PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ดาวยก

ดาวยก

วันนี้ (4 สิงหาคม) เวลา 5 ทุ่ม 5 นาที ดาวพระราหู จะยกออกจากราศีสิงห์ย้าย เข้าราศีกรกฎ ทำมุมฉากกับดาวมฤตยูที่ทับลัคนาดวงเมืองเต็มเปา

จะเกิดแรงเหวี่ยงเอียงไปด้านร้ายหรือด้านดี...สาธุชนโปรดติดตามต่อไป

เอาเป็นว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด...“วอทเอฟเวอร์วิลบี...วิลบี” ก็แล้วกัน

แต่ที่ยกไปก่อนดาวพระราหูยก 2 วัน คือศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองพิพากษายกฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ซึ่งถูก ป.ป.ช.ฟ้องเป็นจำเลยคดีสลายม็อบพันธมิตร เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่าสามร้อยคนและเสียชีวิตอีก 2 ราย

“แม่ลูกจันทร์” สรุปย่อๆว่า ศาลฎีกาแยกข้อกล่าวหาเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเช้า และช่วงเย็น

ศาลพิเคราะห์ว่าเหตุการณ์ในช่วงเช้าของวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จำเลยทั้ง 4 ได้ร่วมกันสั่งการให้เปิดทางเข้ารัฐสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีเข้าแถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาอันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ

การที่ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรปิดล้อมประตูเข้าออกรัฐสภาไว้ทุกด้าน ถือเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของแผนกรกฎ 48 โดยใช้มาตรการควบคุมฝูงชนจากเบาไปหาหนักเท่าที่จะทำได้ในสถานการณ์ขณะนั้นแล้ว

ศาลฎีกาพิเคราะห์ต่อไปว่า เหตุการณ์ในช่วงบ่ายซึ่งยืดเยื้อไปถึงช่วงคํ่าเนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้กลับมาปิดล้อมรัฐสภา เป็นเหตุให้คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา และเจ้าหน้าที่รัฐสภา ไม่สามารถออกจากรัฐสภาได้ และมีการปลุกระดมผู้ชุมนุมจะบุกเข้าไปข้างในรัฐสภา จึงไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบสันติ ตามที่รัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครอง

เป็นเหตุจำเป็นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องเปิดทางช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ในรัฐสภา

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ประเด็นสำคัญคือ การใช้ “แก๊สนํ้าตา” ในการสลายการชุมนุม

ประเด็นนี้ พยานฝ่ายโจทก์และพยานฝ่ายจำเลย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับแก๊สนํ้าตา ยังมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับผลจากการใช้แก๊สนํ้าตาเป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมบาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่

ศาลพิเคราะห์ว่า ในสถานการณ์เช่นนั้นเป็นการยากที่เจ้าหน้าที่จะประเมินว่าแก๊สนํ้าตาเป็นเหตุให้เกิดบาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่ จึงยังฟังไม่ขึ้นว่าจำเลยทั้ง 4 มีเจตนาจงใจให้เจ้าหน้าที่ทำร้ายผู้ชุมนุมให้ได้รับอันตรายและเสียชีวิต

ทีนี้มาถึงประเด็นสุดท้าย...

เหตุใดตำรวจจึงไม่ใช้รถดับเพลิงฉีดนํ้าผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมก่อนใช้แก๊สนํ้าตา??

ฝ่ายจำเลยมีพยานยืนยันว่าได้ใช้มาตรการควบคุมฝูงชนจากเบาไปหาหนักแล้วเท่าที่จะทำได้ใน
สถานการณ์ขณะนั้น

แต่เหตุที่ไม่สามารถใช้รถดับเพลิงฉีดนํ้าผลักดันผู้ชุมนุม เนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก กทม.
โดยได้ติดต่อประสานผู้ว่าฯ กทม. ขอสนับสนุนรถดับเพลิงแล้ว แต่ติดต่อไม่ได้หาตัวไม่เจอ

ข้อกล่าวหาของโจทก์ จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 4 ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 4 คน

“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่า แม้คดีนี้จะจบแล้ว แต่ยังไม่จบบริบูรณ์

เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เปิดช่องให้โจทก์คือ ป.ป.ช.สามารถใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วัน

“แม่ลูกจันทร์” ไม่อยากเดาล่วงหน้าว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.คนปัจจุบัน (ซึ่งเคยเป็นลูกน้องมือขวาของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.) ท่านจะตัดสินใจอย่างไร??
เพราะมีทางเลือกได้ 2 ประตู

1,ขอใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คดีนี้ให้ถึงไหนถึงกัน

2,ขอไม่ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คดีนี้ให้มากเรื่องมากความ

ปล.เหตุที่ไม่อยากเดา...เพราะกลัวจะเดาถูกน่ะซีโยม.

"แม่ลูกจันทร์"

ไม่มีความคิดเห็น: