ตาม “คอนเซปต์” การปรองดองรอบใหม่ที่หัวขั้วอำนาจปัจจุบันอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. กับพี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม วางเกณฑ์ไว้
นั่นจึงไม่มีการนิรโทษกรรมล้างผิด ไม่พูดถึงการอภัยโทษ เลี่ยงโจทย์ปัญหาโลกแตกที่ทำให้การปรองดองต้องสะดุดมาตลอด
รวมถึงการปฏิเสธการใช้โมเดล “66/23” ยุทธศาสตร์สลายคอมมิวนิสต์ ของ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
เน้นสูตรปรองดองของ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” เท่านั้น
เรื่องของเรื่อง “มากคนมากความ” ถ้าเอาตามฝ่ายนั้น ก็ต้องเจอเสียงต้านจากฝ่ายนี้
อย่างที่เห็นลำพังแค่ไม่ทันไร พรรคเพื่อไทยยังตั้งแง่ใส่ทหาร คสช.เป็นคู่ขัดแย้ง ไม่ใช่คนกลาง แล้วถ้าเอายุทธศาสตร์ของ “ป๋าเปรม” ที่เป็นหนึ่งในเงื่อนไขคนสำคัญมาเป็นโมเดลปรองดอง มันยิ่งหนีไม่พ้นแรงเสียดทานจากฝ่าย “ทักษิณ” และเสื้อแดง
เท่ากับไปเขี่ยเชื้อไฟเก่าให้แรงขึ้นมา
ยังไง คสช.ก็ไม่เสียเวลาเดินย้อนรอยทางเก่า ทำปฏิวัติ “เสียของ” ซ้ำ
ที่น่าจับตาจริงๆก็คือท่าทีมั่นอกมั่นใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่ได้ยี่หระ หากมีพรรคการเมืองใหญ่บางพรรคไม่เข้าร่วมในกระบวนการปรองดอง ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะ คสช.ให้ทุกคนมีโอกาสที่จะเข้ามาพูดจาในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย
หากไม่พูดก็แสดงว่า พรรคการเมืองนั้นไม่ได้มองประเทศไทยอยู่ในสายตาว่า เราจะเดินหน้าประเทศกันอย่างไร จะเดินยุทธศาสตร์ชาติอย่างไร จะพัฒนาแก้ไขเศรษฐกิจให้ทันต่อสถานการณ์โลก
ถ้าเขาไม่พูดเรื่องเหล่านี้ แล้วจะเข้ามาเป็นรัฐบาลกันได้หรือในวันข้างหน้า
เอาอนาคตรัฐบาลวันหน้าเป็นเดิมพันกันเลย
พล.อ.ประยุทธ์ “ล็อกคอ” นักการเมืองคือตัวปัญหาหลักของโจทย์ปรองดอง
ตามเหลี่ยมทหารยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ถือเอาความต้องการของประชาชนคนไทยส่วนใหญ่เป็นบรรทัดฐาน
ขีดเส้น ตีกรอบให้นักการเมืองเดินกลับเข้าลู่เข้าทาง
ใครทำตัวเป็นไอ้เข้ขวางคลอง ต่อรองผลประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง ก็ต้องเสี่ยงกระแสตีกลับ
เรื่องของเรื่อง ความได้เปรียบอยู่กับทหารทุกประตู
ปล่อยให้อดอยากปากแห้งมา 2-3 ปี สถานการณ์ลากมาถึงตรงนี้ คสช.อ่านเกมขาด ตามฟอร์มนักการเมือง ใครไม่อยากเลือกตั้ง โดยเงื่อนไขที่รู้กันดีถ้าปรองดองรอบนี้ล่ม แนวโน้มปล่อยเลือกตั้งไปก็ไม่มี
หลักประกันจะไม่วุ่นวายภายหลัง
เป็นข้ออ้างอย่างชอบธรรมให้ คสช.ลากเกมอำนาจต่อ
นี่คือปัจจัยที่มีน้ำหนักมากสุดที่เอื้อให้ปรองดองเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
ไม่อย่างนั้นระดับ “ขุน” อย่าง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” คงไม่ขยับเดินหมากเอง
นั่นก็เพราะเห็นถึงโอกาสลุ้นเดิมพันสำคัญ
โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตรที่ดูท่าจะตั้งความหวังกับการสร้างผลงานประวัติศาสตร์ทิ้งทวนก่อนลงหลังเสือแบบปลอดภัย สบายเนื้อสบายตัว
จับความเคลื่อนไหว “พี่ใหญ่” ที่รับธงเป็นหัวหอก ประสานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง
เดินสายขอแรงสนับสนุนจากทุกวง เปิดใจพูดทุกเวที
สร้างบรรยากาศรองรับโหมดปรองดองเต็มที่
ล่าสุด พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม ระบุว่า พล.อ.ประวิตรได้สั่งการให้ปรับแก้ไขบางส่วนของคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง
โดยจะเน้นโครงสร้างให้มีนักวิชาการด้านพลเรือนทั้งสายนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รวมทั้งสายอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความปรองดองมากขึ้น
แน่นอน มุมนี้ก็เพื่อให้เกิดความหลากหลาย เพิ่มความเป็นธรรมชาติ
ลดโทนภาพท็อปบูตจี้บังคับให้ปรองดอง.
ทีมข่าวการเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น