PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สหรัฐฯยื่นฟ้องศาลขอยึดทรัพย์กองทุน 1 เอ็มดีบีของมาเลเซีย

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
สหรัฐฯยื่นฟ้องศาลขอยึดทรัพย์กองทุน 1 เอ็มดีบีของมาเลเซียที่นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคตกเป็นข่าวมานานว่าได้รับเงินเข้าบัญชีส่วนตัว
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวหาว่ากองทุนดำเนินการ “ไม่เหมาะสม” พร้อมร้องศาลขอยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และแม้ในคำร้องไม่ได้ระบุชื่อของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคของมาเลเซียตรงๆ แต่นายนาจิบก็มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะเป็นผู้ที่ได้รับเงินจากกองทุนเข้าสู่บัญชีตัวเองเป็นจำนวนมาก ขณะที่ตัวนายนาจิบเองปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่ได้ทำอะไรผิดในกรณีกองทุนดังกล่าว

คำร้องของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯระบุว่า กองทุน 1เอ็มดีบีได้ใช้เงินอย่างไม่เหมาะสมไปในการหล่อเลี้ยงการใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือยของ “บุคคลหลายคนรวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐ” ในคำร้องไม่ปรากฏข้อกล่าวหาว่านายนาจิบเป็นผู้นำเงินกองทุนไปใช้ แต่คนที่ใกล้ชิดเขาหลายคนมีชื่อถูกกล่าวหาว่านำเงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ไปซื้อเครื่องประดับ ซื้องานศิลปะและอสังหาริมทรัพย์ที่หรูหรา รวมทั้งนำเงินไปใช้จ่ายในการพนัน และว่าจ้างนักดนตรีและคนดังให้ไปร่วมงานเลี้ยง

ในเอกสารคำร้องต่อศาลที่ยื่นในลอสแองเจลิสระบุว่า มีการฟอกเงินผ่านบัญชีหลายบัญชีที่อยู่ในสหรัฐฯ หากการฟ้องร้องได้ผล กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯจะยึดทรัพย์จำนวนหนึ่งที่รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรและสวิสเซอร์แลนด์

เงินจำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของที่ถูกกล่าวหาว่าถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ที่มีทั้งสิ้นมากกว่า 3,500 ล้านดอลลาร์ คนใกล้ชิดนายนาจิบที่มีชื่ออยู่ปรากฏในเอกสารคำฟ้องคือนายริซา อาซิซ ลูกเขยที่เป็นผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่อง The Wolf of Wall Street หรือในชื่อไทย “The Wolf of Wall Street คนจะรวย ช่วยไม่ได้” ของลิโอนาโด ดิคาปริโอ นอกจากนี้ยังมีชื่อของนักการเงินอีกรายหนึ่งของมาเลเซีย กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลอาบูดาบีอีก 2 คน

นสพ.วอลสตรีทเจอร์นัลรายงานว่าได้เห็นเอกสารคำร้องที่สาวเรื่องการจ่ายเงินเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ของกองทุนเข้าไปยังบัญชีส่วนตัวหลายบัญชีของนายนาจิบ

ด้านโฆษกของนายกรัฐมนตรีนาจิบบอกว่า รัฐบาลมาเลเซียจะร่วมมืออย่างเต็มที่กับการสอบสวนที่ถูกต้องตามกฎหมายต่อการดำเนินการของบริษัทหรือพลเมืองของมาเลเซีย ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามหลักปฏิบัติระหว่างประเทศ พร้อมระบุว่า “ดังเช่นที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวตลอดมา หากมีข้อพิสูจน์ได้ว่ามีการกระทำความผิด จะมีการดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น”

นายกรัฐมนตรีนาจิบเป็นผู้จัดตั้งกองทุน 1 เอ็มดีบีนี้ขึ้นเมื่อ 2009 ด้วยจุดประสงค์จะทำให้กรุงกัวลาลัมเปอร์เป็นศูนย์กลางด้านการเงิน แต่ว่ากองทุนตกเป็นข่าวเมื่อต้นปี 2558 เมื่อไม่ได้จ่ายคืนหนี้จำนวน 11,000 ล้านดอลลาร์ให้กับบรรดาธนาคารและผู้ถือครองพันธบัตรของกองทุน

ส่วนกองทุนเองออกแถลงการณ์เมื่อปีที่แล้วบอกว่าไม่เคยจ่ายเงินให้กับนายกรัฐมนตรี พร้อมกับบอกว่าข้อกล่าวหาเรื่องนี้ไม่มีหลักฐาน และยังยืนยันเรื่อยมาว่ากองทุนมีทรัพย์สินที่มีมูลค่ารวมแล้วมากกว่าหนี้สิน ด้านนายนาจิบเองก็ปฏิเสธเช่นกัน บอกว่าไม่เคยได้รับเงินจากกองทุน 1 เอ็มดีบีหรือกองทุนอื่นใด และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา อัยการสูงสุดของมาเลเซียได้ประกาศว่านายนาจิบไม่ได้ดำเนินการใดๆที่เป็นความผิดเกี่ยวกับกองทุน


ที่มา บีบีซีไทย

ไม่มีความคิดเห็น: