้องดูว่าควรเลือกเสื้อแบบใดจึงจะเหมาะกับประชาชนของตัวเอง ตนคิดแบบทหาร ซึ่งต้องมีเป้าหมายระหว่างทาง หาหนทางปฏิบัติในสิ่งที่ไปไม่ได้ ไม่ใช่ตีกันไปตีกันมาจนติดแบบนี้ ส่วนปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นเรื่องที่เสียหายอย่างร้ายแรง ประเทศไทยกำลังแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่ ไม่ใช่เป็นการรังแกทางการเมือง เพราะกฎหมายคือกฎหมาย ทุกเรื่องคือกฎหมายทั้งหมด และต้องเข้าใจว่าการใช้กฎอัยการศึกและมาตรา 44 ประเทศไทยมีความจำเป็นเพื่อให้เกิดความสงบ เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ดังนั้น วันนี้ที่มีการเรียกตัวบุคคลเข้ามาแล้วติดคุก นั่นเป็นเพราะมีคดีอาญาที่ทำผิดแต่เดิมอยู่แล้ว
นอกจากนี้สถานการณ์ในประเทศยังไม่ปกติ หากปกติต้องเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สื่อมวลชนเองก็ไม่ปกติ จึงต้องมีกฎหมายพิเศษออกมา เพื่อให้เขาหยุด แต่ก็ปล่อยให้มีการพูด หากเปิดดูหนังสือพิมพ์ของไทยวันนี้จะเห็นว่าหนักขึ้นเรื่อยๆ
“เช่น หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ไม่รู้ไปเอาความคิดมาจากไหน เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ พอเปลี่ยนบรรณาธิการจึงเป็นแบบนี้ นี่คือคนที่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนหลักการของตัวเอง ผมรับไม่ค่อยได้ แต่ก็คุมไม่ค่อยได้ เขาเป็นพ่อผมมั๊ง ขอโทษที่พูดแรง ฝรั่งอาจฟังไม่รู้เรื่อง เอาแค่คนไทยรู้ก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ภาคธุรกิจศึกษาให้ดี อะไรที่เสียประโยชน์ต้องต่อรองให้มากที่สุด ส่วนปัญหาการท่องเที่ยว แม้ไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 30 ล้านคน แต่ก็ไม่ได้มีความสุข ตราบใดที่ยังดูแลนักท่องเที่ยวไม่ได้ ต่อให้มีกว่า 50 หรือ 60 ล้านคน ก็พร้อมจะรับ และต้องดูเรื่องมิติของสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและไกด์ ซึ่งตนรื้อทุกระบบ และเชื่อว่าหลายประเทศก็มีปัญหานี้
“ส่วนการจัดอันดับของไอเอ็มดีที่เราถูกปรับให้ขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องง่ายใน 2 ปีที่ผ่านมา แต่บางคนบอกว่า ไอเอ็มดีเชื่อมั่นได้แค่ไหน ผมก็ปวดหัวเหมือนกัน แล้วจะเชื่อใคร ไปเชื่อนายพิชัย (นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน)เหรอ นายพิชัยเคยทำอะไรมา เรียนจบอะไรมา วิจารณ์เศรษฐกิจไทยเยอะแยะไปหมด เก่งเศรษฐกิจเหลือเกิน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น: