PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560

'วิสัชนา ๒๕ สิงหากับข่าวลือ'

ศุกร์ ๒๕ สิงหา ๖๐..........
คือวันที่ "ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" นัด "โจทก์-จำเลย" ฟังคำตัดสิน
คดีใน "โครงการรับจำนำข้าว" วันเดียวกัน ๒ คดี!
คดีแรก เป็นคดี "ทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี"
มีจำเลยทั้งหมด ๒๘ คน .......
เช่น นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ เป็นต้น
คดีที่สอง เป็นคดี "ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว"
มีจำเลยคนเดียว คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ
ยิ่งใกล้วัน ยิ่งพูดกันสับสน จะติดบ้าง จะหลุดบ้าง รั่วบ้าง จนดูหมิ่นเหม่ต่อการก้าวล่วงอำนาจศาล
ซึ่งในความเป็นจริง.........
ตราบที่ยังไม่มีคำพิพากษาออกมา จะไม่มีใครรู้เลย ว่าผลคดีจะเป็นอย่างไร
แม้กระทั่งองค์คณะผู้ตัดสินทั้ง ๙ ก็ไม่รู้ นอกจากของตัวเอง!
ผมพูด ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อ ........
แต่ท่าน "ชูชาติ ศรีแสง" อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ซึ่งเคยเป็นองค์คณะตัดสินคดีในศาลฎีกาแผนกคคีอาญาฯ มาแล้ว พูด
ต้องเชื่อ และ ควรเชื่อ
ท่านโพสต์ fb ไว้วันก่อน ตอนหนึ่ง ว่า........
"......ในฐานะเคยทำหน้าที่เป็นองค์คณะผู้พิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีแรกของศาลมาก่อน
จึงรู้กระบวนการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลนี้ดี คือ
เมื่อสืบพยานโจทก์ จำเลย เสร็จและนัดฟังคำพิพากษาแล้ว องค์คณะผู้พิพากษาแต่ละท่าน ต่างก็พิจารณาวินิจฉัยว่าจะมีคำพิพากษาอย่างไร
และทำคำวินิจฉัยของตนเอง โดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับองค์คณะท่านอื่นๆ
ในวันนัดฟังคำพิพากษา องค์คณะจะมีการประชุมกันในตอนเช้าก่อนเวลานัดฟังคำพิพากษา
และลงมติกันว่า จะมีคำพิพากษาว่าอย่างไร จำเลยมีความผิดหรือไม่ ลงโทษหรือยกฟ้อง
ถ้าลงโทษ เป็นโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ โทษจำคุกกี่ปี โทษปรับเท่าใด โทษจำคุกจะรอการลงโทษหรือไม่
การลงมติให้ถือเสียงข้างมาก เมื่อลงมติกันอย่างไร ก็จะพิมพ์คำพิพากษา แล้วจึงอ่านให้คู่ความฟัง
ณ วันนี้ แม้แต่องค์คณะคดีนี้ แต่ละท่านก็ทราบเฉพาะตัวท่านเองเท่านั้น ว่าจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร ไม่อาจทราบได้ว่า ท่านอื่นอีก ๘ ท่านจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร
แต่ละท่านจึงยังไม่ทราบว่า องค์คณะผู้พิพากษาอีก ๘ ท่าน แต่ละท่านจะมีมติว่าอย่างไร และมติเสียงข้างมากจะมีว่าอย่างไร
ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ ที่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งทราบว่า ศาลจะมีคำพิพากษาอย่างไร
ที่มีการปล่อยข่าวว่าศาลจะพิพากษายกฟ้อง จึงเป็นการกล่าวเท็จอย่างแน่นอน"
ครับ...ก็ชัดเจน ..........
ใครมาเป่าหูว่า รู้แล้ว..รู้แล้ว วันที่ ๒๕ สิงหาศาลตัดสินอย่างนั้น-อย่างนี้ อย่าไปสนใจหรือไขว้เขวตาม
อีกประเด็น...........
ที่พูดกันว่า "๒๕ สิงหาอาจเลื่อนตัดสิน"!
โดยให้เหตุผลว่า จำเลยมีจำนวนมาก ถ้ามากันไม่ครบ ศาลอาจเลื่อน
เพราะ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.๒๕๔๒
มาตรา ๓๒ วรรคสอง บอกว่า.........
"..........ในกรณีที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งตามวรรคหนึ่ง แต่จำเลยไม่อยู่หรือไม่มาฟังคำพิพากษา
ให้ศาลเลื่อนการอ่านไป และออกหมายจับจำเลยมาฟังคำพิพากษา
เมื่อได้ออกหมายจับแล้ว ไม่ได้ตัวจำเลยมาภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันออกหมายจับ
ให้ศาลอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งลับหลังจำเลยได้ และให้ถือว่า จำเลยได้ฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นแล้ว"
ตรงนี้ ก็อย่าสับสน........
วันที่ ๒๕ สิงหา "ตัดสิน ๒ คดี" อย่างที่บอกตอนต้น คดีจีทูจี ฟ้องศาลก่อน มีจำเลยรวม ๒๘ คน
มีท่าน "ธนฤกษ์ นิติเศรณี" รองประธานศาลฎีกา เป็นตุลาการเจ้าของสำนวน
ส่วนคดี "ยิ่งลักษณ์" ปล่อยปละละเลย ฟ้องทีหลัง มียิ่งลักษณ์ตกเป็นจำเลยคนเดียว
ท่าน "ชีพ จุลมนต์" ว่าที่ประธานศาลฎีกาคนใหม่ เป็นตุลาการเจ้าของสำนวน
ก็แยกแยะกันให้ดี อย่าสับสนปนเป ต้องเข้าใจให้ชัดว่า คดีทั้ง ๒ เป็นคนละคดี คนละองค์คณะ และตัดสินคนละเวลา
ฉะนั้น ประเด็นเลื่อน-ไม่เลื่อน พูดเหมารวมไม่ได้
ดู "คดียิ่งลักษณ์" ก่อน.........
ยิ่งลักษณ์ เธอนั่งยัน-นอนยันมาตลอด ว่ามาฟังคำตัดสินแน่ แม้วินาทีนี้ ทนายก็ยังยืนยันว่า เจ้มาแน่!
คดียิ่งลักษณ์ มีจำเลยคนเดียว เมื่อจำเลยมาแน่ ประเด็น "เลื่อนคำตัดสิน" ก็ตัดทิ้งไปได้เลย
เว้นแต่ ที่ว่ามาแน่ เอาเข้าจริง "ไม่มาแน่" นั่นแหละ ต้องเลื่อน!
แต่ถ้ากฎหมายลูกฉบับใหม่ที่ "ให้ศาลอ่านคำพิพากษาคดีลับหลังจำเลยได้" ประกาศใช้ ตัดสินได้ทันทีเลย
มาดูคดีจีทูจีที่จะตัดสินก่อนบ้าง คดีนี้ จำเลยมีทั้งหมด ๒๘ คน
เป็นนักการเมืองและข้าราชการ ๖ คน คือ
นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ ๑, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ ๒, พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ "หมอโด่ง" วัจนะพุกกะ อดีตผู้ช่วยเลขานุการและอดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ที่ ๓,
นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ที่ ๔, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และอดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ที่ ๕, นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ และอดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ที่ ๖
จากรายชื่อตรงนี้ จะเห็นว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ "หมอโด่ง" วัจนะพุกกะ จำเลยที่ ๓ หนีไปแต่ต้นแล้ว
ส่วนเอกชน-นิติบุคคล ๒๒ คน ประกอบด้วย
นายสมคิด เอื้อนสุภา ที่ ๗, นายรัฐนิธ โสจิระกุล ที่ ๘, นายลิตร พอใจ ที่ ๙, บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่ ๑๐, น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ที่ ๑๑, น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ ที่ ๑๒, น.ส.สุทธิดา หรือสุธิดา ผลดี หรือจันทะเอ ที่ ๑๓,
นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร ที่ ๑๔, นายนิมล หรือโจ รักดี ที่ ๑๕, นายสุธี เชื่อมไธสง ที่ ๑๖, นางสุนีย์ จันทร์สกุลพร ที่ ๑๗, นายกฤษณะ สุระมนต์ ที่ ๑๘, นายสมยศ คุณจักร ที่ ๑๙,
บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือบริษัท สิราลัย จำกัด ที่ ๒๐, น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร ที่ ๒๑, ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร ที่ ๒๒, นายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ ที่ ๒๓,
บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด นายทวี อาจสมรรถ กรรมการ ที่ ๒๔, บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด ที่ 25, นายปกรณ์ ลีศิริกุล ที่ ๒๖
บริษัท เจียเม้ง จำกัด ที่ ๒๗, นางประพิศ มานะธัญญา ที่ ๒๘
ในจำนวนนี้ หลบหนีไปแล้ว ๑ คน คือ จำเลยที่ ๑๖ "นายสุธี เชื่อมไธสง"
ประเด็นมา "ครบ-ไม่ครบ" ก็อยู่ที่คดีนี้แหละ ที่เห็นๆ ตายไปแล้วก็มี ที่หนีก็มี อย่างน้อย ๒
แล้วจะยังไง?
ตามมาตรา ๓๒ วรรคสอง บอกว่า "จำเลยไม่อยู่หรือไม่มาฟังคำพิพากษาให้ศาลเลื่อนการอ่านไป และออกหมายจับจำเลยมาฟังคำพิพากษา"
ตามนี้ ก็หมดปัญหาเรื่องเลื่อน!
เพราะยังไงๆ วันที่ ๒๕ สิงหาต้องมีตัวจำเลยอย่างน้อย ๑ คน มาฟังคำพิพากษาแน่นอน คือ จำเลยที่ ๑๔
นายอภิชาติ หรือ "เสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร"
ขณะนี้ เป็น "นักโทษ" อยู่ในคุกแล้ว ด้วยคดียักยอกข้าวรัฐ!
อีกทั้งคนอื่นๆ เช่นนายบุญทรง นายภูมิ ก็ยืนยันว่าไปฟังคำตัดสินแน่ ดังนั้น เงื่อนไขให้เลื่อน มองไม่เห็น
เพราะตามกฎหมายบอกว่า.........
"ต้องมีตัวจำเลยมา"
แต่ไม่ได้กำหนดว่า "ต้องมาครบ-ไม่ครบ"
ดังนั้น แค่มีจำเลยมา ๑ คน ก็ถือว่ามีตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาตามกฎหมายระบุแล้ว
ส่วนคนที่ไม่มา หรือหลบหนี ศาลท่านก็จะออกหมายจับ พร้อมปรับนายประกัน!
เนี่ย....ก็ยึดไว้ประกอบการฟังข่าวลือ-ข่าวปั่น-ข่าวปล่อย จะได้ไม่โยกเอนไปตามที่คนนั้นพูดที-คนนี้พูดที
นอนหลับกันให้สบายเถอะ..........
ส่วน "เอาอยู่-เอาไม่อยู่" ยกให้เป็นเรื่องของ "ทักษิณริ-ยิ่งลักษณ์ยำ" เขาเถอะ.

ไม่มีความคิดเห็น: