PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ไม่น่าจะหนีจากสูตรนี้

ไม่น่าจะหนีจากสูตรนี้

อาการต่อมฉุนอักเสบกำเริบอีกคำรบตามอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างเห็นได้ชัดของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ที่ดูจะหงุดหงิดไปหมดทุกเรื่อง

ฉะบ้าบอคอแตก ตัดบทไม่ให้นักข่าวซักไซ้เรื่องลงสมัครเลือกตั้ง

แขวะ “ไอ้พวกช่างฟ้อง” ในจังหวะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ มือกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แตะมือกันสกัดกั้น พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และ พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ

จ่อฟ้องศาลปกครอง ร้องศาลรัฐธรรมนูญ

พาลเซ็งไปถึงกรณีที่ศิลปินแห่งชาติทะเลาะกันเพราะปมชนวนมาจากกลอนที่ตัวเองแต่งขึ้น เปรยเป็นเชิงกลุ้มใจจริงๆอยากหยุดพูดสัก 1 เดือน

“นายกฯลุงตู่” เหมือนแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียว

แต่เรื่องของเรื่อง มันก็น่าจะเป็นแค่ลีลาเอกลักษณ์ของเอกบุรุษ

มุกของผู้นำรัฐบาล คสช.ที่ใช้บทหงุดหงิดในการเบรกกระแส เบี่ยงตัวหลบปมร้อนๆที่ไม่อยากตอบคำถามยากๆของนักข่าว

เอาเป็นว่า ประเมินกันตามเงื่อนสถานการณ์ตรงหน้า มันก็ไม่ได้มีอะไรที่ “นายกฯลุงตู่” ต้องซีเรียสเครียดหนักแต่อย่างใด

ในเมื่อทุกอย่างมันกำลัง “เข้าทาง” ตามเหลี่ยมที่วางไว้

ถึงตรงนี้สังคมส่วนใหญ่รับรู้คำตอบสุดท้ายกันแล้ว ไม่ว่าจะด้วยสถานะ นายกรัฐมนตรีคนในหรือนายกรัฐมนตรีคนนอก

“เลือกตั้ง” หรือ “ลากตั้ง”

“นายกฯลุงตู่” คือชื่อเดียวที่ล็อกไว้ในการเป็นผู้นำเปลี่ยนผ่านในระยะ 5 ปี

และเจ้าตัวเองก็คงตั้งใจจะโยนหินหยั่งกระแส เปิดทางไว้ แบบที่ตีกรรเชียง เลี่ยงพูดมัดคอตัวเอง โยนสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นตัวชี้วัดว่าจะตัดสินใจอย่างไรในอนาคต

แปลความตามภาษาทางการเมืองแค่นี้ก็ชัดเจน

ขณะเดียวกันก็เป็นสถานการณ์ของการเดินตามพิมพ์เขียวอำนาจที่ออกแบบกันไว้

หลังเลือกตั้งรอบหน้าต้องเป็นรัฐบาลผสม พรรคเล็ก พรรคน้อย แยกกันเดิน เบียดแย่งเสียงจากพรรคเพื่อไทย เก็บแต้มผสมเล็กผสมน้อย

อาศัยช่องจากกติกาเลือกตั้งสูตรจัดสรรปันส่วนผสม แล้วมาร่วมกันโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์

ตามจังหวะที่สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ทยอยลาออกรายวันเพื่อแต่งตัวลงสนามเลือกตั้ง ล่าสุดเหลือทำหน้าที่อยู่ในสภาแค่ 170 กว่าคน

“ขุนอาสา” กระจายกำลังออกตั้งป้อมค่ายรวบรวมไพร่พล

โดยสถานการณ์ล่าสุดก็เป็นจังหวะขยับของตัวละครดังอย่าง “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ในฐานะหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ที่แบะท่าพร้อมคุยกับ สปท.ที่มีแนวคิดจะรวมพรรคเล็กเพื่อลงสนามเลือกตั้ง

พรรคหนุน คสช.ยังไงก็ต้องเกิดขึ้น

ตามความจำเป็นทางยุทธศาสตร์การเมือง “นายกฯลุงตู่” ต้องมีพรรคการเมืองประกบเป็นตัวช่วยประคองเกมในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหลักประกันความปลอดภัยในคิวอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการพิจารณาร่างกฎหมายเกี่ยวกับงบประมาณ

เพราะถึงตอนนั้นเสียงของ “250 ส.ว.สรรหา” เข้าไปอุ้มไม่ได้

และที่สำคัญเลย ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวนตัวเลขเท่านั้น แต่มันยังต้องมีเรื่องของการ “ล็อกเสียง” คุมเกมโหวตให้อยู่ด้วย

โดยรูปการณ์ มันก็โยงไปถึง “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ที่ออกตัวว่า วันนี้ยังไม่คิดโดดลงสนามการเมือง แต่วันข้างหน้ายังตอบไม่ได้

แนวโน้มหนีไม่ออกเหมือนกัน

ด้วยคุณสมบัติของผู้มี “บารมี” เหมาะสุดกับผู้จัดการรัฐบาล

“พี่ใหญ่” คงหนีไม่พ้นโดนลากมาช่วย “น้องเล็ก” อยู่ดี.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: