PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ว่าด้วยกรณีโตโยต้าลดคนงาน

เกี่ยวกับการที่ ‪#‎โตโยต้า‬ กำลังลดขนาดแรงงาน (Downsizing) อยู่นั้น ผมขออธิบายเล็กน้อยว่ามันไม่ใช่เพราะปัญหาเศรษฐกิจโลกเป็นเหตุผลหลัก เพราะถ้าเชื่อกันตามนั้นอย่างเดียว ภาครัฐและเอกชนและคนทั่วไปในประเทศนี้ก็จะ ‪#‎ปั้นหน้าโลกสวย‬ บอกตัวเองเหมือนทุกครั้งว่า ‪#‎เดี๋ยวเศรษฐกิจดีขึ้น‬ ‪#‎ก็จะมีการจ้างงานเหมือนเดิม‬
ผมใคร่ขออนุญาติบอกว่า .. ครั้งนี้ยุคสมัยและวิวัฒนาการมันเปลี่ยนไปมากแล้ว .. สาเหตุที่โตโยต้าลดขนาดคนงานก็เพราะ เค้ามีนโยบายเตรียมนำเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) เข้ามาใช้แทนมนุษย์ ซึ่งเค้าเพิ่งลงทุนวิจัยไป 1,000,000,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ไปคูณเป็นเงินไทยกันเอาเองนะครับ ผมกลัวพวกท่านโลกสวยจะหัวใจวาย) 

และที่บอกว่านำเทคโนโลยีมาแทนมนุษย์ก็ไม่ใช่แค่คนงานในโรงงานนะจ๊ะ แต่นำมาแทนคนที่ศูนย์บริการด้วยจ๊ะที่รัก ทำไมต้องทำอย่างนั้น? ทางด้านโรงงาน เค้ามีแผนลงทุนในประเทศแถบ AEC อย่างในเมียนมาร์ซึ่งญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเมียนมาร์ คนงานเมียนมาร์ในโรงงานรับอัตราค่าจ้างต่ำกว่าคนงานไทยแต่ทำงานอึดกว่า ไม่เรื่องมาก และรักการเรียนรู้มากกว่า เหมาะกับการเติมความรู้ทางด้านเทคโนโลยีให้ใหม่มากกว่าคนไทย ที่จะปรับเปลี่ยนอะไรทีก็ต้องจ้างวิทยากรหรือที่ปรึกษามาอบรม เอาใจ จุดไฟแรงบันดาลควาย โน่นนี่นั่นนู่น กันทุกระดับตั้งแต่ผอ.ลงมาถึงแม่บ้านทำความสะอาดคือแต่ละคนแม่มก็มีเงื่อนไขของตัวเองตลอด สอนกันไม่เป็น หรือเจ้านายพัฒนาคนไม่เป็นเพราะตัวเองก็ชอบอยู่ใน comfort zone
.. แต่เดี๋ยวนี้สำหรับงานแบบ unskilled จนถึง semi-skilled นั้น หุ่นยนต์หรือสมองอัจฉริยะมันทำแทนได้หมดแล้ว
ส่วนทางด้านศูนย์บริการ เค้าก็เตรียมทำ format ให้กับดีลเลอร์ต่างๆคือมาเป็นแพ้คแบบนวัตกรรมการบริการสมัยใหม่ เจ้าของศูนย์ที่เป็นคน Generation M ก็ยิ่งชอบเพราะ ประหยัดต้นทุน ประหยัดพื้นที่ (อาจจะทำขึ้นเป็นแนวดิ่งแทน) คำนวณเวลาการเปิดปิดจ้อบได้แม่นยำกว่า ไม่ต้องคอยเอาใจคนเก่าคนแก่ที่ทำงานก็งั้นๆแต่กูว์เกรงใจพ่อถึงต้องเลี้ยงพวกคุณๆไว้แต่แม่มทำงานก็งั้นๆ แถมหลายๆครั้งก็ตั้งกันเป็นขบวนการโกงกินของเล็กของน้อยภายใน โกงข้อมูลการให้บริการที่ส่งให้กับโตโยต้ามอเตอร์ ไทยแลนด์ เป็นวงจรอุบาทว์ในประเทศไทยที่แก้แล้วก็ย้อนกลับมาใหม่เรื่อยๆตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา

ถึงเวลาแล้วที่สถาบันการศึกษาทั้งสายอาชีวะและสายสามัญ(แต่ไร้สามัญสำนึกความเป็นมืออาชีพ) ต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงรับมือกับ Radical Change และ Disruptive Innovation นี้ 
.. รัฐบาลต่อๆไปกำลังจะประสบปัญหาต้องรับมือกับแรงงานในปัจจุบันที่จะตกงานเป็นแสน และนักศึกษาที่กำลังจะจบมากับความรู้เก่าๆ ที่ผู้จ้างงานกำลังจะโละทิ้ง .. ยุคนี้คือยุคที่วิศวกรจะกลายเป็นแค่ช่างเล็กๆ ถ้าเดินตามไม่ทันอุตสาหกรรมการจัดการจากปีนี้ไปสู่ศตวรรษหน้า

นี่ยังไม่ได้พูดเรื่องรถไฟฟ้าที่กำลังจะเข้ามาแทนที่รถน้ำมันเลยนะ รู้กันบ้างเปล่าว่าชีวิตและสังคมจะเปลี่ยนไปยังไง?
ให้ตายเถอะโรบิ้น!!!
ป.ล. นี่ไม่ใช่หนัง เพราะชีวิตจริงมีแต่วายร้าย ไม่มีซูเปอร์ฮีโร่
รักนะ พี่น้อ งอุตสาหกรรมยานยนต์เอ๋ย
ดร.เอ็กซ์ (รศ.ดร.ภคพล อนุฤทธิ์)

ไม่มีความคิดเห็น: