PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560

การเมืองว่าด้วยเลือกตั้ง

ยั้งจังหวะเร่ง 'ร่วมวง'

เห็นลีลาเตะตะกร้อของบิ๊กตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ทั้งจั่วลม ทั้งวืด ล้มก้นจ้ำเบ้า แปลูกไปโน่นไปนั่นไปนี่

ล้อมวงเล่น 5 นาที เตะโดนลูกตะกร้อไม่กี่หน ชนิดใช้เวลาเดินเก็บลูกเหนื่อยกว่า

อุทานภาษาอินเตอร์เน็ตก็ต้องบอกว่า แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ

เอาเป็นว่า นอกจากท่านผู้นำออกตัว ผมแก่แล้ว และเพิ่งจะฟื้นไข้ มองในมุมบวกคิวออกกำลังกายทุกสัปดาห์ของบิ๊กตู่ ก็เป็นตัวอย่างที่ดี

แค่ได้ขยับแข้งขาก็เท่ากับออกกำลังกายแล้ว

ส่วนที่มีการโพสต์ข้อความพร้อมภาพ นายกฯเตะตะกร้อ ยืดแข้งยืดขา ขณะที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ชาวบ้านยังเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วม ราคายางตก ฯลฯ นั่นก็น่าจะคนละเรื่องคนละฟีลกัน

แต่สไตล์ที่ไวต่อกระแส แค่โดนเหน็บนิดหน่อย บิ๊กตู่น่าจะรู้อารมณ์ผู้คนในสังคม

สั่งจัดโปรแกรมยกคณะ ครม.ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ทันทีทันควัน

นอกจากเยี่ยมชาวบ้าน แจกถุงยังชีพ ผู้ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย เบรกเกมตอดใส่แล้ว ยังถือโอกาสประชุมงาน ทั้งความมั่นคง การลงทุนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

โจทย์ของอำนาจพิเศษห้วงนี้ ต้องปั่นงาน ตรึงเรตติ้งสร้างภูมิคุ้มกันส่วนตัว

ไฟต์บังคับ เตะออก นอกวงไม่ได้

เหมือนปมร้อนๆในห้วงนี้ผู้นำจะโยนลูกออกจากตัว ทั้งคิวอดีตนายกฯปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โวยถูกตำรวจ-ทหารตามประกบ บิ๊กตู่ โยนให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จำเป็นต้องรักษาความปลอดภัย

อดีตผู้นำ

หากเกิดอะไรขึ้นมาก็จะมาโทษรัฐบาลว่าไม่ดูแล ก็ต้องขออภัยไว้ด้วยแล้วกัน

อดีตคนกันเองฝากผ่านสื่อ ฉะนั้นอย่าโอดครวญ

รวมทั้งปมแหลมๆ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัยรองประธาน สนช. แง้มไต๋เลื่อนเลือกตั้งเพราะอาจปั๊มกฎหมายลูกไม่ทัน ทำเอาบิ๊กตู่ต้องย้ำธงโรดแม็ปเลือกตั้งปี 2560 ไม่เปลี่ยน-ไม่เลื่อน

โบ้ยให้เป็นเรื่องทีมปั๊มกฎหมาย สนช.ว่ากันไป

เช่นเดียวกับ ข้อเสนอร้อนของเก่าเจ้าเดิมมาได้จังหวะ คณะกรรมาธิการปฏิรูปด้านการเมือง สปท.ทั้ง เสรี สุวรรณภานนท์ประธาน กมธ. และ สุชน ชาลีเครือ กมธ.ออกมากระตุกนายกฯใช้อำนาจ ม.44

ดันแผนนิรโทษกรรม ปรับสู่โหมดปรองดอง

ไม่ใช่เรื่องของผม ใครอยากเสนออะไรก็เสนอไป อย่ามายุ่งกับมาตรา 44

โยนลูก ไปหาวิธีกันมา

แต่ก็ไม่ได้เตะลูกทิ้งเสียทีเดียว กับประเด็นนิรโทษที่น่าจะมีที่มาที่ไป

สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ธงเคลียร์เริ่มสะบัด

ทั้งหมดทั้งปวง แม้ถึงที่สุดหลายปมจะต้องเป็นไปตามโจทย์นั้น แต่สำหรับ บิ๊กตู่เล่นลูกมั่วๆไม่ได้

เพราะมีปัจจัยพิจารณาระดับ ตัวแปรพิเศษจนต้องยั้งจังหวะก้าว

เช่นเดียวกับกระแสข่าวที่มาช่วงท้ายปลายปีที่ผ่านมา พร้อมๆกับร่างกฎหมายหลายฉบับที่ผ่าน สนช.แบบปุบปับฉับไว ทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.สงฆ์

กับประเด็นที่พูดต่อกันอื้ออึงถึงสัญญาณให้ สนช.สแตนด์บายรองานใหญ่เรื่องสำคัญ

โยงไปกระทั่งเรื่องแก้กฎเกณฑ์กติกาใน ประเด็นสำคัญ

แต่ยังไม่ชัดจะออกมารูปแบบใด เริ่มศักราชใหม่ก็ยังเป็นแค่กระแสข่าว ผู้นำจึงต้องรั้งจังหวะรอ กระบวนการ ขั้นตอน และวิธีการ ในสถานการณ์บังคับ

ด้วยเงื่อนไขตัวแปรที่ บิ๊กตู่กำหนดเองไม่ได้

หลายประเด็น ทั้งโรดแม็ปเลือกตั้ง คิวนิรโทษ ปรองดอง ไปจนกระทั่งรายการรื้อปรับกฎกติกาใหญ่

ผู้นำจึงได้แค่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่น้ำแต่ละสาย

โยนให้รับลูกไป ตั้งเรื่องรอไว้ก่อน.

ทีมข่าวการเมือง
---------------------------

06012560 • บิ๊กตู่ใช้เวลาช่วงปีใหม่ร่างโมเดลแนวทางเดินหน้างานปฏิรูป....
ได้คิดและเขียนด้วยเป็นลายมือมาออกมา ได้มีการนำไปทำเป็นโมเดลและจัดพิมพ์ออกมา
ว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้เกิดการปฏิรูปได้จริง ซึ่งได้มีการเพิ่มเรื่องการปรองดองเข้ามา
ออกมาเป็นมรรคเป็นผลให้เห็น
ไม่ต้องรอจนถึงวันที่ยุทธศาสตร์ชาติจะออก ก็สามารถขับเคลื่อนเป็นบางเรื่องบางอย่างได้
ซึ่งโมเดลนี้เน้นไปที่จะทำอย่างไรถึงจะทำให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวเนื่องกับ
เรื่องของการปฏิรูปและการปรองดองกับคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ได้มีการเชื่อมต่อกันได้
จากเดิมต่างฝ่ายต่างมีเรื่องที่ทำแยกกัน
ท่านนายกฯ คิดคอนเซ็ปต์ว่าควรจะมีสำนักงานสักสำนักงานหนึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการ และตกลงใจเลือกแล้วว่าควรจะเป็นรัฐมนตรีสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักสายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่

เรื่องนี้
ทำหน้าที่เป็นสำนักงานฝ่ายเลขาฯ
เพื่อหยิบประเด็นต่างๆ ขึ้นมาว่าวันนี้เรื่องปฏิรูปปรองดอง ยุทธศาสตร์ก็ดี มีอะไรเป็นเรื่องด่วน สำคัญ
จัดลำดับความเร่งด่วน และหยิบแต่ละเรื่องว่าเรื่องนี้มีหน่วยงานไหนเกี่ยวข้องบ้าง ต้องทำอะไรบ้าง
บางประการไม่สามารถดำเนินการได้เลยต้องแก้ไขกฎหมายก่อน แก้กฎหมายนานไปไหม
จำเป็นต้องดึงบางเรื่องบางส่วนออกมาเป็นออกมาตรา 44 ไหม"พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
///////////
"ยึดโรดแมปเดิม ลดกระแสฝ่ายต้าน"

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ข่าวสารการเมืองในช่วงวันหยุดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ต้องยอมรับว่าทุกความสนใจจับจ้องอยู่ที่การส่งสัญญาณเพื่อขอเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเป็นกลางปี 2561 จากเดิมกำหนด

ไว้ในปี 2560 ของสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1

การแสดงท่าทีดังกล่าวของ สนช. ส่งผลให้ฝ่ายการเมืองใช้โอกาสนี้รุกไล่แม่น้ำ 5 สายอย่างหนักด้วยการสอบถามว่าถ้าจะเลื่อนการเลือกตั้งขึ้นมาจริงๆ มีเหตุผลรองรับอย่างไร อีกทั้งยังโจมตีพาดพิง

ไปถึงการทำงานของแม่น้ำ 5 สายตลอด 2 ปีที่ผ่านมาด้วย

ขณะที่แต่ละฝ่ายในแม่น้ำ 5 สายยังคงสงวนท่าทีต่อเรื่องโรดแมปพอสมควร โดยส่วนใหญ่มองว่าเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของ สนช.เท่านั้น ไม่ได้ผูกพันแม่น้ำ 5 สายทั้งหมด เพราะหากจะ

ตัดสินใจเลื่อนโรดแมปจริงๆ ต้องมาจากการตัดสินใจร่วมกันทั้งหมดเท่านั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้ออกมาประกาศต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการว่าโรดแมปและการเลือกตั้งยังคงเป็นไปตามเดิม

ผมพูดมาตลอดว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง ซึ่งขั้นตอนคือ 1.มีรัฐธรรมนูญ 2.การทำกฎหมายลูก ส่วนมีกี่ฉบับผมไม่ทราบ แต่มีกรอบเวลาอยู่แล้ว ถ้าทำเกินเวลาแสดงว่าทำไม่ทัน ถ้าทำเสร็จเร็วก็คือทำทัน

และ 3.ขั้นตอนเตรียมการเลือกตั้ง มีการหาเสียง ซึ่งการหาเสียงจะวุ่นวายแค่ไหน ทุกคนก็รู้อยู่แล้ว จึงต้องดูว่าควรจะทำกันช่วงใด ซึ่งการหาเสียงและเลือกตั้งใช้เวลา 150 วัน และมาสู่ขั้นตอนการ

จัดตั้งรัฐบาลอีก 90 วัน

ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอด แล้วไปเลื่อนโรดแมปตรงไหน ถ้าทุกคนเอาเร็ว เอาเลือกตั้งตอนนี้ แล้วทุกอย่างจะเดินไปอย่างไร คนที่เร่งคือใครแล้วเขาต้องการอะไรพล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ในภาพรวมของการยืนยันของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยังคงยึดตามโรดแมปเดิมทุกประการ ซึ่งการแสดงท่าทีแบบนี้แน่นอนว่าส่วนหนึ่งต้องการให้ตัดทอนกระแสของฝ่าย

ตรงข้ามไม่ให้บานปลายไปมากกว่านี้

ต้องยอมรับว่าการเลื่อนหรือไม่เลื่อนเลือกตั้งเป็นประเด็นที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนอยู่พอสมควร เพราะต้องยอมรับว่า คสช.ยืนยันมาตลอดว่าในปี 2560 ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง อีกทั้งยังประกาศ

ก่อนร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติในลักษณะว่า ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติหรือไม่ การเลือกตั้งก็จะยังคงมีตามเดิม จึงเป็น 2 แรงบวกที่ทำให้โรดแมปไม่สามารถเลื่อนออกไปได้โดย

ปริยาย

ดังนั้น การที่อยู่ดีๆ สนช.พยายามส่งสัญญาณและอ้างเหตุผลเพื่อให้คนไทยยอมรับการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ย่อมไม่ต่างอะไรกับการจุดระเบิดเวลา

ด้วยเหตุนี้เอง พล.อ.ประยุทธ์ จำเป็นต้องรีบประกาศเจตนารมณ์ในการยึดถือตามโรดแมปเดิม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำผึ้งหยดเดียวเหมือนกับในอดีตที่เคยมีกรณีเสียสัตย์เพื่อชาติ

อย่างไรก็ตาม จากการให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ถ้ามองลึกลงไปจะพบว่ามีนัยทางการเมืองพอสมควรเช่นกัน

กล่าวคือ แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะยืนยันถึงโรดแมป แต่ปรากฏว่ามีบางคำพูดที่แสดงให้เห็นว่าพร้อมเลื่อนโรดแมปเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากการระบุว่าถ้าทำเกินเวลาแสดงว่าทำไม่ทัน ถ้าทำเสร็จเร็ว

ก็คือทำทัน

แน่นอนว่าถ้า สนช.ให้ความเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับได้ทันภายใน 60 วัน ย่อมไม่กระเทือนถึงโรดแมป แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ก็

โยนหินถามทางล่วงหน้ามาว่าการเลือกตั้งย่อมต้องเลื่อนไปก่อนแบบช่วยไม่ได้

เหตุผลเดียวที่จะทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป คือ การไม่เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญของ สนช.ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของ สนช.ขึ้นไป

ถ้า สนช.มีมติออกมาเช่นนั้น จะก่อให้เกิดปัญหาในทางกฎหมายพอดี เพราะร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดทางออกว่าหากเกิดกรณีดังกล่าวแล้ว ใครจะเป็นผู้ทำหน้าที่เสนอร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐ

ธรรมนูญกลับมาให้ สนช.อีกรอบ

ครั้นจะให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นฝ่ายเสนออีกครั้ง มีปัญหาว่าถ้าเป็นกรณีที่พ้นระยะเวลา 240 วัน นับตั้งแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้ว กรธ.ย่อมไม่มีอำนาจเสนอร่างกฎหมาย

เข้าสภาได้เป็นครั้งที่สอง

หรือจะใช้กระบวนการช่องทางตามปกติในการเสนอกฎหมาย เช่น ให้องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องเสนอกฎหมายมายัง สนช.โดยผ่านคณะรัฐมนตรี เป็นต้น ก็ยังมีปัญหาอีกเช่นกันว่าจะทำได้หรือไม่

เพราะการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญในปัจจุบันเป็นการดำเนินการในสถานการณ์พิเศษตามบทเฉพาะกาล

เพราะฉะนั้น ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญขึ้นมาจริงๆ ย่อมเป็นหนึ่งเงื่อนไขที่ คสช.สามารถหยิบเอามาเพื่อเป็นความชอบธรรมในการขอขยายโรดแมปออกไป ซึ่ง คสช.

ย่อมประเมินแล้วว่าเมื่อถึงเวลานั้น สังคมจะยอมรับและเห็นถึงความจำเป็นของการเลื่อนการเลือกตั้งไปเป็นปี 2561
//////////////
กรธ.แจงไม่มีการเร่งพิจารณากม.ลูก ระบุทำตามกรอบเวลา 240วัน

โฆษกกรธ.เผยไมมีการเร่งพิจารณากฎหมายลูกให้เสร็จในทันทีทันใด ระบุทำตามกรอบเวลา 240 วันตามโรดแมปรัฐบาล

นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)  กล่าวถึงการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ฉบับสำคัญที่ใช้เป็นเกณฑ์กำหนดการเลือกตั้ง ว่า กรธ. ได้นำ

ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาพิจารณาเป็นเบื้องต้นแล้ว แต่ยังเป็นเพียงการกำหนดหลักการสำคัญที่จะนำไปสู่การเขียนบทบัญญัติตามที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติกำหนด

เจตนารมณ์ไว้อาทิ การจัดการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม การดำเนินการเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงระยะเวลาของการนับคะแนน การ

คำนวณผลคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งจะสัมพันธ์กับการได้มาซึ่งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และเงื่อนไขที่จะโยงกับการเปิดประชุมรัฐสภานัดแรก เมื่อได้ส.ส.ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงมาตรการที่จะนำไปสู่

ความเป็นรูปธรรมของการป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง

นายอุดมกล่าวว่า ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. นั้น กรธ. จะไม่เร่งพิจารณาให้เสร็จในทันทีทันใด  เพราะต้องรอเวลาที่ให้พรรคการเมืองปรับตัวให้สอดคล้องกับกติกาใหม่ ตามที่ร่าง

พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนด ซึ่งกำหนดเวลา ไว้ 6 เดือน รวมถึงต้องรอให้ กกต. ได้ปรับองค์กรและกลไกให้สอดคล้องกับกฎหมายฉบับใหม่ด้วยเช่นกัน โดย ตนยืนยันว่าการพิจารณาทำ

กฎหมายลูกจะเป็นไปตามกรอบที่รัฐธรรมนูญใหม่กำหนด คือ จัดทำภายใน 8 เดือน หรือ 240 วัน เพราะได้คำนวณบนฐานของโรดแมปของรัฐบาล คือ จัดการเลือกตั้งภายในปี 2560 ไม่ได้คิดใน

ประเด็นอื่นๆ แต่เมื่อมีสถานการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความเหมาะสมระหว่างมีงานพระราชพิธีสำคัญ เป็นเรื่องที่ทราบกันอยู่ แต่จุดนี้การทำงานของกรธ. จะไม่เกินกว่าเวลาที่ร่างรัฐ

ธรรมนูญใหม่กำหนดแน่นอน

นายอุดม กล่าวด้วยว่าสำหรับการประชุมกรธ. ในวันที่ 9 ม.ค. นั้น ตามที่กำหนดไว้ คือจะเข้าสู่การพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  โดยการพิจารณาดังกล่าว

จะเปิดให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมแสดงความคิดเห็นและกรธ. จะจัดเวทีเพื่อรับฟังเสียงของประชาชนด้วย
////////////////
อานิสงส์"หยั่งทาง"เลื่อนเลือกตั้ง

ที่ สนช.ออกมา "โยนหินถามทาง" เรื่องเลือกตั้ง นับว่าได้ผล!

เพราะทำให้รู้เลย....

ไฮยีนาฝูงไหน อยู่ในสภาพอดโซ "ซุ่มรอ" เลือกตั้ง ด้วยความกระหายหิว

ความจริง ถ้ามีสติซักนิด ปัญญาก็จะเกิด

เมื่อปัญญาเกิด ก็จะนับเลขเป็น

เมื่อนับเป็น ก็จะรู้ การเลือกตั้งตามโรดแมป "ไม่มีการเลื่อน" และ "เลื่อนไม่ได้"!

เพราะถูกล็อกไว้แล้วด้วยเงื่อนไขทั้งรัฐธรรมนูญชั่วคราว ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ ใกล้ประกาศใช้

ตามมาตรา ๒๖๘ บอกว่า.......

ให้ดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๖๗ (๑) (๒) (๓) และ (๔) มีผล

บังคับใช้แล้ว

คือเมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้

จะโรดแมป-โรดตู่ ก็ต้องอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ดังนั้น ถ้ามีอันผิดเพี้ยนไปจากนั้น ไปคอยดักตีกระบาล กรธ.กับ สนช.โน่น

ไม่ใช่เวียนหน้าออกมาไล่งับขากางเกงนายกฯ ตู่ ถ้าพลาด งับผิดที่นายกฯ เป็นหมันไปละก็ ใครจะรับผิดชอบ?

เพราะเลือกช้า-เลือกเร็ว หรือ เลือกได้-ยังเลือกไม่ได้ อยู่ที่ กรธ.กับ สนช.ผู้มีหน้าที่ทำคลอดกฎหมายลูก ๔ ฉบับ ว่าจะเสร็จตามเวลาโรดแมปหรือไม่?

รัฐบาลไม่เกี่ยว!

เพื่อช่วยเก็บอาการกระสัน พวกโจรประชาธิปไตยใส่สูท ยึดเทอมเวลานี้ไว้ จะได้ไม่ตื่นคอกจนน่ารำคาญ

ผมเคยบอกไปแล้วมิใช่หรือ นับจาก ๗ สิงหา.๕๙............

-กรธ.ร่างกฎหมายลูก ๔ ฉบับ ภายใน ๒๔๐ วัน

-สนช.พิจารณาร่างกฎหมายลูก ภายใน ๖๐ วัน

-เมื่อกฎหมายลูกบังคับใช้

กกต.จัดการเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๖๘ ภายใน ๑๕๐ วัน

-รวมเวลาทั้งหมด ๔๘๐ วัน หรือ ๑ ปี ๔ เดือน

มองรวมๆ จะตกประมาณปลายตุลา.๖๐ โน่น!

แต่ยังไม่ใช่ทีเดียว ยังมีขั้นตอนตามกฎหมายอยู่อีก ค่อยๆ คุยกันไปก็จะรู้เอง

แต่เฉพาะขั้นตอนนี้ รอให้ครบกำหนด "ถึงวันนั้น" ซะก่อน ถ้ามันบิดเบี้ยวค่อยโวย

พวกโวยประเด็นเลื่อน-ไม่เลื่อนเลือกตั้งแต่เดี๋ยวนี้ จะเข้า ๓ ลักษณะ

กระสัน-พาล-สันดานชอบเห่า!

ขอดักหน้าไว้อีกนิด.........

อย่าสื่อสารถึงชาวบ้านแบบตีขลุม โดยใช้ความคลุมเครือหาประโยชน์ใส่พรรค คือพอกฎหมายลูกเสร็จ ก็จะโมเม ทึกทักนับจากวันนั้น ว่าภายใน ๑๕๐ วันต้องเลือกตั้ง

อ่านมาตรา ๒๖๘ ให้ทะลุก่อน อย่าแกล้งโง่ รัฐธรรมนูญบอกว่า

"ให้ดำเนินการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภาย ๑๕๐ วัน....

"นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๖๗ (๑) (๒) (๓) และ (๔) มีผลบังคับใช้แล้ว"

นั่นคือ ๑๕๐ วัน ที่ว่านั้น ให้เริ่มนับจากกฎหมายลูก ๔ ฉบับ "มีผลบังคับใช้แล้ว" ไม่ใช่นับจากวันกฎหมายลูกเสร็จตามโรดแมป

แล้วใครจะบอกได้ล่ะว่า........

"กฎหมายลูก ๔ ฉบับ" จะมีผลบังคับใช้ เมื่อไหร่-วันไหน?

มีกรอบกว้างๆ เพียงว่า ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันไหน ก็นับ ๑ จากวันนั้นไป วันใด-วันหนึ่งใน ๑๕๐ วัน จะเป็นวันเลือกตั้ง

เรื่องนี้ ต้องแยกแยะให้ชัด มันมี ๒ ขั้นตอนอยู่

คือขั้นตอนร่างกฎหมายลูก ผ่านกฎหมายลูก จนถึงการประกาศใช้ ทำภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว

ส่วนขั้นตอนเลือกตั้ง ทำภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ที่กำลังจะประกาศใช้

ถ้าเข้าใจตามนี้..........

เซ่อ-สะเหล่อ-ง่าวจ๊าดแต้ ที่พวกกระสันเลือกตั้งไปเห่าหอนว่านายกฯ ตู่ ปูทางเลื่อนเลือกตั้ง

นายกฯ ปู น่ะ...มี แต่นายกฯ ปูทาง...ไม่มี เพราะกฎหมายมันล็อกเวลาไว้หมดแล้ว นายกฯ เบี้ยว แสดงว่านายกฯ ทำผิดรัฐธรรมนูญ

คนทำผิดรัฐธรรมนูญ ผลเป็นอย่างไร อยากรู้ใช่มั้ย?

ถ้าอยากรู้........

"ถามนายกฯ หญิงคนแรกดูซิเค้อะ!"

ฉะนั้น ขั้นตอนจัดทำกฎหมายไปสู่การเลือกตั้ง เรารู้แล้ว ยังไงๆ ก็ต้องเป็นไปตามโรดแมป ซึ่งมีกำหนดปลายปี

ปลายปี ก็เหมือนแม่ท้องครบ ๙ เดือน.......

แต่ ๙ เดือนปุ๊บ ใช่ว่าจะต้องคลอดปั๊บ!

อาจก่อนหน้า-ก่อนหลังได้ตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับว่า ปากมดลูกเปิดหรือยัง น้ำคร่ำแตกหรือยัง เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็วันนั้นแหละ คลอดแน่!

ช่วง ๙ เดือน คือเทอมเวลาคลอด ก็คือ เทอมรอกฎหมายลูก ๔ ฉบับน้ำคร่ำแตกนั่นแหละ

และแตกแล้ว คลอดตอนไหน ก็เท่ากับรู้แล้วว่า มีผลบังคับใช้วันไหน?..........

จากนั้น ก็รอดูในพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งทั่วไปอีกที ว่ากำหนดวันไหน ให้เป็นวันเลือกตั้ง

อันที่จริง ถ้าคนพอมีความรู้สึก ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี อยู่บ้าง ไม่สถุลชาติเกินไปนัก ย่อมเป็นที่เข้าใจได้

"ปลายปี-ต้นปี" เป็นสันตติแห่งกาลเวลา เป็นเวลาเชื่อมต่อในเหตุและผลด้วยกัน ไม่ถือเป็นช้าหรือเร็วในลักษณะ "ถ่วง-ดึง" ที่ถือว่าผิดเวลาจนน่าเกลียด

ตรงนี้ "วิญญูชน" เข้าใจได้!

ฉะนั้น ครบตามโรดแมปตุลา.-พฤศจิกา.๖๐ แล้วไปเลือกตั้งเอาต้นปี ๖๑ มันไม่ต่างกันเลย

นับเป็นบรรยากาศมีกิจกรรมการเมืองต่อเนื่อง ไม่ถือเป็นการเลื่อน-ไม่เลื่อนตรงไหน?!

ยิ่ง "คุณจมูกถอก" ออกมาพูด ทำให้ "ต่างชาติไม่เชื่อถือ" ยิ่งทำให้รู้เจตนสันดานพวกนี้

ก็ช่างมันปะไร.......

คุณจะยกต่างชาติดุจบิดาที่ต้องแคร์ ก็แคร์ของคุณไปซี จะให้มาเกี่ยวกับบ้านผม-เมืองผมทำไม?

เลือกตั้งสหรัฐสดๆ ร้อนๆ มีไอ้กันซักคนมันบอกโอบามา-นางคลินตันบ้างมั้ยว่า สันดานประชาธิปไตย "แพ้แล้วพาล" อย่างนั้นน่ะ

"ต่างชาติเขาไม่เชื่อถือ"?

สรุปในสรุปอีกที ...........

ไม่มีอะไรเลื่อนจากโรดแมป ส่วนเลือกตั้งปลายปี จะกำหนดวันไหน หรือเหลื่อมไปต้นปี เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายที่ "กำหนดกรอบ" ไว้

ก็อย่างที่บอกแต่ต้น

การยกเรื่องเลือกตั้งที่อาจต้องเหลื่อมไปต้นปี ๖๑ มาพูด เท่ากับ "โยนหินถามทาง"

ก็รู้ทางนักเลือกตั้งทันที โดยเฉพาะนักเลือกตั้งซีกเพื่อไทย

จุดอ่อนเพื่อไทยอยู่ในจุดแข็งตัวเขาเอง!

พรรคการเมืองอื่น เขาเฉยๆ จะเลือกปลายปี-ต้นปีถัดไป ได้ทั้งนั้น เพราะเดิมพันชีวิตของเขา ไม่ได้อยู่ที่การเลือกตั้ง

มีแต่เพื่อไทยระบอบทักษิณ "พรรคเดียว" เท่านั้น ที่ยึดการเลือกตั้งเป็นเดิมพันชีวิต

ทำไมเป็นเช่นนั้น?

ก็พรรคอื่นๆ เขามีแนวนโยบาย การเมืองเพื่ออำนาจเข้าไปบริหารบ้านเมืองตามวิถีทางประชาธิปไตย

ได้-ไม่ได้บริหาร ก็ไม่เดือดร้อนอะไร

แต่เพื่อไทย แนวนโยบายของเขา การเมืองเพื่ออำนาจเข้าไปบริหาร "ได้แล้วเอามาแบ่งกัน" สู่เป้าหมายเปลี่ยนประเทศไทยเป็น "แดงทั้งแผ่นดิน"!

ฉะนั้น ในความดำดิ่งกลิ้งลงเหวของระบอบทักษิณ

ทางรอด "ทางเดียว" ที่เหลืออยู่คือ "ทางเลือกตั้ง" เป็นเส้นทางหวัง จะได้กลับสู่เส้นทางอำนาจใหม่

เพราะมีแต่การได้อำนาจรัฐคืนมาเท่านั้น .......

จะช่วยให้สมุนที่ใกล้คุก-ในคุก...รอด จะช่วยให้วงศ์วานว่านเครือรวยแล้วเอามาแบ่งปันกัน...อีกรอบ

สำคัญสูงสุด..........

เป้าหมาย "แดงทั้งแผ่นดิน" ทักษิณสถาปนา จะสู่ไฟต์ล้างตา เพื่อการสถาปนากันอีกที!

เพราะอย่างนั้น พอบอกว่า "เลื่อนเลือกตั้ง" จึงเหมือนหมาถูกเหยียบหาง ร้องเอ๋งงง แล้วแว้งงับฉับเลย

จุดอ่อน กลัวไม่ได้เลือกตั้ง

จุดแข็ง เชื่อมั่นในละเมอว่า เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็นอนมา!

นั่นเท่ากับ ตอนนี้รัฐบาล คสช.มีคำตอบแล้ว ๒ คำตอบ

คำตอบแรก.............

เพื่อไทย ต้องการเลือกตั้งเร็ว เพื่อระบอบทักษิณรอด

คำตอบที่สอง......

ประชาชน เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ได้ เพื่อบ้านเมืองรอด

แต่ผมคิดว่า นายกฯ ประยุทธ์มี "คำตอบที่ ๓ " เป็นทางเลือกใส่ซองไว้แล้วมากกว่า!?

ไม่มีความคิดเห็น: