PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560

กฎหมายพรรคการเมือง ระเบิดเวลารอวันปะทุ



โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ศึกนอกว่าหนักแล้ว ศึกในก็หนักไม่แพ้กัน เพราะเวลานี้นอกจากแม่น้ำ 5 สายต้องเผชิญกับแรงเสียดทานจากฝ่ายตรงข้ามที่จ้องกดดันและหาช่องทะลวงทำลายความชอบธรรมแล้ว ปรากฏว่าแม่น้ำ 5 สายก็ยังมาเปิดศึกกันเองแบบออกหน้าออกตา

ศึกในที่ว่านั้น คือ “คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ” (กรธ.) กับ “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” (สนช.) โดยมีสาเหตุมาจากความไม่ลงรอยกันในเรื่อง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ทั้งๆ ที่แม่น้ำ 2 สายนี้เพิ่งจูบหวานชื่นให้เห็นกันเมื่อครั้ง สนช.เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาก่อนหน้านี้

ย้อนกลับไปเมื่อครั้ง สนช.พิจารณาร่างกฎหมาย กกต. เวลานั้น สนช.ได้แก้ไขจากหน้ามือเป็นหลังมือในประเด็นของการเซตซีโร่ กกต.ทั้ง 5 คน ที่มีผลให้ 5 เสือ กกต.ไม่อาจอยู่ในตำแหน่งครบตามวาระ อันเป็นการแก้ไขกฎหมายที่สวนกับร่างกฎหมาย กกต.เวอร์ชั่นที่ กรธ.เสนอมาสภาอย่างชัดเจน เพราะ กรธ.ต้องการให้มีคณะกรรมการสรรหาเข้ามาทำหน้าที่ชี้ขาดคุณสมบัติของ กกต.มากกว่าที่จะเซตซีโร่ไปเสียทั้งหมด

แต่ กรธ.เองก็แสดงความชื่นชมในความกล้าหาญในการแก้ไขร่างกฎหมาย กกต.ของ สนช. ถึงขั้นออกปากเป็นการช่วยแก้ไขปัญหา แม้ว่า กรธ.จะต้องเจอกับเสียงบ่นที่มาจาก กกต. 5 คนก็ตาม
ทว่าสิ่งไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เพราะอยู่ดีๆ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธาน กรธ. ไม่สบอารมณ์กับการแก้ไขร่างกฎหมายพรรคการเมืองของ สนช.

ประเด็นที่ประธาน กรธ.ไม่พอใจ สนช.อยู่ที่การไปเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.ของพรรคการเมืองไว้อย่างเข้มงวด จนอาจเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ซึ่งต่างจากแนวทางที่ กรธ.กำหนดไว้ว่าควรให้พรรคการเมืองดำเนินการตามความเหมาะสมของแต่ละพรรคการเมืองเป็นสำคัญ ไม่ใช่ไปกำหนดเป็นกระบวนการที่ตายตัวอย่างที่ สนช.ได้ทำลงไป

“ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวจะมีปัญหาในทางปฏิบัติ เพราะเดิมปกติเวลากำหนดวันเลือกตั้งแล้วจะมีการกำหนดวันรับสมัครภายใน 7-10 วันหลังจากได้ประกาศวันเลือกตั้ง

แต่ตามกฎหมายฉบับใหม่กำหนดไว้ว่าพรรคการเมืองจะสมัคร สส.ก็ต่อเมื่อพรรคการเมืองมีการทำไพรมารีโหวต ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาพอสมควร จึงทำให้มีปัญหาว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไร และพรรคการเมืองจะกลับมาสมัครรับเลือกตั้งทันหรือไม่” เสียงท้วงติงจากประธาน กรธ.เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.
เมื่อพิจารณาจากท่าทีของมีชัย มีความเป็นไปได้สูงที่ กรธ.จะเสนอต่อ สนช.เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกัน 3 ฝ่ายเพื่อพิจารณาทบทวนเนื้อหาในประเด็นนี้อีกครั้ง

หากเป็นอย่างนั้นเท่ากับว่าทั้ง “สนช.-กรธ.” ต้องกลับมางัดข้อกันอีกครั้ง

ตามขั้นตอนเมื่อมีการแก้ไขเนื้อหาแล้วจะต้องส่งกลับมาให้ที่ประชุม สนช.พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งความเป็นไปได้ที่ สนช.จะคล้อยตาม กรธ.นั้นต้องยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ยากพอสมควร

ด้วยเหตุมองในเชิงตรรกะแล้วเมื่อ สนช.เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองที่คณะ กมธ.ของ สนช.แก้ไขไปแล้ว หาก สนช.จะไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายพรรคการเมืองก็ต้องลงมติคว่ำเพื่อไม่ให้เห็นด้วยกับเนื้อหาที่คณะ กมธ.แก้ไขตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ดังนั้น ในบริบทนี้เสียงท้วงติงของประธาน กรธ.อาจไม่มีความหมายในสายตาของ สนช. ซึ่ง สนช.เองก็มองว่า ถ้าการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิมตามโรดแมปไปบ้างก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด

แต่กระนั้น มติของ สนช.ในการเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเวอร์ชั่นของ สนช.กำลังสร้างปัญหาในระยะยาว ภายหลังพรรคการเมืองในฐานะผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านอย่างชัดเจน

สาเหตุหลักที่ไม่เห็นด้วย คือ การทำให้การเลือกตั้งอาจถูกเลื่อนออกไปโดยไม่จำเป็น เพราะกฎหมายบังคับว่าพรรคการเมืองจะต้องมีการทำไพรมารีโหวตก่อน มิเช่นนั้น จะไม่สามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้

ขณะเดียวกัน การกำหนดให้มีไพรมารีโหวตเป็นการปิดโอกาสของพรรคการเมืองขนาดเล็กในการส่งผู้สมัครเลือกตั้งไปในตัวด้วย เนื่องจากในเชิงโครงสร้างแล้วพรรคการเมืองไม่อาจจัดให้มีไพรมารีโหวตทั่วประเทศได้เท่ากับพรรคการเมืองขนาดใหญ่

ด้วยเหตุนี้ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองที่ สนช.แก้ไขลงไปนั้นอาจเป็นจุดบ่มเพาะความขัดแย้งครั้งใหม่ไม่มากก็น้อย ด้วยการมองว่าผู้มีอำนาจทั้งหลายไม่ได้เต็มใจคืนอำนาจให้ประชาชนเพื่อเลือกตั้งในอนาคต

จากนี้ไปปัจจัยแห่งความขัดแย้งเริ่มก่อตัวขึ้นมาพร้อมกันในหลายจุด ทั้งเงื่อนไขทางกฎหมาย รวมไปถึงการบริหารประเทศของรัฐบาลที่ไม่ค่อยเข้าตา หากผู้มีอำนาจยังคงมองข้ามและไม่แยแสกับระเบิดเวลาที่เริ่มนับถอยหลังแล้ว ก็อย่าได้แปลกใจว่าถ้าสุดท้ายจะได้รับก้อนอิฐมากกว่าดอกไม้ 

ไม่มีความคิดเห็น: