PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ล้างบาง ผ่าตัดซอมบี้...ที่แช่เย็นค้างปี ค้างประเทศมานาน!!!

ล้างบาง ผ่าตัดซอมบี้...ที่แช่เย็นค้างปี ค้างประเทศมานาน!!!"เปลวสีเงิน"สบัดปากกา"องคมนตรีปีที่ ๑ ในรัชกาลที่ ๑๐"นำประเทศชาติสู่ยุคใหม่
ทราบโดยทั่วกันทั้งประเทศว่าเมื่อวานนี้(๖ธ.ค.)สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งองคมนตรี ๑๐ ท่าน ซึ่งหลายคนก็มีความดีใจที่หลายท่านน่าจะนำประเทศชาติไปในทางที่ดีได้เพราะผลงานที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตา
ล่าสุด วันที่ ๗ ธ.ค.๕๙  เปลว สีเงิน หรือโรจน์ งามแม้น นักหนังสือพิมพ์อาวุโส ผู้เขียนบทความวิเคราะห์การเมืองและสังคม ตีพิมพ์ในหน้า ๕ ของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ชื่อคอลัมน์ "คนปลายซอย" ได้วิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยระบุว่า...
พลันเริ่ม "รัชกาลที่ ๑๐".........
"สิ่งดี-สิ่งมงคล" พลันปรากฏ
เป็นนิมิตหมาย ต่อแต่นี้ เมื่อบ้านเมืองสู่ครรลองคลองธรรม คนสุจริต-คนซื่อสัตย์จะมั่นคง ชาติดำรงสามัคคี
มวลประชาสุขศานต์
ธุรกิจอาชีพการงานจะเฟื่องฟู ประเทศจะเป็นอู่ข้าว-อู่น้ำโลก ศุภโชคจะคู่ไทย ชาติ-ประชาจะสู่ความยิ่งใหญ่ไพศาล!
เมื่อเริ่ม ๒ ธ.ค.๕๙
"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร" โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "พลเอกเปรม ติณสูลานนท์" ประธานองคมนตรี ในรัชกาลที่ ๙
กลับเข้าไปเป็น "ประธานองคมนตรี" ต่อ ในรัชกาลที่ ๑๐
ต่อมา ๕ ธ.ค.๕๙
ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนา เลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ "พระพรหมคุณาภรณ์" (ประยุทธ์ ปยุตฺโต ป.ธ.๙) วัดญาณเวศกวัน สามพราน นครปฐม
เป็น "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์"
นับเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ "รูปสุดท้าย" ในรัชสมัย "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช"
และเป็น "รูปแรก" ในรัชสมัย "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร"
พลเอกเปรม นั้น
เป็นที่ประจักษ์แล้ว ชีวิตนี้ "เพื่อแผ่นดิน" ปกปักชาติ พระศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์-มั่นคง
ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ นั้น
ก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว เป็นพระผู้เจริญตามรอยบาทพระพุทธองค์ ดำรงมั่นในพระธรรมวินัย เป็นธงชัยให้พระพุทธศาสนาและวงการสงฆ์ ซึ่งทั้งมนุษย์และเทวดาล้วนกราบไหว้
ในงานสืบต่อพระพุทธศาสนา ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ได้ชื่อว่าเป็น "ตู้พระไตรปิฎก" แห่งศตวรรษ งานเขียนพุทธศาสน์เพื่อมนุษยชาติของท่าน ถูกแปลเผยแพร่ไปทั่วโลก
ท่านเป็นเนื้อนาบุญประเสริฐ ทั้งของประเทศและมนุษยชาติโดยแท้!


เพียง ๒ นามนี้ .........
พลันปรากฏในแผ่นดิน เมื่อเริ่มรัชกาลใหม่ เหมือน "เข็มชี้ทิศ" ทั้งทางโลกและทางธรรม!
"ชาวไทย" ปลื้มปีติ ต่าง เกษม เกษม
สีทองแห่งอรุณใหม่ สาดส่องเส้นทางอนาคตประเทศ "ภายใต้พระบารมี รัชกาลที่ ๑๐" เจิดจ้า-แจ่มใส เรืองรอง
และเมื่อวาน (๖ ธ.ค.) ก็ได้มีประกาศแต่งตั้งองคมนตรี ความว่า
"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่คณะองคมนตรีได้กราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งองคมนตรีและทรงพระราชดำริเห็นเป็นการสมควรแต่งตั้งองคมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.๒๕๕๗ ประกอบกับมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ดังนี้
๑.พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นองคมนตรี
๒.นายเกษม วัฒนชัย เป็นองคมนตรี
๓.นายพลากร สุวรรณรัฐ เป็นองคมนตรี
๔.นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ เป็นองคมนตรี
๕.นายศุภชัย ภู่งาม เป็นองคมนตรี
๖.นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ เป็นองคมนตรี
๗.พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข เป็นองคมนตรี
๘.พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นองคมนตรี
๙.พล.อ.ธีรชัย นาควานิช เป็นองคมนตรี
๑๐.พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นองคมนตรี
ประกาศ ณ วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๙ เป็นปีที่ ๑ ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรี


เข้าใจกันนะครับ ตำแหน่งองคมนตรีนั้น เมื่อเป็นแล้ว จะพ้นจากตำแหน่งได้ ด้วยเหตุ ๓ ประการ เท่านั้น
"ตาย ลาออก มีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง"
เมื่อสู่รัชกาลใหม่ คณะองคมนตรีชุดเดิม กราบบังคมทูลลาออก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งองคมนตรีใหม่ ๑๐ ท่าน เมื่อวาน
สำหรับพลเอกเปรม ซึ่งกราบบังคมทูลลาออกเช่นกัน แต่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกลับเข้าไปเป็น "ประธานองคมนตรี" ล่วงหน้า ดังที่ทราบกันแล้ว
ตามรัฐธรรมนูญ ทรงแต่งตั้งประธานองคมนตรี ๑ คน และองคมนตรี อีก ๑๘ คน
ฉะนั้น จะเห็นว่า เมื่อวานนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งไปเพียง ๑๐ คน
ยังเหลืออีก ๘ ที่........
หน้าที่ขององคมนตรีนั้น คือถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา และหน้าที่อื่นๆ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
ในจำนวนที่โปรดเกล้าฯ ไปเมื่อวาน มีใหม่ ๓ คน เป็นที่เซอร์ไพรส์กันมาก คือ
-พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาฯ
-พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีต ผบ.ทบ.
-พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม
๒ ท่านเป็นรัฐมนตรีอยู่ในคณะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เมื่อมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ต้องลาออกจาก "ทุกตำแหน่ง" ตามมาตรา ๑๔ รัฐธรรมนูญ ปี ๕๐
ส่วนพลเอกธีรชัย เพิ่งไปเป็นประธานบอร์ดประปาส่วนภูมิภาค ก็ต้องลาออกเช่นกัน
องคมนตรีชุดใหม่ทั้ง ๑๐ ท่านนี้ ก็เป็นที่ทราบ ทั้งประวัติคุณงามความดีและแหล่งที่มาแต่ละสายงาน
สาขากองทัพบ้าง สาขากฎหมายบ้าง สาขาแพทย์และการศึกษาบ้าง สาขาการปกครองบ้าง
จะมีรัตตัญญูชนจากสาขาไหนต่อไปในอนาคตเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ไม่ต้องห่วงอันใดเลย
เพราะที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งดังปรากฏ เป็นที่ชัดในแนวทางแล้ว ว่า ทรงดำเนินวิถีแห่ง "มงคล ๓๘ ประการ" เด่นชัด
ท้าวสักกเทวราช เคยให้เทวดาทูลถามพระพุทธเจ้า ขณะนำหมู่เทวดาเข้าเฝ้าว่า
"คุณธรรมอันใดที่ทำให้ชีวิตประสบความเจริญพระเจ้าข้า?"
พระพุทธองค์ตรัสบอก มงคล ๓๘ ประการนี่แหละ ทำให้ชีวิตประสบความเจริญ
หันไปดูทางรัฐบาลท่านนายกฯ ประยุทธ์บ้าง เมื่อตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการว่าง ๒ ที่ ก็ไม่ต้องถามว่าจะปรับ ครม.มั้ย?
รัฐมนตรียุติธรรมแทนพลเอกไพบูลย์ นัยว่ามีตัวแล้ว
ก็เหลือที่รัฐมนตรีศึกษาฯ ซึ่งเป็นกระทรวงใหญ่ อนาคตชาติ จะคดหรือจะตรง ก็อยู่ที่งานสร้างทรัพยากรบุคคลของกระทรวงศึกษาฯ นี่แหละ
ประเด็นที่ควรติดตาม..........
ควรดูว่า นายกฯ ประยุทธ์จะถือโอกาส "ส่องกล้อง" ดูประสิทธิภาพในงาน ความโปร่งใส ความซื่อสัตย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ของแต่ละรัฐมนตรีหรือเปล่า
ให้คะแนน แล้ว "ปรับใหญ่"?
หรือยึดแค่ความเป็น "พวก-เพื่อน-พี่" เป็นตัวตั้ง นอกจากนี้ ไม่มีคนอื่นใดในโลกที่มีคุณสมบัติเอาเข้ามาช่วยล้างบาง-ผ่าตัดซอมบี ที่แช่เย็นค้างปี-ค้างประเทศ
เข้า ๒ ก็ออก ๒
ไม่ขยับขยาย-ย้ายโยกตำแหน่งใดๆ ตำรวจจะได้ปฏิรูปกันชาติไหน ผลักขยะเน่าไปรัฐบาลหน้า ซึ่งไม่รู้ว่าระบอบไหนจะเข้ามา เช่นนี้หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม............
ผมไม่สงสัย "ความมุ่งมั่น" ของนายกฯ ประยุทธ์ ที่จะนำบ้านเมืองและพี่น้องประชาชน ไปสู่อนาคตใหม่ ที่จะไม่จมปลักอยู่ในรอยเดิม
และผมก็เข้าใจ การพูด-การวิจารณ์ มันง่าย แต่ถ้าให้ลงไปทำ เมื่อต้องทำกับคนต่างจิต-ต่างใจ-ต่างเจตนา มันยากฉิบ....
ยิ่งนับจากนี้ ช่วงรอยต่อแผ่นดิน มีทั้งคนเจตนาดีและไม่ดีแอบแฝงแทรกปน
คนกลุ่มนี้ เมื่อมองเห็นการณ์บางอย่าง ไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย ไม่สมประโยชน์ตามฝ่ายตนมุ่งหวัง
เริ่มก่อหวอดใต้ดิน ส่งสัญญาณ-ส่งน้ำเลี้ยงให้สมุนบริวารเคลื่อนไหวกันแล้ว!
แต่ขณะนี้ ประชาชนเทใจรวมศูนย์ที่สถาบันชาติแล้ว!
และเป็นที่ประจักษ์ชัด ............
ระบอบประชาธิปไตย คือการทำศัลยกรรมด้วยซิลิโคน ให้เห็นสวย-เด้ง-เต่ง-ตูม ช่วงหนึ่ง เมื่อเสื่อมสภาพ ก็หน้าพัง ตาแหก นมเน่า
เศรษฐกิจและการเมืองโลก เช่นนั้นเปี๊ยบ ระบอบประชาธิปไตย "หมดอายุ" แล้ว
ดูได้-เห็นชัด ประเทศประชาธิปไตยใต้บังเหียนจักรวรรดินิยมอำนาจทุนสหรัฐฯ-ยุโรป กำลังล่มสลาย
ทั้งตัวพ่อ-ตัวแม่-ตัวลูก เศรษฐกิจกู่ไม่กลับ การเมืองประชาธิปไตยย้อนศร ยอนสังคมประเทศพินาศ!
นี่ไม่ได้หมายความว่า "เผด็จการ" เป็นทางใช่ เพียงหมายถึง เผด็จการก็คือซิลิโคนชนิดหนึ่ง ให้ผลเร็ว แต่ก็หมดอายุเร็วกว่า
ฉะนั้น........
เมื่อประชาชน "ให้เวลานอก" ช่วงหนึ่ง แก่อำนาจเผด็จการ
รัฐบาลเผด็จการ จงรีบใช้ "เวลานอก" นั้น ทำให้เบ็ดเสร็จ-สะเด็ดน้ำเถิด เมื่อ "งามชาติ-งามประชา" แล้ว ข้างหน้า "มันจะระบบอะไร?"
"คนไทยทั้งประเทศ" จะบอกท่านเอง


เรียบเรียง ลัทธภพ

ไม่มีความคิดเห็น: